siamphoenix.com

หมวดเสวนา => กระดานเสวนา => หัวข้อที่ตั้งโดย: จอมมาร เมื่อ มีนาคม 19, 2008, 01:09:21 หลังเที่ยง

ชื่อ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: จอมมาร เมื่อ มีนาคม 19, 2008, 01:09:21 หลังเที่ยง
พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ เอาตั้งแต่แรกเลยว่าผสมอาหารยังไง ดูแลยังไง
นกสามารถป่วยเป็นโรคอะไรได้บ้าง มีอาการยังไง สังเกตุอาการยังไง ตลอดจนวิธีการรักษา
เพราะผมคิดว่าคงช่วงนี้คงมีการถอยลูกป้อนออกมากันมากเเน่ๆ รบกวนด้วยครับ ที่ีไม่ตอบเองเพราะ
ความรู้ผมมันช่างน้อยนิดกระจิ๊ดริ๊ด กระจ้อยร่อย ตอบไปอาจอายได้ รบกวนท่านเทพทุกๆท่านด้วยครับ :-)
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: ... เมื่อ มีนาคม 19, 2008, 04:10:40 หลังเที่ยง
เอาข้อมูลคร่าว ๆ ของท่านทวด ทพ. ชาย ตัน  ไปอ่านเล่น พราง ๆ ก่อนครับ  เป็นข้อมูลย้อนหลังไปสัก 5 - 6 ปีที่แล้วครับ

อิ อิ

เดี๋ยวรอ ท่านเทพ มาอธิบาย


คำแนะนำในการเลี้ยงดูลูกนกแก้ว

เนื่องจากปัจจุบัน  ได้มีการเพาะขยายพันธุ์นกแก้ว  เพื่อจำหน่ายเป็นสัตว์เลี้ยงกันเพิ่มมากยิ่งขึ้น  ทั้งนกที่มีสายพันธุ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ  และนกที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเซีย  ดังนั้น  ทางชมรม  สยามไอเวียรี่คลับ  จึงได้จัดทำเอกสารนี้ขึ้นมาเพื่อเผนแพร่  เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจได้ใช้เป็นแนวทางในการเลี้ยงดูลูกนกอย่างประสพความสำเร็จ  เติบโตเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพ  และมีโอกาสแพร่ขยายพันธุ์ต่อไป ในอนาคต

   การเริ่มต้นเลี้ยงนกแก้ว  โดยการหาซื้อลูกนกที่ได้รับการป้อนอาหารด้วยมือ  และโตจนสามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว นั้น  จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด  หรือหากต้องการที่จะป้อนอาหารลูกนกด้วยตนเอง  ก็ควรที่จะเลือกลูกนกที่มีเส้นขนแหลมเป็นหนาม ๆๆ ( ขนหลอด ) ขึ้นมาบ้างแล้ว  จะปลอดภัยกว่า ที่จะซื้อลูกนกที่มีอายุน้อยกว่านี้  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ผู้ที่ไม่เคยป้อนอาหารลูกนกมาก่อน

   เลือกลูกนกที่มีดวงตาแจ่มใส  นิ้วเท้าอวบอ้วน  ไม่มีน้ำมูก  ไม่หายใจทางปาก  ปีกแนบชิดลำตัว  ขนรอบ ๆ ก้น ไม่มีคราบสิ่งสกปรก  ในกล่องหรือในตู้ที่ใส่ลูกนกไม่มีกลิ่นเหมืนอันเกิดจากลูกนกท้องเสีย หรือไม่มีคราบอาหารที่ลูกนกขย้อนออกมา  

   อาหารที่ใช้ป้อนลูกนก  ( ไม่ควร )  ใช้อาหารสำหรับเด็กอ่อน  เช่น  ซีรีแรค  ซึ่งมีส่วนผสมของนมอยู่ด้วย นกไม่ใช่สัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม  จึงไม่มีเอ็นไซน์แลคเตส  สำหรับย่อยนม เมื่อได้รับอาหารที่มีนม ผสม อยู่ด้วยในปริมาณที่มาก  จะทำให้เกิดอาการท้องเสีย  หรืออาหารไม่ย่อยได้

   อาหารสำหรับลูกนกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ
1.   อาหารสำเร็จรูป  ส่วนใหญ่  เท่าที่เห็นกันอยู่นั้น  จะเป็นอาหารสูตรจากต่างประเทศ  ซึ่งจะมีราคาค่อนข้างสูง  และจะมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน  สำหรับลูกนกเมื่อเปรียบเทียบกับอาหาร  ที่ผลิตภายในประเทศ  ราคาจะต่างกันมาก ๆ
2.   อาหารที่ผสมขึ้นเอง  โดยใช้เมล็ดพืช  เช่น  ถั่วเชียว  ถั่วเหลือง  ฟักทอง  ปลายข้าว  แครอท  ข้าวโพด  ไข่ไก่  ต้มรวมกันจนสุกเปื่อย  เติมวิตามินและเกลือแร่  ข้อดี ของอาหารประเภทนี้คือ  สามารถเตรียมได้เอง  ประหยัด  ส่วนข้อเสีย คือ  อาจไม่ได้รับสารอาหารครบถ้วนตามที่ลูกนกต้องการ
3.   ผลไม้  เช่น  กล้วย  มะละกอ ฯลฯ

อุปกรณ์ที่ใช้ในการป้อนอาหาร  มีให้เลือกใช้ดังนี้คือ
1.   ไซริ้งค์  พร้อมกับสายยาง ( ไส้ไก่  จักรยาน  ขนาด ยาว ประมาณ 3 – 5 นิ้ว )  วิธีการป้อน  แบบนี้ ค่อนข้างสะดวก  แต่ความสะดวกต่าง ๆ ก็จะแฝงถึงอันตรายสำหรับลูกนกด้วย  โดยจะแหย่ปลายสายยางเข้าไปในปากลูกนก ( บริเวณด้านข้าง )  ไม่ควรแหย่ลงไปตรงกลางปากลูกนก  เนื่องจาก บริเวณ  ใต้โคนลิ้น  ของลูนกจะเป็นหลอดลม  สายยาง หรือไส้ไก่  อาจจะเข้าไปในหลอดลมได้ ( ถึงตายเชียว )
2.   ไซริ้งค์  พร้อมกับสายยาง ( ชนิดป้อนลูกนกปากขอ โดยเฉพาะ )  ปกติ สลิ้ง  ชนิดนี้  จะไม่ค่อยได้เห็น เข้ามาขาย ตามร้านขายนกต่าง ๆ มากมายนัก  ( มีขายเฉพาะที่ )  โดยจะไม่ต้องห่วง ๆ เรื่องอาหารเข้า หลอดลม  เนื่องจากอาหาร จะออกมาบริเวณ ช่องด้าน ข้างของสายยาง  
3.   ไซริ้งค์  อย่างเดียว  โดยแหย่  ปลายไซริ้ง  ที่บรรจุอาหารเข้าที่มุมปาก  แล้วค่อย ๆๆ บีบ ก้านไซริ้งค์ อย่างช้า ๆ
4.   ช้อนชา  ที่บีบขอบทั้งสองข้าง ห้อเข้าหากัน  ตักอาหารป้อนลูกนกอย่างช้า ๆ ปลอดภัย มากที่สุด  แต่ค่อนข้างจะเลอะเทอะ

คำแนะนำในการป้อนอาหาร
1.   อุณหภูมิของอาหารที่ใช้ป้อนลูกนก  หากเป็นอาหารสำเร็จรูป  ควรมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง  37.7 – 43.3  องศา C  ( 100 – 110 องศา F )
2.   ผสมอาหารตามอัตราส่วนที่ระบุไว้  และเพียงพอต่อการใช้ในแต่ละมื้อ  ปัญหาที่มักจะพบคือในกรณีที่ซื้ออาหารที่แบ่งขายเป็นถุง ๆ  ขอให้สอบถามเรื่องอัตราส่วนผสมที่ชัดเจนด้วย  ซึ่งจะแตกต่างกันไปแล้วแต่ละยี่ห้อ
3.   หากเป็นผลไม้  ใช้ช้อนขูด ๆ ให้นกกินทีละน้อย  ควรใช้ผลไม้ที่ใหม่สดอยู่เสมอ
4.   ความถี่  ในการป้อนอาหาร
แรกเกิด  ให้ทุก  ๆ   2 ชั่วโมง  ( 9 – 10 ครั้ง ต่อ วัน )
เมื่อถึงวันที่ 8  ให้ทุก ๆ 3.5 – 4 ชั่วโมง  ( 5 – 6 ครั้ง ต่อ วัน )
เมื่อถึงวันที่ 14  ให้ทุก ๆ 5 ชม. ( 4 ครั้ง ต่อวัน )
เมื่อถึงวันที่  24 – 30  ให้ทุก 8 ชม.  (  3 ครั้ง  ต่อวัน )
เมื่อถึงช่วงที่น้ำหนักตัวของลูกนกขึ้นถึงจุดสูงสุด 2 ครั้งต่อวัน

หมายเหตุ :  น้ำหนัก  นกต้องขึ้นทุกวัน  เพียงแต่ว่า จะขึ้นมากหรือน้อย เท่านั้น จะไม่มีการลดลง

   ช่วงอายุที่ลูกนกมีน้ำหนักสูงสุดนี้จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละสายพันธุ์  เมื่อถึงตอนนั้น  ลูกนกจะมีน้ำหนักตัวมากกว่า พ่อแม่นก  และหลังจากนั้นจะกินอาหารน้อยลง  น้ำหนักตัวจะค่อย ๆ ลดลง ๆ และได้เวลาที่จะเริ่มฝึกกินอาหารด้วยตนเอง

   การป้อนอาหารนกมีเรื่องที่พึงต้องระมัดระวังคือ  การรักษาความสะอาด  ทำบันทึกการให้อาหารและน้ำหนักตัวของลูกนก  ใช้อุปกรณ์ในการป้อน และชนิดของอาหารที่เหมาะสม  ในกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้น  จะแสดงออกดังนี้คือ
1.   น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นน้อยมาก หรือลดลง
2.   อาหารที่ป้อนใช้เวลานานมากกวาจะย่อยหมดไปจากกระเพาะ
3.   ปฏิกริยาตอบสนองต่อการป้อนอาหารต่ำมาก

