รบกวนสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับ
อาหาร ลักษณะนิสัย สายพันธุ์ (ใน ป.ไทย) การสืบพันธุ์
ขอบคุณครับ
อ้างถึงTurkeyman เป็นผู้เขียน:
รบกวนสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับ
อาหาร ลักษณะนิสัย สายพันธุ์ (ใน ป.ไทย) การสืบพันธุ์
ขอบคุณครับ
กระทู้นี้ ล่อเป้า หรือปล่าวขอรับกระผม
ไงก็ อย่าเลยครับ เดี๋ยวจะบานปลาย
ขอบคุณครับ
กินผัก ผลไม้ แมลง ไข่นก เป็นสัตว์หากินกลางคืน กลางวันจะนอน และเนื่องจากเป็นสัตว์หากินกลางคืน ตาจึงปรับตัวให้ ใช้ในที่ที่ มีแสงสว่างน้อย เมื่อคนนำมาเลี้ยง ชีวิตคนเลี้ยงมักเป็นชีวิตกลางวัน จึงบังคับเขาให้อยู่ด้วยกลางวัน กินกลางวัน เมื่อเลี้ยงไปได้ระยะหนึ่ง ตาเขาก็จะมีปัญหาคือเกิดบอดขึ้นได้ เพราะปรับตัวกับแสงสว่างไม่ไหวครับ
เป็นการทรมาณสัตว์นะครับ อย่างเลี้ยงเลี้ยง มาร์โมเสท หรือ ทามมารีนดีกว่าครับ ถูกกฏหมายด้วยครับ
สัตว์ป่าคุ้มครองนะครับ มิเหมาะมิควรที่จะนำมาเลี้ยง
ที่สำคัญมันไม่เชื่องตลอดกาล(เพราะไม่ใช่ตุ๊กตาลิง) เวลาติดสัดจะดุมาก กัดเจ็บมาก หากโดนแสงแดดจ้าบ่อยๆจะทำให้ตาเป็นต้อได้ครับ
อาหาร ผลไม้ที่ไม่เปรี้ยว แมลง ไข่นก จิ้งจก ลูกนก
ผมเคยเห็น เขานำมาเลี้ยงเกาะตามตัว บอกว่าเชื่องอย่างนั้น อย่างโน้น อย่างนี้ สายพันธุ์ ก็มีทั้งไทย และอินโดนีเซีย
ความเชื่อง คงเป็นเพราะเขายังเล็ก และรวมถึง โดนตัดเขี้ยวไปน๊ะครับ
เดี๋ยวผมจะพยายามหาข้อมูลให้ อ่านดูครับ กระผม
แต่สุดท้ายไง ก็ไม่ค่อยอยากจะสนับสนุน เลยครับ ถ้าหลงมา ก็ปล่อยกลับสู่ธรรมชาติ ขอรับกระผม
เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535
บทความ โดยคุณ วนกร อุดมการณ์
จากหนังสือ ADVANCED THAILAND GEOGRAPHIC
ISSN : 0859-5359 ปีที่ 4 ฉบับที่ 35 เดือนพฤษภาคม - มิถุนายน 2542
นางอาย หรือ ลิงลม
" ซื้อไหมค้า .... น่ารักน่ะค้า ... เลี้ยงจ่ายค่ะ "
หญิงร่างค่อนข้างอ้วนกำลังพยายามเสนอ " สินค้า " ของเธออยู่ แล้วก็ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นไปตามที่เธอคิดเพราะหญิงสาวคนนั้นดูท่าทางสนใจไม่น้อย
" ตัวนางอายค่ะ ... ไม่แพงนะคะ ... หาไม่ได้หรอกคะ ราคานี้นะ "
สิ่งมีชีวิตรูปร่างอ้วนกลมสีน้ำตาลอมเทาซุกตัวแน่นิ่งอยู่ในถุงกระดาษสีน้ำตาลใบไม่ใหญ่ไปกว่าตัวมันเท่าไหร่นัก จะมีก็เพียงเงยหน้ามองออกมาจากทางปากถุงด้วยความสงสัยในบางครั้งเท่านั้น แต่เมื่อดดนแสงสว่างก็หันหน้ากลับไปซุกอยู่อย่างเดิม ดูแล้วเหมือนกับเอียงอายไม่มีผิด