   การที่ลูกนกมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นน้อยมาก  หรือลดลง  อาจจะมีสาเหตุดังนี้
1.   นกได้รับอาหารในปริมาณที่น้อยเกินไป  การป้อนไม่จำเป็นต้องรอจนอาหารในกระเพาะหมดเกลี้ยงแล้วถึงเริ่มป้อนมื้อต่อไป  ในรอบยี่สิบสี่ชั่วโมง  จะมีช่วงที่กระเพาะของลูกนกว่างเปล่าคือ ตอนเช้า
2.   ชนิดของอาหารไม่เหมาะสมกับพันธุ์ของนกนั้น ๆ พวกลูกนกแก้วขนาดใหญ่เช่น  กระตั้ว  มาร์คอ  ต้องการอาหารที่มีปริมาณไขมันที่สูงกว่า นกชนิดอื่น ๆ
3.   อุณหภูมิในการเลี้ยงดูลูกนกไม่เหมาะสม  หากต่ำกว่าที่ควร  ระบบการย่อยอาหารจะทำงานล่าช้าลงมาก  
-   ลูกนกแรกเกิดควรได้รับความอบอุ่นที่อุณหภูมิ  36.6  องศา C
-   เมื่ออายุ  5 – 12  วัน  อุณหภูมิ  35 – 31.6  องศา C
-   เมื่ออายุ  12 วัน ถึงระยะขนขึ้น เป็น ขนหนาม   อุณหภูมิ  31 – 28  องศา  C
-   เมื่อมีขนคลุมเกือบทั่วทั้งตัว    อุณหภูมิ  26.5  องศา C

4.   อุณหภูมิของอาหารที่ไม่เหมาะสม  หากสูงเกินไป  ความร้อนของอาหารจะลวกเนื้อเยื้อที่บุกกระเพาะจนกลายเป็นเนื้อตาย  หากต่ำกว่า ไป การย่อยจะช้ามาก  จนกระทั่งเกิดการบูดเน่าอยู่ภายในกระเพาะอาหาร
5.   ความเครียดจากสภาพแวดล้อม
6.   เกิดจากการติดเชื้อ  เช่น  เชื้อแบคทีเรีย  เชื้อรา  หรือเชื้อไวรัส  เชื้อแบคทีเรียที่พบได้บ่อยได้ แก่  เชื้อซาลโมเนลล่า  ซึ่งทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหาร  ส่วนเชื้อรา  ได้แก่  พวกแคนดิด้า  อัลบิแคน  มักพบในช่องปาก และผนังของเยื่อบุกระเพาะอาหาร
7.   การสำลักอาหารหากไม่มากนัก  ลูกนกจะแสดงอาการไอ และจามเพื่อขับเอาอาหารที่สำลักออกมาประมาณหนึ่งถึงสองชั่วโมง  แล้วจะค่อยทุเลาลง  ในกรณีที่มีอาหารเข้าไปในหลอดลม  เป็นจำนวนมาก  จะหายใจลำบาก  เกิดการติดเชื้อในปอด  หรือ  อาจตายอย่างเฉพียงพลัน เพื่อหลีกเลี้ยงกรณีดังกล่าว  การป้อนอาหารจึงควรกระทำอย่างช้า ๆ และด้วยความระมัดระวัง
8.   กระเพาะอาหารอักเสบ  เกิดจากอาหารที่ไม่เหมาะสมกับลูกนก  อาหารที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารระยะเวลานานเกินไป  จนทำให้เกิดการหมัก  ลูกนกจะแสดงอาการขย้อนอาหารนั้นออกมา  การแก้ไขโดยใช้ยา  Kaopectate จนอาการดีขึ้น  จึงกลับมาป้อนอาหารตามปกติ


                      [  Siamaviaryclub ]
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: pjm เมื่อ มีนาคม 19, 2008, 04:36:33 หลังเที่ยง
อ้างถึงdevil_kay เป็นผู้เขียน:
พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ เอาตั้งแต่แรกเลยว่าผสมอาหารยังไง ดูแลยังไง
นกสามารถป่วยเป็นโรคอะไรได้บ้าง มีอาการยังไง สังเกตุอาการยังไง ตลอดจนวิธีการรักษา
เพราะผมคิดว่าคงช่วงนี้คงมีการถอยลูกป้อนออกมากันมากเเน่ๆ รบกวนด้วยครับ ที่ีไม่ตอบเองเพราะ
ความรู้ผมมันช่างน้อยนิดกระจิ๊ดริ๊ด กระจ้อยร่อย ตอบไปอาจอายได้ รบกวนท่านเทพทุกๆท่านด้วยครับ :-)

เทพแห่งเมืองเหนือ  ชวนให้พี่ๆๆน้อง ๆๆ  เขียนตำราเลี้ยงลูกป้อนนก

ไว้ให้ผู้ที่เริ่มเลี้ยงได้อ่าน  

 8-)  8-)  8-)  8-)  8-)  8-)

(http://i200.photobucket.com/albums/aa156/pjm_110/Picture007-6.jpg)
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: จอมมาร เมื่อ มีนาคม 19, 2008, 06:04:07 หลังเที่ยง
ไม่ใช่เทพ ครับพี่เชษฐ์ เก้เป็น มาร อิอิ :-D  :-D  :-D
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: ... เมื่อ มีนาคม 19, 2008, 06:44:52 หลังเที่ยง
อ้างถึงdevil_kay เป็นผู้เขียน:
ไม่ใช่เทพ ครับพี่เชษฐ์ เก้เป็น มาร อิอิ :-D  :-D  :-D

ทั้งเทพ  ทั้งมาร  มันต้องไปเฝ้าท่านยมก่อน  ถึงจะเป็นได้ไม่ใช่เหรอ

ไม่เอา อะ กลัว
[/color]  :-o  :-o  ;-)  :evil:  :oops:
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: C_tan เมื่อ มีนาคม 19, 2008, 07:03:15 หลังเที่ยง
at_love เป็นผู้เขียน:
อ้างถึง2. ไซริ้งค์ พร้อมกับสายยาง ( ชนิดป้อนลูกนกปากขอ โดยเฉพาะ ) ปกติ สลิ้ง ชนิดนี้ จะไม่ค่อยได้เห็น เข้ามาขาย ตามร้านขายนกต่าง ๆ มากมายนัก ( มีขายเฉพาะที่ ) โดยจะไม่ต้องห่วง ๆ เรื่องอาหารเข้า หลอดลม เนื่องจากอาหาร จะออกมาบริเวณ ช่องด้าน ข้างของสายยาง


แก้ไขข้อนี้ครับ

2. ไซริ้งค์ พร้อมกับสายยาง ( ชนิดป้อนลูกนกปากขอ โดยเฉพาะ ) ปกติ สลิ้ง ชนิดนี้ จะไม่ค่อยได้เห็น เข้ามาขาย ตามร้านขายนกต่าง ๆ มากมายนัก ( มีขายเฉพาะที่ ) เป็นสายซิลิโคนที่มีความยาวประมาณ8-9 นิ้ว  มีรูด้านข้าง

ความยาว 8-9 นิ้ว จะช่วยให้แหย่สายยางลงไปถึงกระเพาะ แล้วยังเหลือส่วนที่ติดกับไซริ้งค์อีกประมาณ 2- 3 นิ้ว ช่วยให้แก้ไขปัญหาเรื่องลูกนกเขมือบสายยางลงไปทั้งอัน

ส่วนรูด้านข้างนั้น เอาไว้ตอนดูดอาหารออกมาจากกระเพาะ จะได้ไม่ไปดูดเอาเนื่อเยื้อในกระเพาะนะครับ

สายยางชนิดนี้ สามารถเอาไปต้มเพื่อทำความสะอาดได้ โดยที่ไม่เปลี่ยนรูปร่าง

[/u]
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: parakiss เมื่อ มีนาคม 19, 2008, 07:21:00 หลังเที่ยง
กระทู้แบบนี้ต้องเซฟ คะ
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: จอมมาร เมื่อ มีนาคม 19, 2008, 08:31:04 หลังเที่ยง
ขอบคุณพี่โด้ กับป๋าชาย ครับ แล้วนอกหนือจากข้อข้างบนต้องมีอะไรอีกป่าวครับ
แบบว่าผมก็มือใหม่กลัวเอาลูกเค๊ามาเดี้ยงอะครับ รบกวนด้วยครับ อยากได้แบบละเอียดยิบๆ
ทุกขั้นตอนการผลิตต้ังแต่หนังๆ จนโตขนยาวบินหนีได้เลยอะครับ รบกวนด้วยครับ :-D
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: terr เมื่อ มีนาคม 19, 2008, 08:34:44 หลังเที่ยง
:-D  :-D  :-D

มารอเก็บความรู้ด้วยครับผม
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: ... เมื่อ มีนาคม 19, 2008, 09:13:01 หลังเที่ยง
อ้างถึงC.tan เป็นผู้เขียน:
at_love เป็นผู้เขียน:
อ้างถึง2. ไซริ้งค์ พร้อมกับสายยาง ( ชนิดป้อนลูกนกปากขอ โดยเฉพาะ ) ปกติ สลิ้ง ชนิดนี้ จะไม่ค่อยได้เห็น เข้ามาขาย ตามร้านขายนกต่าง ๆ มากมายนัก ( มีขายเฉพาะที่ ) โดยจะไม่ต้องห่วง ๆ เรื่องอาหารเข้า หลอดลม เนื่องจากอาหาร จะออกมาบริเวณ ช่องด้าน ข้างของสายยาง


แก้ไขข้อนี้ครับ

2. ไซริ้งค์ พร้อมกับสายยาง ( ชนิดป้อนลูกนกปากขอ โดยเฉพาะ ) ปกติ สลิ้ง ชนิดนี้ จะไม่ค่อยได้เห็น เข้ามาขาย ตามร้านขายนกต่าง ๆ มากมายนัก ( มีขายเฉพาะที่ ) เป็นสายซิลิโคนที่มีความยาวประมาณ8-9 นิ้ว  มีรูด้านข้าง

ความยาว 8-9 นิ้ว จะช่วยให้แหย่สายยางลงไปถึงกระเพาะ แล้วยังเหลือส่วนที่ติดกับไซริ้งค์อีกประมาณ 2- 3 นิ้ว ช่วยให้แก้ไขปัญหาเรื่องลูกนกเขมือบสายยางลงไปทั้งอัน

ส่วนรูด้านข้างนั้น เอาไว้ตอนดูดอาหารออกมาจากกระเพาะ จะได้ไม่ไปดูดเอาเนื่อเยื้อในกระเพาะนะครับ

สายยางชนิดนี้ สามารถเอาไปต้มเพื่อทำความสะอาดได้ โดยที่ไม่เปลี่ยนรูปร่าง

[/u]

เอารูปมาขยายให้ดูครับ  จะมีสายป้อนหลายไซด์ครับ  

ขนาดใหญ่สุดจะสีส้ม สำหรับ Marcow  แล้วก็ลดหลั่นกันไปครับ ขาว เขียว

สำหรับริงเน็ท ค็อก Sun  สีน้ำเงิน และสีดำ


ย่อมลงมาหน่อย
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: bios_m เมื่อ มีนาคม 19, 2008, 09:16:14 หลังเที่ยง
ความรู้เพียบ
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: ... เมื่อ มีนาคม 19, 2008, 09:21:39 หลังเที่ยง
อ้างถึงdevil_kay เป็นผู้เขียน:
ขอบคุณพี่โด้ กับป๋าชาย ครับ แล้วนอกหนือจากข้อข้างบนต้องมีอะไรอีกป่าวครับ
แบบว่าผมก็มือใหม่กลัวเอาลูกเค๊ามาเดี้ยงอะครับ รบกวนด้วยครับ อยากได้แบบละเอียดยิบๆ
ทุกขั้นตอนการผลิตต้ังแต่หนังๆ จนโตขนยาวบินหนีได้เลยอะครับ รบกวนด้วยครับ :-D

โห!!!  น้องเก้  ถ้าเอาตั้งแต่แบบนั้นละก็  เหนื่อยกันพอดีอะ .....  เอารูปไปดูก่อนยากจริง ๆๆๆๆ  ตั้งแต่ออกไข่ เข้าตู้ฟัก เจาะเอง ยังต้องมาเจาะให้เพิ่มช่องอากาศ  ใสกล่อง ( อับตามพี่พุฒ ) เฮออ  กว่าจะเป็นตัว  

ยากเหมือนกันน๊ะ ( แต่กรณีที่เจาะให้เพิ่มเพราะว่ามันดันเจาะผิดด้าน ที่ด้านป้านไม่เจาะ ไปเจาะด้านแหลมซะ )
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: ด.ช.หาด เมื่อ มีนาคม 19, 2008, 09:53:03 หลังเที่ยง
งานเข้าแล้ว พี่โด้ อิอิ
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: akaradej28 เมื่อ มีนาคม 19, 2008, 10:05:49 หลังเที่ยง
ความรู้ในกระทู้นี้หาที่ใหนไม่ได้แล้ว เอาแบบละเอียดยิบๆๆ เลยครับพี่โด้ :-D  :-D  :-D
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: ... เมื่อ มีนาคม 19, 2008, 10:24:18 หลังเที่ยง
อ้างถึงakaradej28 เป็นผู้เขียน:
ความรู้ในกระทู้นี้หาที่ใหนไม่ได้แล้ว เอาแบบละเอียดยิบๆๆ เลยครับพี่โด้ :-D  :-D  :-D


แหะ ๆๆๆ  เทคนิค ผมไม่เหมือนใคร โดนถ่ายทอดส่งต่อ จากประสบการณ์จริง ๆๆๆๆ  มันเหนื่อยน๊ะ เดี๋ยวผ่านพ้นไปก่อน  เก็บรวบรวมรูปภาพประกอบไว้ให้แล้วครับ

ต้องให้พี่ ๆ ทั้งหลาย  พี่พุฒ  ท่านทวด ทพ.ชายตัน มาถ่ายทอดด้วยครับ  และท่านอื่น ๆ  เพราะประสบการณ์จริง ๆ แต่ละท่านไม่เหมือนกัน  รวมถึงผมครับ

ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: artz เมื่อ มีนาคม 19, 2008, 11:03:57 หลังเที่ยง
จด จด จด ง่า หางอึ่งจะกลายเป็นหางยาวแล้วเรา :-D  :-D
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: GoGuy เมื่อ มีนาคม 19, 2008, 11:43:34 หลังเที่ยง
ดีจังเลย..........  อีกไม่นานผมต้องได้ป้อนกะเขาบ้าง
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: kitty75 เมื่อ มีนาคม 20, 2008, 01:42:25 ก่อนเที่ยง
โอ้โห!!!! เทพเมืองเหนือปะทะเทพสุขา3ถล่มเทพสาย2
หนังจีนเรื่องนี้ยาวววววว......
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: ... เมื่อ มีนาคม 20, 2008, 06:15:20 ก่อนเที่ยง
อ้างถึงkitty75 เป็นผู้เขียน:
โอ้โห!!!! เทพเมืองเหนือปะทะเทพสุขา3ถล่มเทพสาย2
หนังจีนเรื่องนี้ยาวววววว......

เย้ย!!! ........  ก็ยังมีจอมเทพแห่งอันดามัน  ท่านจอมเทพเมืองชลบุรี แล้ว ก็ยังมหาเทพแห่งมหาชัย  อีกน๊ะ หุหุ .....

ต้องมาช่วยกันถ่ายทอดพลังยุทธ์ พลังปราณ  น๊ะขอรับกระผม
 
 :-D  :-o  :lol:
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: จอมมาร เมื่อ มีนาคม 20, 2008, 11:39:57 ก่อนเที่ยง
ไม่ว่าจะเทพไหนๆ ก็คงสู้เทพ มหาชัย ไม่ได้หรอกครับพี่เล็ก :-D  :-D  :-D
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: keng_exotic เมื่อ มีนาคม 20, 2008, 12:10:45 หลังเที่ยง
(http://www.siamreptile.com/webboard/post_webboard_03/1204275536_27120.jpg)
มาแอบอ่าน เรายังอ่อนนัก อาศัยอ่านมากๆหน่อย อิอิ
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: "จิ" พัทยา เมื่อ มีนาคม 20, 2008, 05:35:10 หลังเที่ยง
ตามมาจด ยิกๆๆๆๆๆๆๆ   เอาตั้งแต่ เริ่มออกมาจากไข่ นะ ละลายอะไำร ยังไง เอาอะไรหยอดใส่ปาก เท่าไหร่ ต้องหยอด ครั้งละเท่าไร  กี่ครั้งต่อวัน เอาอะไรปูรองพื้น
ใช้อุปกรณ์อะไร  แล้ว ๆๆๆๆๆ  .......  ยิบเลยนะ เจ้าคะ ต้องเตรียมตัว  เพราะเดี๋ยว เกรย์ไข่มา ทำไม่เป็น เหอ เหอ เหอ  









    ตื่นเต้นเกินเหตุ  หน้ามันยังไม่ค่อยจะมองกันเลย มันจะไข่ได้ไม๊เนี่ยคะ ท่านนนนเทพพพพพพพพ
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: ลุงน้อย เมื่อ มีนาคม 20, 2008, 05:46:21 หลังเที่ยง
ถ้าผมเปิดกระทู้ การต้มไข่บ้าง  จะมีใครตามไปจดไหมหนอ  เฮ้อ....
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: C_tan เมื่อ มีนาคม 20, 2008, 08:46:24 หลังเที่ยง
อ้างถึงTNT เป็นผู้เขียน:
ถ้าผมเปิดกระทู้ การต้มไข่บ้าง  จะมีใครตามไปจดไหมหนอ  เฮ้อ....

 ผมตามครับ  ตอนนี้ขมักเขม้นกินไข่เป็นการใหญ่  :-D

ผมคิดว่าจะไม่เข้ามาตอบกระทู้นี้อีกแล้ว  เพราะดันมีคนมาตั้งให้เป็นเทพเป็นเทวดาโน่นเลย  อยากจะบอกว่า ผมยังไม่ตายนะเฟ้ยยยยย......

แต่มีเหตุให้ต้องกลับเข้ามาจนได้ มีคนไปซื้อลูกเกรย์มาจากที่อื่น แล้วป่วย ตามให้ผมไปรักษา ผมก็ไปดูให้ และเตือนๆๆๆๆ เรื่องสายยาง ว่าระวัง  อย่าให้นกกลืนลงไป สุดท้าย วันนี้เอง เอานกมาหา บอกว่ากลืนสายยางลงไปแล้ว

หลังจากปล้ำเอาออกมาได้แล้ว  ผมบอกเจ้าของนกว่า ยื่นมือมาหน่อย แล้วก็ฟาดซะเต็มเหนี่ยวเลย

เจ้าของนกน้ำตาร่วงผลอยๆ






1. ความยาวของสายยาง ควรยาวเท่ากับระยะจากจะงอยปากนกไปจนถึงกึ่งกลางกระเพาะ แล้วบวกอีก 1 - 1 1/2 นิ้ว

  1 - 1 1/2 นิ้วที่เพิ่มขึ้นมา ก็เพื่อว่า ไม่ให้จะงอยปากนกงับเข้าตรงขั้ว/ข้อต่อ ที่สวมกับไซริ้งค์

2.สายยางใส้ไก่ที่ยาวๆ จะไม่กดแทงกระเพาะจนทะลุ เพราะใส้ไก่ค่อนข้างนิ่ม ไม่เหมือนซิลิโคนที่แข็งกว่า   และที่ทะลุๆกัน ส่วนใหญ่แล้วมาจากอาหารที่ร้อนเกินไป จนเนื้อเยื่อตาย

3.ลูกนกที่ขี้ร้อง ป้อนจนกระเพาะเบ่งแล้วก็ยังร้อง หากสังเกตุดู พวกนี้จะผอมผิดปกติครับ  และมักจะเบียดเสียดแก่งแย่งตัวอื่นกินเสมอ  ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวของพวกที่ผอมๆ  ร้อง แย่ง เพื่อจะได้กินอาหารให้มาก เมื่อไหร่ที่อ้วนเหมือนตัวอื่นๆหรือตามที่ควรจะเป็น อาการขี้ร้องจะหายไปครับ

ดังนั้น หากเจอนกขี้ร้อง ขอให้ระวัง อย่าป้อนมากจนเกินไป อย่าให้ข้นจนเกินไป อย่าหวังให้อ้วนเพียงข้ามวัน เพราะมักจะเดี้ยงเสียก่อน


 
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: C_tan เมื่อ มีนาคม 23, 2008, 11:08:57 ก่อนเที่ยง
 อีกเรื่องที่ควรระวังคือ อุปกรณ์ที่ใช้ป้อนอาหารครับ  โดยเฉพาะสำหรับลูกนกที่เพิ่งเกิดจากตู้ฟัก

อุปกรณ์มีให้เลือกดังนี้คือ  

ดร๊อปเปอร์  หรือ ที่หยอด  ตรงปลายบนสุดจะเป็นกระเปาะ สำหรับบีบให้อาหารไหลออกมา เวลาจะใช้ก็บีบไล่ลมออกก่อน เอาไปจุ่มลงในอาหาร แล้วปล่อยมือออก มันก็จะดูดเอาอาหารเข้าไปในหลอด

ข้อดี................  ควบคุมอุณหภูมิได้ดีกว่า  และ  เร็ว
ข้อเสีย .........ทำความสะอาดยาก ควบคุมปริมาณอาหารได้ยาก