" หายากน่ะคะ ... นาน ๆ จะมีมาซักตัวรีบซื้อไว้เถอะค่ะวันสุดท้ายแล้ว "
หญิงอ้วนทำหน้าที่ของเธออย่างเต็มที่ เธอรู้ดีว่าหากไม่ " ปล่อย " ออกไปเสียแต่โดยไวแล้วละก็ เธออาจจะชวดเงินก้อนใหญ่ไปเลยก็ได้สำหรับเย็นวันอาทิตย์อย่างนี้ ประสบการณ์การเป็นแม่ค้าขายสัตว์ป่ามาหลายปีในตลาดนัดสวนจตุจักรสอนเธอให้รู้ถึงความเป็นจริง ก็ไม่รู้ว่าเจ้าลิงลมหรือนางอายตัวนี้บอบช้ำมามากแค่ไหนการที่จะเสี่ยงเก็บเอาไว้อีกเป็นอาทิตย์นั้น มันมีสิทธิ์ตายได้นั่นหมายความว่ากำไรของเธอน้อยลงไปอีกโขอยู่
" ตัวละพันแพงไป .... ลดหน่อยสิ ไม่ได้ก็ไม่เอา "
" ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ กำไรตัวละไม่กี่สิบบาทเองนะคะ.... เสี่ยงก็เสี่ยง "
กระแสอนุรักษ์เพิ่มมากขึ้นและการที่เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้มงวด ในการดูแลการลักลอบค้าสัตว์ป่า ทำให้รายได้ของเธอลดลงไปอย่างมาก เมื่อได้ตัวอะไรมาสักตัวหนึ่งก็ไม่สามารถนำออกมาวางขายอย่างประเจิดประเจ้อเหมือนเดิมได้แต่กระนั้นก็ตามหากมีความต้องการ " สินค้า " อยู่อย่างต่อเนื่องรายได้ของเธอก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันแม้กระแสอนุรักษ์จะรุนแรงมากเพียงใดก็ตาม ในความเป็นจริงมันก็ยังไม่สามารถเหนือกว่าความอยากของคนอยู่ดี
การเจรจาหลังจากนั้นคงเป็นไปตามกลไกของความต้องการ คนซื้อก็อยากได้ของถูก คนขายก็อยากขายได้แพง ๆ เพื่อกำไรที่มากตามไปด้วย แต่ในที่สุดดูเหมือนว่าลูกค้าจะเป็นฝ่ายชนะ เป็นเจาของ " สินค้า " ด้วยแบงก์สีม่วง ๆ เพียงใบเดียวเท่านั้น ก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอจึงยอมขายทั้งที่ในตอนแรกบอกว่ากำไรตัวละไม่กี่สิบบาท
ลูกค้าของเธอเดินคล้อยหลังไปไกลแล้ว แม้จะไม่สมหวังในราคาขาย เพราะเธอเคยโก่งราคาได้เกือบสองพันบาท สำหลับลูกลิงลมที่ดูเชื่อง ๆ สักตัว หน้าที่ต่อจากนี้ก็คงเป็นการหา " สินค้าตัวใหม่ " สำหรับการขายครั้งต่อไป แม้ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ แต่มันก็คุ้มค่าไม่ใช่หรือกับกำไรที่ได้เกือบเท่าตัวแบบนี้
มีต่อครับ
" ว๊าย ... น่ารักจังเลย ตัวอะไรเนี่ยดูสิขี้อายด้วย "
"ขอชั้นอุ้มบ้างสิ ขนมันนิ้มนิ่มอย่างกับตุ๊กตา แน่ะ ... น่ารักจัง "
" ถ้ามีอีกหาให้ชั้นตัวนึงนะ จะได้เอามาอุ้มเล่นแบบเธอบ้าง "