ไซริ้งค์ แบบไม่ต้องใช้สายยาง
ข้อดี .........ควบคุมอุณหภูมิของอาหารได้ดีกว่า และ เร็ว
ข้อเสีย.....ควบคุมปริมาณอาหารได้ยาก และ อันตรายหากเลือกใช้ขนาดของไซริ้งค์ที่ไม่เหมาะสม

หลอดกาแฟ
มีรูให้เลือกหลายขนาด รวมทั้ง หลอดเล็กๆอย่างหลอดยาคูลท์
วิธีการใช้ ใช้แทนช้อนนะครับ  ห้ามเอาหลอดจุ่มลงไปในอาหาร แล้วใช้นิ้วอุดปลายข้างหนึ่ง แล้วเอาแหย่เข้าที่ปากนก พร้อมกับปล่อยนิ้วที่อุดปลายหลอด   เพราะนกจะสำลัก ตายยยยยย...................สถานเดียวครับ

ใช้กรรไกร ตัดปลายหลอดในแนวเฉียงๆ  แล้วเอาส่วนปลายนั้นไปตักอาหาร ป้อนลูกนก

การตัดปลายให้เฉียง หากยิ่งเฉียงมากเท่าไร ก็จะตักอาหารได้น้อยมากเท่านั้น  และหรือ หากนอกจากตัดเฉียงแล้ว ยังตัดขอบสองข้างให้สอบเข้าหากันอีก ก็จะตักอาหารได้น้อยลงไปอีก สามารถป้อนได้แม้กระทั่งลูกนกฟิ้นซ์

ข้อดี.....ควบคุมปริมาณอาหารได้ง่ายกว่า ในกรณีที่ลูกนกไม่อ้าปาก ก็สามารถใช้ส่วนปลายหลอดกาแฟนั้น แซะๆเข้าไปทางด้านข้างของจะงอยปากได้  , มีหลอดให้เลือกได้หลายขนาด รวมทั้งจัมโป้ไซด์  ,ราคาถูก ,หาได้ทั่วไป ,ทำความสะอาดง่าย,ใช้วันเดียวทิ้ง  แบบ ตัวละอัน, อันละวัน  หรือแม้แต่ อันละมื้อ ก็ยังไม่นับว่าสิ้นเปลือง แถมยังป้องกันการแพร่เชื้อระหว่างลูกนกได้เป็นอย่างดีด้วย

ข้อเสีย....ช้า และควบคุมอุณหภูมิของอาหารได้ยากกว่า


ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: C_tan เมื่อ มีนาคม 23, 2008, 11:17:39 ก่อนเที่ยง
 สำหรับเรื่องขนาดของไซริ้งค์ที่เหมาะสม  ผมอยากจะให้ดูภาพนี้ครับ

(http://i193.photobucket.com/albums/z272/Ctan2495/SSC_0880.jpg)

 จากซ้ายมาขวา  คือ ไซริ้งค์ขนาด 10 ,5 และ 1 ซีซี  ตามลำดับ

 
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: C_tan เมื่อ มีนาคม 23, 2008, 11:29:33 ก่อนเที่ยง
  ขนาด 10 ซีซี มีเส้นผ่าศูนย์กลางรูใน เท่ากับ 1.6 ซ.ม.

ขนาด 5 ซีซี  มีเส้นผ่าศูนย์กลางรูในเท่ากับ 1.3 ซ.ม.

ขนาด 1 ซีซี มีเส้นผ่าศูนย์กลางรูในเท่ากับ  0.55 ซ.ม.


ถึงแม้รูที่อาหารจะไหลออกมา จะมีขนาดเท่ากันหมด  แต่การป้อนลูกนก ไม่ใช่ว่า ให้ลูกนกอ้าปากรอ แล้วไซริ้งค์ลอยอยู่ข้างบน จากนั้นค่อยๆบีบ ให้อาหารหยดลงมาที่ละหยดๆนะครับ

ที่ทำได้ ก็คือ ปาดส่วนปลายรูออกให้เฉียง แล้วเอาแหย่เข้าไปในปากนก จากนั้นก็ค่อยๆบีบอาหารเข้าไปนิดนึง  หยุดเพื่อให้ลูกนกกลืน แล้วบีบต่ออีก ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ


ปัญหามันอยู่ตรงที่บีบนิดนึงนะครับ
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: C_tan เมื่อ มีนาคม 23, 2008, 12:09:01 หลังเที่ยง
 เมื่อกดก้านไซริ้งค์ลงไป 1 มิล ( 0.1 ซ.ม.) อาหารจะไหลออกมาตามนี้ครับ

ไซริ้งค์ 10.ซีซี   ออกมา 0.2011 ซีซี   ( 8.48 เท่า ของไซริ้งค์ 1 ซีซี)

ไซริ้งค์ 5 ซีซี   ออกมา  0.1327 ซีซี( 5.60 เท่า ของ ไซริ้งค์ 1 ซีซี )

ไซริ้งค์ 1 ซีซี   ออกมา 0.0237 ซีซี


ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า เราสามารถกดทีละนี๊ดดดด......ทีละ 1 มิล โดยตลอดรอดฝั่งหรือไม่

เมื่อลูกนกโช๊คๆๆๆ เรายังจะสามารถยั้งมือ ยั้งใจ  กดทีละนี๊ดดดดด....ทีละ 1 มิลๆ ได้โดยตลอดรอดฝั่งหรือไม่

ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: ... เมื่อ มีนาคม 23, 2008, 12:18:03 หลังเที่ยง
กรณีใช้หลอดแก้ว + ลูกบีบยาง  

มีความเป็นไปได้ในการหยดอาหารมากน้อยเพียงใดครับ  
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: C_tan เมื่อ มีนาคม 23, 2008, 12:25:49 หลังเที่ยง
อ้างถึงat_love เป็นผู้เขียน:
กรณีใช้หลอดแก้ว + ลูกบีบยาง  

มีความเป็นไปได้ในการหยดอาหารมากน้อยเพียงใดครับ  

 มันคืออันเดียวกันกับที่เรียกว่า ดร๊อปเปอร์ ครับ










หากคนใช้ เคยชินอยู่กับการบีบอะไรต่อมิอะไร ที่มันเต็มไม้เต็มมือ  ก็น่าหวาดเสียวอ่ะนะ  ขอรับ


   :-D  :-D  :-D
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: ... เมื่อ มีนาคม 23, 2008, 12:40:50 หลังเที่ยง
อ้างถึงC.tan เป็นผู้เขียน:
อ้างถึงat_love เป็นผู้เขียน:
กรณีใช้หลอดแก้ว + ลูกบีบยาง  

มีความเป็นไปได้ในการหยดอาหารมากน้อยเพียงใดครับ  

 มันคืออันเดียวกันกับที่เรียกว่า ดร๊อปเปอร์ ครับ










หากคนใช้ เคยชินอยู่กับการบีบอะไรต่อมิอะไร ที่มันเต็มไม้เต็มมือ  ก็น่าหวาดเสียวอ่ะนะ  ขอรับ


   :-D  :-D  :-D

อู้ว๊าวววววววววววว  !!!!  ชอบคำนึ้จัง " บีบอะไรต่อมิอะไร ที่มันเต็มไม้เต็มมือ "   อิ อิ

ช๊อบชอบ!!! .............  ครับ  หุหุ

กร๊ากกกก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ( หายเครียดแล้วครับ  ขอขอบพระคุณสำหรับคำปรึกษาและแอบระบายนิดนิด ) อิ อิ  [/b] :-D  :-D  :lol:  :lol:  :lol:  :-o  :-o :-o  :-o  :-D
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: C_tan เมื่อ มีนาคม 26, 2008, 08:48:55 หลังเที่ยง
 อุปกรณ์อีกชนิด ที่สามารถใช้สำหรับป้อนอาหารนก ได้ คือ ขวดพลาสติกที่ใช้ใส่ซ๊อส  

อาหารต้องค่อนข้างข้นนิดนึง  และเหมาะสำหรับป้อนลูกนกไซด์ขนหนามขึ้นไป

ผู้ป้อน ต้องมีทักษะมากพอสมควร ต้องกะแรงที่จะใช้บีบขวดได้ถูกต้อง ต้องเว้นจังหวะให้ลูกนกได้หายใจได้ถูกต้อง

เหมาะสำหรับกรณีที่มีลูกนกเป็นจำนวนมากๆครับ

 
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: C_tan เมื่อ มีนาคม 28, 2008, 09:00:16 หลังเที่ยง
 อีกเรื่องคือความเข้มข้นของอาหารครับ
เท่าที่เห็น หลายๆคน ไม่เคยตวงปริมาณของผงและน้ำเลย
ได้แต่กะๆเอา  

ดังนั้น ... เหลวๆ..... เหลวพอดีๆ.... เหลวพอประมาณ ... ข้นนิดหน่อย  ....  จึงอาจจะเป็นเรื่อง " คนละเรื่องเดียวกัน " นะครับ


นกที่ควรจะโต ก็อาจไม่โต   นกที่ควรจะรอด ก็อาจไม่รอด  นกที่ควรจะตาย จึงได้ตายยากเย็นนักหนา  

ดังนั้น ก่อนป้อน จึงควรอ่านฉลากและปฎิบัติตามนั้นด้วยครับ  หรือหากจะให้ชัวร์ ก็อาจจะเหลวกว่านั้นสักนิดหน่อย

ตัวอย่างเรื่องนี้ ผมเพิ่งเจอมา  ลูกค้าเอานกกลับมาฝากเลี้ยง ผมป้อนได้ครั้งละ 40 ซีซี วันละสองครั้ง  แต่เมื่อเอากลับไป ป้อนได้แค่ 20 ซีซี เท่านั้น แล้วก็ไม่ยอมกินอีกเลย  นกเริ่มผอมลงๆๆๆอย่างน่าใจหาย

สอบถามได้ความว่า ตวงเหมือนกัน แต่เป็น ผง 2 น้ำ 3   ป้อนเลร็จแล้ว ก็ป้อนน้ำเปล่าตามลงไป เหมือนคนที่กินข้าวแล้ว ก็กินน้ำนะครับ  


ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: pjm เมื่อ มีนาคม 28, 2008, 10:32:55 หลังเที่ยง
อย่างฮาเลยครับ    พี่ชายตัน
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: kitty75 เมื่อ มีนาคม 28, 2008, 10:55:21 หลังเที่ยง
พี่เชษฐ์ ผมยิ่งกว่านั้นอีก ผมจับแหกปาก ยัดแบบเป็นผงเข้าไปเลย
แล้วจึงกรอกน้ำตาม 555 เหมือนกับเด็กๆกินไวไวแบบไม่ต้มไง ต้องให้กินน้ำตามเยอะๆ เดี๋ยวมันไปดูดน้ำในกระเพาะไง อิ อิ
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: จอมมาร เมื่อ มีนาคม 29, 2008, 12:39:06 ก่อนเที่ยง
อ้างถึงC.tan เป็นผู้เขียน:
 

ดังนั้นควรอ่านฉลากและปฎิบัติตามนั้นด้วยครับ  หรือหากจะให้ชัวร์ ก็อาจจะเหลวกว่านั้นสักนิดหน่อย

ตัวอย่างเรื่องนี้ ผมเพิ่งเจอมา  ลูกค้าเอานกกลับมาฝากเลี้ยง ผมป้อนได้ครั้งละ 40 ซีซี วันละสองครั้ง  แต่เมื่อเอากลับไป ป้อนได้แค่ 20 ซีซี เท่านั้น แล้วก็ไม่ยอมกินอีกเลย  นกเริ่มผอมลงๆๆๆอย่างน่าใจหาย

สอบถามได้ความว่า ตวงเหมือนกัน แต่เป็น ผง 2 น้ำ 3   ป้อนเลร็จแล้ว ก็ป้อนน้ำเปล่าตามลงไป เหมือนคนที่กินข้าวแล้ว ก็กินน้ำนะครับ  





ท่านทวดครับ คือปัญหาหลักของเด็กน้อยอย่างพวกผมที่ไม่สามารถผสมอาหารให้ตรงตามฉลากที่กำหนดคือ มันเป็นภาษาปะกิต อะครับแล้วแบบความรู้อันน้อยนิดกระจิ๊ดริ๊ด+กับความเป็นมือใหม่มากๆๆ ก็เลยผสมผิดๆถูกๆคาดคะเนไม่ถูกจริงๆแบบนี้ต้องมีสัมนาเิชิงวิชาการเรื่องการเลี้ยงลูกป้อนแล้วหละครับ รบกวนท่านทวดจัดทีนะครับอิอิ :-D  :-D  :-D  :-D
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: จอมมาร เมื่อ มีนาคม 29, 2008, 12:41:10 ก่อนเที่ยง
อู้แม่เจ้า....เคล็ดลับการเลี้ยงแบบเซียน อิอิ :-D  :-D  :-D
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: artz เมื่อ มีนาคม 29, 2008, 10:00:15 หลังเที่ยง
ขอบอกตามตรงเลยครับ ริงค์เน็คตัวแรกที่ผมป้อน ผมซื้ออาหารแบบแบ่งขายมาป้อน คำแนะนำก็ไม่มีฉลากก็ไม่มี ผมชงแบบ 1 ต่อ 1 เลย คือน้ำ 1 ส่วน อาหาร 1 ส่วน บี้ๆเสร็จ ตักใส่ปากนกเลยไม่มีหก แต่เหนียวชะมัด น่าแปลกที่นกตัวนั้นโตจนบินได้ แต่สุดท้ายมาตายเพราะกินกล้วยห่าม ตัวที่ 2 ตัวที่ 3 ผมก็ป้อนมาแบบนั้น มาคอว์ผมก็ป้อนแบบนั้น จนได้มาเข้าเวปนี้แหละครับ ผมจึงได้ทราบว่าผมป้อนผิดมาตลอด ชงน้ำธรรมดาไม่ต้มก็เคยชง แปลกที่ไม่ยักพากันตายแฮะ พอมานึกย้อนกลับ โห เสียวใส้จัง
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: จอมมาร เมื่อ มีนาคม 29, 2008, 11:18:56 หลังเที่ยง
อ้างถึงartz เป็นผู้เขียน:
ขอบอกตามตรงเลยครับ ริงค์เน็คตัวแรกที่ผมป้อน ผมซื้ออาหารแบบแบ่งขายมาป้อน คำแนะนำก็ไม่มีฉลากก็ไม่มี ผมชงแบบ 1 ต่อ 1 เลย คือน้ำ 1 ส่วน อาหาร 1 ส่วน บี้ๆเสร็จ ตักใส่ปากนกเลยไม่มีหก แต่เหนียวชะมัด น่าแปลกที่นกตัวนั้นโตจนบินได้ แต่สุดท้ายมาตายเพราะกินกล้วยห่าม ตัวที่ 2 ตัวที่ 3 ผมก็ป้อนมาแบบนั้น มาคอว์ผมก็ป้อนแบบนั้น จนได้มาเข้าเวปนี้แหละครับ ผมจึงได้ทราบว่าผมป้อนผิดมาตลอด ชงน้ำธรรมดาไม่ต้มก็เคยชง แปลกที่ไม่ยักพากันตายแฮะ พอมานึกย้อนกลับ โห เสียวใส้จัง



ปาฎิหารย์มีจริงครับงานนี้ :-D  :-D  :-D
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: C_tan เมื่อ เมษายน 01, 2008, 10:33:17 หลังเที่ยง
ปริมาณอาหารที่จะป้อนในแต่ละมื้อ จำนวนมื้อในแต่ละวัน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ถามกันบ่อย

ปริมาณที่ป้อนในแต่ละมื้อ ขึ้นอยู่กับขนาดและอายุของลูกนก และ นกแต่ละตัว ครับ  ในกรณีที่ไม่เคยป้อนนกนั้นๆมาก่อน ก็มีวิธีประมาณคร่าวๆคือ ให้กระเพาะพักพอตึงๆนิดๆ  (ซึ่งออกจะกะยากสักนิดสำหรับมือใหม่ )  หรือ เริ่มป้อนกันที่ประมาณ 5 % ของน้ำหนักตัว  เช่น 400 กรัม ก็ 20 ซีซี  ดูก่อน  เมื่อเห็นว่า ย่อยหมดก็ค่อยๆเพิ่มปริมาณขึ้น ในครั้งต่อๆไป


ปริมาณอาหารที่ป้อน ควรจะค่อยๆเพิ่มขึ้น ในแต่ละมื้อ(ในกรณีที่รอจนย่อยหมดสนิทแล้วค่อยป้อนมื้อต่อไป) ในแต่ละวัน  วิธีการนี้ เป็นการขยายขนาดของกระเพาะ เพื่อให้บรรจุอาหารได้มากขึ้น ให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัวของลูกนกที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ในขณะเดียวกัน ความเข้มข้นของอาหารก็ควรเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ  แต่จุดสูงสุด ที่นับว่าปลอดภัย(สำหรับมือใหม่)คือ 1:3 - 1:2.5

การเพิ่มแบบก้าวกระโดด  ของปริมาณ และ ความเข้มข้น  จะเป็นสาเหตุของอาหารไม่ย่อย ครับ

ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: จอมมาร เมื่อ เมษายน 09, 2008, 06:11:50 หลังเที่ยง
ขอดันกระทู้นี้้ไว้ก่อนนะ้ครับ :-D
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: C_tan เมื่อ เมษายน 09, 2008, 08:30:05 หลังเที่ยง

และอีกคำถามที่เจอบ่อยคือ  ต้องป้อนกันนานแค่ไหม เมื่อไหร่จะกินเองซะที

ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ ผมขอถามกลับว่า เหตุที่เริ่มกันตั้งแต่ลูกป้อน ก็เพราะต้องการนกเชื่องใช่ไหมครับ  ถ้าใช่ ก็ควรทำใจยอมรับที่จะต้องป้อนกันค่อนข้างยาวนาน เหตุผลก็คือ

1.ลูกป้อนจะกินอาหารเองได้ค่อนข้างจะช้ากว่ามาก เมื่อเทียบกับลูกนกที่พ่อแม่นกป้อน   อาจเป็นเพราะไม่มีตัวอย่างจากพ่อแม่ หรือ พี่น้องตัวอื่นๆ

2.ลูกนกขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ จะต้องใช้ระยะเวลาตั้งแต่ 3 - 6 ปี หรืออาจมากกว่านั้น จึงจะถึงวัยเจริญพันธ์    ยกตัวอย่างเกรย์  มีช่วงอายุไข ประมาณ 40-60 ปีใช้เวลา 6 ปี กว่าจะถึงวัยเจริญพันธ์ ลูกนกที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี ก็คงเทียบได้กับเด็กทารกประมาณ 1-2 + ขวบ  ซึ่งเด็กในวัยนั้น ยังต้องการอาหารเสริมอยู่นะครับ จะปล่อยให้เลือกกินเองบนโต๊ะตามใจชอบนั้นไม่ได้ เพราะสุดท้าย เด็กจะขาดสารอาหาร แคระแกรน

3.นกในธรรมชาติ จะถึงวัยเจริญพันธ์ช้ากว่านกในกรงเลี้ยง แต่ในขณะเดียวกัน ระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไปนั้น  เป็นระยะเวลาการเตรียมความพร้อมของร่างกายที่มีมากกว่า สมบูรณ์กว่า แข็งแรงกว่า  และ ตัวโตกว่า

          ส่วนนกในกรงเพาะ เนื่องจากส่วนใหญ่แล้ว จะทำเป็นธุรกิจ การให้ผลผลิตเร็วที่สุด จึงเป็นเป้าหมายแรก

            ดังนั้น การที่ลูกนกเกิดมา    แล้วมาเจอการเลี้ยงดูแบบให้วีนเร็วที่สุด  ผลที่ได้ นกจะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆในแต่ละรุ่นๆ

4.การป้อนอาหารกันอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน ถึงแม้นกจะกินเองได้แล้ว แต่ก็ยังคงป้อนเสริมมื้อเย็น(หยุดบ้างในบางวัน ตามความจำเป็น) จะเป็นสิ่งที่เสริมสร้างความผูกพันธ์ระหว่างคนกับนก ให้ได้มีโอกาสใกล้ชิดกัน ได้จับได้เกาให้บ้าง  เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวให้ความเชื่องเหนียวแน่นตลอดไปนะครับ

5.และเป็นวิธีการที่สะดวกที่สุด มีประสิทธิภาพมากที่สุด ในการจะให้วิตามิน แคลเซี่ยม และยา  ฯลฯ  ก็โดยผสมลงไปในอาหารที่ป้อน นั้นเลย

ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: biggy เมื่อ พฤษภาคม 08, 2008, 11:09:51 ก่อนเที่ยง
สายยางซื้อที่ไหนครับตามรูปอะครับช้อนด้วยครับขอร้องดูด่วน
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: C_tan เมื่อ พฤษภาคม 08, 2008, 06:34:19 หลังเที่ยง
อ้างถึงbiggy เป็นผู้เขียน:
สายยางซื้อที่ไหนครับตามรูปอะครับช้อนด้วยครับขอร้องดูด่วน


ผมไม่แน่ใจว่าคุณbiggy อ้างถึงรูปไหนนะครับ

หากเป็นสายยางใส้ไก่รถจักรยาน ก็ซื้อตามร้านขายจักรยาน
ส่วนสายยางซิลิโคน ที่มีรูด้านข้างสองรู  หาซื้อได้ที่ร้านนริศ ซันเดย์ ครับ
และช้อน  ก็เป็นช้อนชาสแตนเลสทั่วไป  เอาค้อนค่อยๆทุบของสองข้างให้งุ้มเข้าหากัน


ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: My_love เมื่อ กรกฎาคม 22, 2008, 08:40:17 หลังเที่ยง
กระทู้ดีๆมีประโยชน์ อย่างนี้ต้องขุดมันขึ้มมา
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: ... เมื่อ กรกฎาคม 23, 2008, 01:39:44 ก่อนเที่ยง
อ้างถึงMy_love เป็นผู้เขียน:
กระทู้ดีๆมีประโยชน์ อย่างนี้ต้องขุดมันขึ้มมา

หมดมุขที่จะตอบกันแล้วมั้งขอรับกระผม  อิ อิ

 :lol:  :lol:  :lol:  :-o  :-D
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: bird_j เมื่อ กรกฎาคม 28, 2008, 12:20:48 หลังเที่ยง
เป็นเวปที่เปิดเผยและเปิดใจมากที่สุดเลยครับ..อบอุ่นจริงๆครับพี่.น้องๆครับ..! :-D
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: pjm เมื่อ กรกฎาคม 28, 2008, 06:04:49 หลังเที่ยง
อ้างถึงbird_j เป็นผู้เขียน:
เป็นเวปที่เปิดเผยและเปิดใจมากที่สุดเลยครับ..อบอุ่นจริงๆครับพี่.น้องๆครับ..! :-D

เดียวนี้  สมาชิกใจถึงเลี้ยงกันขนาดขนยังไม่แทงเลย

ตั้งแต่เลี้ยงมายังไม่เคยเลี้ยงนกไซค์นี้เลย

ข้าน้อยขอนับถือ

 :-D  :-D  :-D
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: ball เมื่อ กรกฎาคม 28, 2008, 06:44:13 หลังเที่ยง
อ้างถึงปู่โด้ เป็นผู้เขียน:
อ้างถึงC.tan เป็นผู้เขียน:
อ้างถึงat_love เป็นผู้เขียน:
กรณีใช้หลอดแก้ว + ลูกบีบยาง  

มีความเป็นไปได้ในการหยดอาหารมากน้อยเพียงใดครับ  

 มันคืออันเดียวกันกับที่เรียกว่า ดร๊อปเปอร์ ครับ










หากคนใช้ เคยชินอยู่กับการบีบอะไรต่อมิอะไร ที่มันเต็มไม้เต็มมือ  ก็น่าหวาดเสียวอ่ะนะ  ขอรับ


   :-D  :-D  :-D

อู้ว๊าวววววววววววว  !!!!  ชอบคำนึ้จัง " บีบอะไรต่อมิอะไร ที่มันเต็มไม้เต็มมือ "   อิ อิ

ช๊อบชอบ!!! .............  ครับ  หุหุ

กร๊ากกกก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ( หายเครียดแล้วครับ  ขอขอบพระคุณสำหรับคำปรึกษาและแอบระบายนิดนิด ) อิ อิ  [/b] :-D  :-D  :lol:  :lol:  :lol:  :-o  :-o :-o  :-o  :-D

บีบอะไรคับพี่โด้ ช่วยแปลความหมายให้ด้วยคับ
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: ... เมื่อ กรกฎาคม 28, 2008, 11:52:20 หลังเที่ยง
อ้างถึงball เป็นผู้เขียน:
อ้างถึงปู่โด้ เป็นผู้เขียน:
อ้างถึงC.tan เป็นผู้เขียน:
อ้างถึงat_love เป็นผู้เขียน:
กรณีใช้หลอดแก้ว + ลูกบีบยาง  

มีความเป็นไปได้ในการหยดอาหารมากน้อยเพียงใดครับ  

 มันคืออันเดียวกันกับที่เรียกว่า ดร๊อปเปอร์ ครับ










หากคนใช้ เคยชินอยู่กับการบีบอะไรต่อมิอะไร ที่มันเต็มไม้เต็มมือ  ก็น่าหวาดเสียวอ่ะนะ  ขอรับ


   :-D  :-D  :-D

อู้ว๊าวววววววววววว  !!!!  ชอบคำนึ้จัง " บีบอะไรต่อมิอะไร ที่มันเต็มไม้เต็มมือ "   อิ อิ

ช๊อบชอบ!!! .............  ครับ  หุหุ

กร๊ากกกก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ( หายเครียดแล้วครับ  ขอขอบพระคุณสำหรับคำปรึกษาและแอบระบายนิดนิด ) อิ อิ  [/b] :-D  :-D  :lol:  :lol:  :lol:  :-o  :-o :-o  :-o  :-D

บีบอะไรคับพี่โด้ ช่วยแปลความหมายให้ด้วยคับ

จุ๊ ๆๆๆ จุ๊ ๆๆๆๆ  

เดี๋ยวเมีย เอาเลือดหัวออก  หุหุ  ( ที่บ้านพี่ดุ )  งี้ต้องปรึกษา ใครได้บ้างขอรับกระผม  ( หุหุ )
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: tonhorn เมื่อ ธันวาคม 21, 2008, 07:43:52 หลังเที่ยง
เป็นกระทู้ที่ดีจังครับ

น่าจะปักหมุด หรือ ปักไปแล้ว นะผมไม่รู้อ่าครับ

แต่เห็นว่าเป็นกระทู้ที่ดีมากเลยครับ

ขอบคุณพี่ๆทุกคนครับ
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: DornKing เมื่อ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 11:49:59 ก่อนเที่ยง
ขอถามเพิ่มเติมนะครับ ท่าน ปู่ หรือ น้าเชฐ (pjm1) หรือคุณ put หรือท่านอื่น ๆ ก็ได้นะครับ ชอบอ่าน ชอบฟัง ชอบรวบรวมไว้เป็นความรู้นะครับ

ผมก็เพิ่งเริ่มเลี้ยง และตอนนี้กำลังบ้าเลยครับ โดยมีพ่อตา ร่วมแก็งด้วย แก็งผม มี 3 คน มีผม มีพ่อตา และก็แม่ยาย เมื่อวานก็เพิ่งซื้อตู้ฟักไข่มา ผมก็ไม่รู้ว่าผมตกหลุมคนขายหรือเปล่า โดยเขาแนะนำว่าควรซื้อตู้ฟักไข่  และตู้เลี้ยงนกอนุบาล คนละใบ เนื่องจากถ้าฟังไข่ ไว้ข้างบน แล้วเลี้ยงลูกนกอนุบาลไว้ข้างล้าง มันจะทำให้ติดเชื้อ ก็คุ้นคิดอยู่นาน มานึกถ้าซึ้อแบบสองชั้นก็ 7-8 พัน ถ้าซื้อแยกแต่ตู้เล็ก ตู้ฟักไข่ 3600 กลับไข่อัตโนมัติ (ใช้ขดลวดทำความร้อน) ตู้เลี้ยงนกอนุบาล 2600 (ใช้ขดลวดทำความร้อน) รวมกันก็ 6200 เออ ถูกกว่า ก็เลยซื้อ 2 ใบ ตู้เล็ก ๆ แบบย่อมเยาครับ

ก็เลยมีประเด็นสอบถามท่านผู้รู้ครับ
1. ที่กล่าวมาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ ถ้าไข่อยู่ข้างบน แล้วเลี้ยงนกอยู่ข้างล่าง มูลของนกที่ถ่ายมาจะมีผลกับไข่ด้านบนนะครับ
2. ที่ผมเลือกซื้อ 2 ใบ คิดถูกหรือคิดผิดครับ (ถ้าถูกก็ดีแล้วครับ แต่ถ้าผิดคนอื่นที่อาจกำลังจะมองหา จะได้ไม่ตกหลุมเหมื่อนผมครับ ^_^)
3. การตั้งอุณหภูมิของการฟักไข่นะครับ เขาแนะนำมาว่าไม่ควรเกิน 100 f แต่ที่ดีควร 99 f ถูกผิดอย่างไรแนะนำด้วยนะครับ
4. การเลี้ยงลูกนกอนุบาล 1-7 วัน 97 f แล้วก็ลดลงสัปดาห์ละ 1 f
ถูกผิดอย่างไรแนะนำด้วยนะครับ
5. อันนี้ผมยังไม่รู้เลยครับ และเป็นเรื่องที่ผมต้องเตรียมรับมือในเร็ววันนี้ครับ คือ เรื่องการป้อนนกที่เพิ่งออกจากไข่ เราจะป้อนอาหารให้เลย หรือต้องปล่อยให้เขาปรับตัว (มื่อแรกที่ป้อน) ปริมาณ (คุณเป็น ซีซี มันจะเยอะไปหรือเปล่าครับ หรือเป็นหยด หรือความรู้สึก หรือ???) ตอนนี้ผมเตรียมดร๊อปเปอร์ไว้แล้วครับ (ที่ผมเคยอ่านผ่านตามานะครับ เป็นไก่นะครับ เขาบอกว่ามันมีไขแดงในกะเพราะ โดยไม่ต้องป้อน 3 วัน (อยู่ได้ไงครับเนี่ย) ฟังแล้วไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า) แล้วนกเป็นเหมือนกันหรือเปล่าครับ คำถามที่ห้านี้ สำคัญกับผมจริง ๆ นะครับ แล้วต้องแกะไขหรือเปล่าถ้าเขาเจาะออกมาแล้ว หรือว่าปล่อยให้เขาออกมาเองถึงจะนานก็ตาม หรือจะอย่างไรครับ???  อย่างไงรบกวนด้วยนะครับ ผมจะได้รวบรวมไว้เป็นตำราครับ

เรื่องของเรื่องทีว่าซื้อตู้ฟักไข่นะครับ ที่บ้านผมก็มือสมัครเล่น ป้อนลูกซันที่อายุน้อยที่สุดก็น่าจะ 5 วัน แต่ต้อนนี้เริ่มท้าทายความสามารถของชาวแก็งกันสุด ๆ เนื่องด้วยเจ้า โรเซล่า ลูกรักของพ่ดตาผม ออกไข่มาทั้งหมด 8 ฟอง 2 ฟองแรก กินไข่ตัวเอง พ่อตาผมก็นั่งรอตั้งหลายวันเพื่อที่จะเก็บไข่ ก็เก็บตั้งแต่ ฟองที่ 3 ถึงฟองที่ 8 จังหวะพอดีซันลูกรักอีกคู่นึงไข่ออกมา 3 ฟอง แล้วก็มาอีก 1 รวมเป็น 4 แล้วเอาไข่ของโรเซล่า ไปให้ฟักอีก 6 รวมเป็น 10 ตายละหว่า มันก็ฟักของมันครบ เลยมานั่งประชุมกันคืนวันเสาร์ว่าเราต้องดำเนินการซื้อตู้ฟักไข่ซะแล้ว ก็เลยจัดการตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นนะครับ พอวันอาทิตย์ได้ตู้มาก็เลยเอาไข่ของซันทั้ง 4 ฟอง มาฟัก แล้วไข่โลเซล่าให้ซันฟัก 6 ฟอง เนื่องด้วยหากเกิดความเสียหาย ก็ขอเลือกโรเซล่าไว้ก่อนครับ เพราะสาว่ามันจะให้ลูกยากพอสมควร ชาวแก็งไม่พร้อมที่จะเสี่ยง แต่สำหรับซันแล้ว นี้เป็นตัวที่ 16-19 ถ้าดีที่สุดก็ขอให้ผมเลี้ยงลอดทั้งหมด และผมจะผ่านจุดนั้นได้ ผมคงต้องรบกวนผู้รู้ทุกท่าน มาเติมเต็มความรู้ในส่วนที่ขาดหายไปและไม่ถูกต้องครับ

ขอขอบพระคุณไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ

DornKing
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: ... เมื่อ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 12:34:16 หลังเที่ยง
ผมตอบตามความคิดเห็นส่วนตัว  และประสบการณ์ที่ผ่านมาคล่าว ๆ น๊ะขอรับกระผม  ( แชร์ความคิดกัน )

ต้องขอยินดีด้วยครับ  ที่มีคนคอยสนับสนุน  ยิ่งคนสนับสนุนมีส่วนให้สามารถเลี้ยงได้  ( ข่มภรรยา  หรืออ้างได้ )  จบข่าวครับ

ตอบเป็นข้อ ๆ ตามที่ถามละกันครับ

1. - 4.  การแยกตู้เป็น  ตู้ฟักไข่ และตู้เลี้ยง  ( ควรจะแยกน๊ะครับ  แต่ก็ไม่เสมอไปที่จะต้องใช้ตู้เลี้ยง )

ไงดี  เริ่มไม่ถูกเลย  ผมใช้ตู้ 2 ชั้น  ชั้นบนเป็นแบบกลับไข่อัตโนมัติ  แบบลูกกลิ้ง  ส่วนชั้นล่าง  ไว้สำหรับให้ลูกนกออกจากไข่

อธิบายคือ  เมื่อลูกนกเริ่มเจาะไข่  ก็จะย้ายลงมาไว้ชั้นล่าง  ซึ่งเมื่อลูกนกเจาะไข่แล้ว  ไข่ไม่ควรจะกลิ้งไปกลิ้งมา  โดยวางไว้กับพื้นรองด้วยกระดาษทิชชู่ หรือสำลี  หรือใส่ไว้ในถ้วยพลาสติก

หรือกรณีเจาะไข่ออกลำบาก  ก็ใช้สูตรพี่พุฒ  คือใส่ในกล่องพลาสติก  ใส่ทิชชู่ หรือสำลีชุบน้ำ ปิดฝา  เพื่อเพิ่มความชื้นให้กับลูกนกขณะเจาะ

ส่วนกรณีตู้กลับไข่อัตนโนมัติ  ชั้นเดียว  ถ้าไข่มีจำนวนใบเดียวไม่น่าจะมีปัญหา  คือเอาซอง หรือลูกกลิ้งกลับไข่ออก แล้วให้เขาเกิดได้  แต่ถ้ามีหลาย ๆ ฟอง  ต้องนำมาไว้อีกตู้นึง  ( คือตู้ที่คุณ DornKing ) เอามาเพื่อไว้เลี้ยงลูกนกแหละครับ  แต่ต้องปรับอุณหภูมิให้มีความพอเหมาะเท่ากับตู้ฟัก  คือ 37 องศาเซลเซียส และความชื้น พอเหมาะ

ที่บอกอย่างนี้  ตู้ฟักไข่  อุณหภูมิที่ใช้จะอยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส  ( ต้องไปแปลค่า ฟาร์เรนไฮด์ เองครับ )  

พอลูกนกเจาะออกจากไข่แล้ว  จึงค่อย ๆ ลดอุณหภูมิลง  เช่น  37 วันถัดมา เหลือ 36  , วันถัดมา เหลือ 35  แล้วอาจจะเหลือเลี้ยงอยู่ที่ 33 - 34 องศา  ก็แล้ว แต่ครับ

แต่กรณีผม ใช้ 2 ชั้น  ฟักออกหมด 3 ฟอง  ก็เอาชั้นบน ที่กลับไข่ออก  แล้วใช้ตู้นั้นเลี้ยงเลยครับ

กรณีตู้ที่คุณ DornKing ซื้อมา  เป็นตู้แบบตั้งอุณหภูมิ แบบเทอร์โมสตัส  ก็ต้องมีตัววัดความชื้น และ เทอร์โมมิเตอร์  ควบคู่ไว้ด้วยครับ  เพราะการฟักไข่  ต้องคำนึงถึงเรื่องความชื้น  
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: ... เมื่อ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 01:13:29 หลังเที่ยง
จากที่อ่าน  น่าจะเป็น ไข่ Sun และไข่ โรเซล่า ใช้หรือไม่ครับ  ( กรณีของสองชนิดนี้ )  

อุณหภูมิที่ใช้ฟัก  อยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส  ส่วนเรื่องความชื้น  ( อันนี้ผมไม่แน่ใจ  ต้องรอพี่พุฒ และท่านอื่น ๆ )  แต่สำหรับ กระตั้ว และ มาร์คอ  ใช้ที่  50 - 55  เปอร์เซนต์  + และ -  ได้นิดหน่อยครับ

ระยะเวลาฟักน่าจะ  22 วัน

อย่างที่กล่าวไปแล้ว  เมื่อลูกนกเจาะไข่แล้ว  ต้องย้ายลงมาไว้ในที่ ๆ ไม่ได้กลับ ( กรณีของคุณ DornKing ) คงต้องใช้อีกตู้นึง  โดย Set ค่าความชื้น และอุณหภูมิให้เท่ากับตู้ฟัก

เมื่อลูกนกเจาะออกแล้ว ( ปกติจะเจาะออก  เองไม่ต้องช่วยครับ ) แต่บางครั้งอาจจะต้องเพิ่มความชื้นขึ้น  ทั้งนี้ ทั้งนั้น  ก็ต้องอยู่ที่สภาพลูกนก ที่อยู่ภายในไข่ และมุมที่ลูกนกเจาะออกมาครับ

( คงเหมือนกับเด็กออกจากครรภ์ น๊ะครับ  กลับหัว เอาหัวออก เอาแขนออก เอาขาออก )  บางครั้งอาจจะต้องช่วยเจาะเพื่อช่วยเขาครับ  ( อาจจะดูยุ่งยาก  แล้วคงเป็นไปเองครับ )

เมื่อลูกนกออกจากไข่แล้ว  จะสังเกต  เหมือนสุนัข หรือคนครับ  มีสายสะดือ  ก็ต้องตัดออกครับ  ให้ห่างออกจากสะดือสัก 1 เซนติเมตร  แล้วใช้เบตาดีนแต้ม  

เอาลูกนกใส่ด้วยเล็ก ๆ รองด้วยกระดาษทิชชู่  เอาสำลีชุดน้ำอุ่นเช็ดตัวลูกนก  เช็ดเอาคราบน้ำคล่ำ ( ปล่าวหว่า ) ออกครับ  เป็นไปได้เช็ดตอนเช็ดให้ลูกนกอยู่ในตู้ครับ  เพือจะได้รับความอบอุ่น

จากนั้นขนจะฟู ( กรณีในธรรมชาติ พ่อแม่นก จะเลียในส่วนนี้ครับ  ขนจะฟูฟ่องเลย )

ปล่อยไว้ 12 - 24 ชม.  ลูกนกจะถ่ายของเสียออกมา  เป็นสีเขียว ๆ หรือดำ ๆ  

แล้ว ค่อยป้อนครับ  โดยใช้ไซริ้งค์ขนาด 1 CC  ป้อนน้ำเกลือแร่ เด็ก  โดยเริ่มครั้งแรกประมาณ 0.1 - 0.2 CC  ทุก ๆ 2 ชม.  

ป้อนอย่างนี้สัก 1 วัน  

วันที่ 2 ค่อย ๆ เพิ่มปริมาณขึ้น อาจจะเพิ่มทุก ๆ 2 - 3 ครั้งที่ป้อน  เช่น  เช้า ป้อน 0.2  อีก 2 มื้อเป็น 0.4  อีกมื้อเป็น 0.6  

จากนั้นค่อย ๆ ผสมอาหาร + เกลือแร่ ( ใส ๆ )  

ทำอย่างวันที่ 2

แล้ว ค่อยเพิ่มความเข้มข้นของอาหารขึ้น
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: DornKing เมื่อ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 01:44:02 หลังเที่ยง
ขอบพระคุณ ปู่ มากเลยนะครับ
ยังมีเรื่องที่ผมยังไม่รู้อีกมากมายเลยครับ

ขอบพระคุณครับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

หรือมีอะไรเพิ่มเติมบอกได้เลยนะครับ
ผมรออ่านอยู่ครับ
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: bios_m เมื่อ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 01:45:16 หลังเที่ยง
เข้ามาช่วยดันกระทู้ครับ

มื่อใหม่ควรเข้ามาอ่านกันมากๆ
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: ... เมื่อ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 01:59:42 หลังเที่ยง
พอเอาเขาจริง นึกไม่ออกครับ  

ต้องลองถามน๊ะครับ

ถ้าพอทราบก็จะช่วยแถลงไขครับ
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: put เมื่อ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 03:34:46 หลังเที่ยง
1.ไม่จริงหรอกครับ เพราะไข่ที่ยังไม่เกิดเป็นตัวนั้น ต้องการแต่ความชื้นในตู้ฟักเท่านั้น
2.ซื้อแล้วก็ดีทั้งนั้นแหละครับ
3.ถ้าเครื่องที่เป็นองศาfอยู่ที่99f  ถ้าเครื่องที่เป็นองศาcอยู่ที่37องศาc
4.ยังไงก็ได้ไม่มีผลเสียหาย
5.ไก่แรกเกิดจะกินไข่แดงในท้อง2-3วันหลังจากนั้นจึงเริ่มให้น้ำและอาหาร  ส่วนนกนั้นหลังจากเป็นตัวแล้ว12-24ช.ม.ก็เริ่มให้อาหาร  ลูกนกแรกเกิดกินอาหารน้อยมากประมาร4-5หยดก็อื่ม  ปล่อยให้นกเจาะไข่แตกเองครับ ไม่ต้องไปช่วยแกะ มีปัญหาเลยกำหนดแล้วถึงจะช่วย
ป้อน5วันได้แรกเกิดก็ย่อมทำได้ หลักการเหมือนกันหมด

สำหรับไข่ซันจะฟักเป็นตัวหลังจากไข่24วัน โรเซลล่า 22วัน
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: DornKing เมื่อ กุมภาพันธ์ 23, 2009, 05:10:03 หลังเที่ยง
รักทุกคน ที่ตอบ
รักทุกคน ที่อ่าน
รักเจ้าของหัวข้อนี้มากมาย  ที่ทำให้เกิดความรู้ดี ๆ

^_^
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: DornKing เมื่อ กุมภาพันธ์ 24, 2009, 04:18:47 หลังเที่ยง
ตามที่ ปู่ ได้ให้ความรู้ DornKing ไว้นะครับ
รบกวนถามเพิ่มเติมนะครับ  ตามที่ ปู่ได้ตอบเอาไว้

1. เมื่อลูกนกออกจากไข่แล้ว จะสังเกต เหมือนสุนัข หรือคนครับ มีสายสะดือ ก็ต้องตัดออกครับ ให้ห่างออกจากสะดือสัก 1 เซนติเมตร แล้วใช้เบตาดีนแต้ม

2. ปล่อยไว้ 12 - 24 ชม. ลูกนกจะถ่ายของเสียออกมา เป็นสีเขียว ๆ หรือดำ ๆ แล้ว ค่อยป้อนครับ โดยใช้ไซริ้งค์ขนาด 1 CC ป้อนน้ำเกลือแร่เด็ก โดยเริ่มครั้งแรกประมาณ 0.1 - 0.2 CC ทุก ๆ 2 ชม.
ป้อนอย่างนี้สัก 1 วัน

3. วันที่ 2 ค่อย ๆ เพิ่มปริมาณขึ้น อาจจะเพิ่มทุก ๆ 2 - 3 ครั้งที่ป้อน เช่น เช้า ป้อน 0.2 อีก 2 มื้อเป็น 0.4 อีกมื้อเป็น 0.6

4. จากนั้นค่อย ๆ ผสมอาหาร + เกลือแร่ ( ใส ๆ ) ทำอย่างวันที่ 2
แล้ว ค่อยเพิ่มความเข้มข้นของอาหารขึ้น"

สอบถามนะครับเอาเป็นข้อ ๆ นะครับ
ตามข้อ 1 ครับ ถ้าไม่ตัดแล้วปล่อยให้มันหลุดเอง มีผลเสียหรือเปล่าครับ คุณพ่อบอกว่าไม่ต้องตัดหลอกเดียวมันก็หลุด ผมก็บอกว่าน่าจะต้องตัดนะก็ยกตัวอย่าง ถ้ามันอยู่กับแม่นก แม่นกก็จะกัดให้ ก็เป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ (พ่อตาผมเชื่อมั่นตัวเองสูง)

2. ป้อนน้ำเกลือแร่อย่างเดียวเลยหรอครับ ไม่ต้องผสมอาหารเลยหรอครับ

3-4. ผมคงใช้กะเอาละมั่งครับ อันนี้น่าจะเป็นงานฝีมือแล้วครับ (มั่ว อีกแล้วครับผม)

อุปกรณ์ที่ป้อนดูแล้วที่โอเคสุด น่าจะเป็น ไซริ้งค์ขนาด 1 CC เพาะตอนนี้ผมเตรียม ดอป มันเป็นพลาสติก อันละ 10 บาท ดูแล้วไม่ค่อยจะโอเคซักเท่าไหร

และข่าวล่ามาเร็ว พ่อตาผมได้เกาะไข่ออกแล้ว เนื่องจากความใจร้อนหรือเปล่าไม่รู้เมื่อเวลซักประมาณ 15.30 น. เดียวจะรีบกลับไปดูครับ  มีไรเพิ่มเติมแจ้งได้เลยนะครับ

ขอบพระคุณมากกกกกกกกกกกกกกกกก ครับ
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: lux005 เมื่อ เมษายน 17, 2009, 08:38:17 หลังเที่ยง
ได้ความรู้วิธีเลี้ยงลูกนกมากเลยครับจะนำทำบ้างครับขอบคุณมาก
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: ... เมื่อ เมษายน 19, 2009, 07:24:53 หลังเที่ยง
อ้างถึงDornKing เป็นผู้เขียน:
ตามที่ ปู่ ได้ให้ความรู้ DornKing ไว้นะครับ
รบกวนถามเพิ่มเติมนะครับ  ตามที่ ปู่ได้ตอบเอาไว้

1. เมื่อลูกนกออกจากไข่แล้ว จะสังเกต เหมือนสุนัข หรือคนครับ มีสายสะดือ ก็ต้องตัดออกครับ ให้ห่างออกจากสะดือสัก 1 เซนติเมตร แล้วใช้เบตาดีนแต้ม

2. ปล่อยไว้ 12 - 24 ชม. ลูกนกจะถ่ายของเสียออกมา เป็นสีเขียว ๆ หรือดำ ๆ แล้ว ค่อยป้อนครับ โดยใช้ไซริ้งค์ขนาด 1 CC ป้อนน้ำเกลือแร่เด็ก โดยเริ่มครั้งแรกประมาณ 0.1 - 0.2 CC ทุก ๆ 2 ชม.
ป้อนอย่างนี้สัก 1 วัน

3. วันที่ 2 ค่อย ๆ เพิ่มปริมาณขึ้น อาจจะเพิ่มทุก ๆ 2 - 3 ครั้งที่ป้อน เช่น เช้า ป้อน 0.2 อีก 2 มื้อเป็น 0.4 อีกมื้อเป็น 0.6

4. จากนั้นค่อย ๆ ผสมอาหาร + เกลือแร่ ( ใส ๆ ) ทำอย่างวันที่ 2
แล้ว ค่อยเพิ่มความเข้มข้นของอาหารขึ้น"

**********************************************


ไม่ได้เข้ามาตามดูกระทู้  ขอตอบตอนนี้ละกันครับ  ตามความเข้าใจส่วนตัวขอรับกระผม

สอบถามนะครับเอาเป็นข้อ ๆ นะครับ
ตามข้อ 1 ครับ ถ้าไม่ตัดแล้วปล่อยให้มันหลุดเอง มีผลเสียหรือเปล่าครับ คุณพ่อบอกว่าไม่ต้องตัดหลอกเดียวมันก็หลุด ผมก็บอกว่าน่าจะต้องตัดนะก็ยกตัวอย่าง ถ้ามันอยู่กับแม่นก แม่นกก็จะกัดให้ ก็เป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ (พ่อตาผมเชื่อมั่นตัวเองสูง)

ปล่อยเอาไว้ก็ได้ครับ  เดี๋ยวมันก็แห้งและหลุดเอง  แต่ถ้าตัดก็ได้ คัรบ  แล้วใช้เบตาดีนแต้มครับ  เพื่อฆ่าเชื้อ  แล้วอีกสักพักมันก็หลุดเองครับกระผม  



2. ป้อนน้ำเกลือแร่อย่างเดียวเลยหรอครับ ไม่ต้องผสมอาหารเลยหรอครับ

เมื่อลูกนกออกมาปล่อยเอาไว้ให้ถ่าย ขับของเสียภายในร่างกายออกมาน๊ะครับ  ประมาณ 12 - 24 ชม.  สิ่งที่ขับออกมาจะออกสีเขียวคล้ำ ๆ หรือออกสีดำ ๆ เลยครับ  แล้วจึงค่อยป้อนน้ำเกลือแร่เด็ก  ผสมตามอัตราส่วนที่อยู่ข้างซอง  จะใช้แบบธรรมดา หรือรสส้มก็ได้ครับ  แต่ถ้าใช้รสส้ม  เวลาถ่ายมาจะมีน้ำสีส้ม ๆ ออกมาเหมือนกันครับ  

โดยขึ้นอยู่กับขนาดของลูกนกแต่ละสายพันธุ์ว่าควรจะเริ่มที่ขนาดไหน  แต่คงไม่หนีกันสักเท่าไหร่  เพราะขนาดมาร์คอ  เริ่มแรกป้อน 0.1 - 0.2 CC  เว้นทุก ๆ 2 - 3 ชั่วโมง  สำหรับวันแรก

วันต่อ ๆ ไป  ก็เริ่มผสมอาหารเล็กน้อย  แต่อาจจะยังให้ในอัตราส่วนการป้อน 0.1 - 0.2 CC  เว้นระยะ 2 - 3 ชั่วโมง  แล้วจึงค่อย ๆ เพิ่ม ปริมาณ รวมถึงอัตราส่วนความเข้มข้น  




3-4. ผมคงใช้กะเอาละมั่งครับ อันนี้น่าจะเป็นงานฝีมือแล้วครับ (มั่ว อีกแล้วครับผม)

อุปกรณ์ที่ป้อนดูแล้วที่โอเคสุด น่าจะเป็น ไซริ้งค์ขนาด 1 CC เพาะตอนนี้ผมเตรียม ดอป มันเป็นพลาสติก อันละ 10 บาท ดูแล้วไม่ค่อยจะโอเคซักเท่าไหร

ครับ ใช้ไซริ้งขนาด 1 CC  ดีที่สุดครับ  กะง่ายที่สุด  อย่ากลัวเสียของ เมื่อเริ่มฝืดแล้วทิ้งเลยครับ  เพราะมันเวลากดจะมีโอกาพุ่งเข้าคอนกได้เหมือนกันครับ    

และข่าวล่ามาเร็ว พ่อตาผมได้เกาะไข่ออกแล้ว เนื่องจากความใจร้อนหรือเปล่าไม่รู้เมื่อเวลซักประมาณ 15.30 น. เดียวจะรีบกลับไปดูครับ  มีไรเพิ่มเติมแจ้งได้เลยนะครับ

ขอบพระคุณมากกกกกกกกกกกกกกกกก ครับ

ไงมีอะไรก็โทรสอบถามได้เลยครับ  มีเบอร์แล้วใช้ไหมขอรับกระผม  
ชื่อ: ตอบ: พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
โดย: Guest เมื่อ ธันวาคม 19, 2010, 04:00:38 หลังเที่ยง
ขอบคุณมากครับพี่ เพิ่งได้มาสองตัวมีเดียมเราไม่รู้ให้กินนมไปสะและอิอิอิ