สารพัดคำพูดที่ชื่นตมต่อ " ตัวเลี้ยงตัวใหม่ " ทำให้เธอดูอดภูมิใจลึก ๆ ไม่ได้ว่าการเลี้ยงเจ้าตัวอ้วนกลมขี้อายนี้ ทำให้เธอเหนือกว่าคนที่เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวทั่วไป ทุกครั้งที่มีคนเห็นเธอ ( จงใจ ) อุ้มมันออกมา เธอจะต้องกลายเป็นจุดเด่น เป็นเป้าสายตาอยู่เสมอ ใคร ๆ ก็อยากจะได้มันมาอุ้มเล่นบ้าง ยิ่งตอนที่มันกำลังซุกหน้าเอียงอายอย่างไม่ยอมสบตากับใครนั้น ยิ่งทำให้มันยิ่งน่าเอ็นดูมากยิ่งขึ้น ทำให้ใครต่อใครต่างพยายามทำให้มันเงยหน้าอยู่เสมอ ก่อนที่จะปล่อยให้มันซุกหน้าหลบตาเพื่อหนีแสง พร้อมกับแสดงความขบขันกับกริยาของมัน
" น่าสมเพช .... อยากจะเลี้ยงสัตว์ป่าแต่พฤติกรรมของสัตว์ที่เลี้ยงเธอยังไม่เคยคิดจะเรียนรู้ ลิงลมเป็นสัตว์หากินกลางคืน ดวงตาไม่สามารถสู้แสงแดดเจิดจ้าตอนกลางวันได้ เรื่องสำคัญแบบนี้สมองของเธอคิดบ้างไหมหนอ "
หากลิงลมตัวนั้นพูดได้มันอาจจะตะโกนใส่หน้าคนที่อุ้มอยู่ก็ได้ การเลี้ยงสัตว์นั้นทำให้คนเลี้ยงมีจิตใจที่อ่อนโยน มีเมตตารักสัตว์ เห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมโลก แต่ยังมีคนอีกหลายคนที่เห็นสัตว์เป็นเพียงเครื่องแสดงฐานะ การมีสัตว์หายากแปลกไปกว่าคนอื่น หรือทำให้คนเลี้ยงมีความรู้สึกเหนือกว่าคนอื่นนั้น เคยมีอยู่ในจุดประสงค์การเลี้ยงสัตว์เลย
ยิ่งเป็นสัตว์ป่าด้วยแล้วดูเหมือนว่าจะเป็นที่หมายปองของคนชอบเลี้ยงสัตว์ประเภทหลังมากเหลือเกิน สัตว์ป่าหลายชนิดถูกจับออกมาจากป่าเพื่อรอคอยการซื้อขาย โดยเฉพาะลูกสัตว์ที่เต็มไปด้วยความน่าเอ็นดู และลิงลมก็เป็นหนึ่งในสัตว์ป่าที่ถูกมนุษย์จับมาเป็นสัตว์เลี้ยง
ลิงลมหรือที่ใครหลายคนเรียกชื่อตามพฤติกรรมที่ไม่ชอบแสงสว่างของมันว่านางอายนั้น เป็นสัตว์ป่าชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะตัวหลายอย่างที่ไม่เหมือนใคร จึงมักไม่มีปัญหาในการทำความรู้จักกับมัน แต่การที่มันเป็นสัตว์ที่มีพฤติกรรมและกิจกรรมต่าง ๆ ในเวลากลางคืนก็เลยทำให้ไม่ค่อยมีคนได้พบเห็นตัวจริงมันมากนัก โดยเฉพาะคนส่วนใหญ่ที่ห่างไกลจากป่าเขาลำเนาไพร
ลิงลมเป็นต้ว์ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับลิงและมนุษย์ หรืออยู่ในอันดับ Primates สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ลิงลมนี้ ทั่วโลกมีทั้งหมด 6 สกุล 11 ชนิด และสามารถแบ่งออกเป็นสองวงศ์ย่อยคือ พวกลอริสิด หรือลิงคมที่พบในบ้านเรา โดยลิงลมถูกจัดให้อยู่ในวงศ์ย่อยของลิงลมหรือ Subfamily Lorisinae ทั่วโลกมีอยู่ทั้งหมด 4 สกุล และ 5 ชนิดคือพวก Pottos ที่พบในทวีปแอฟริกาและลิงลมที่พบในเอเชีย ซึ่งในประเทศไทยนั้นก็พบเพียงสกุลและชนิดเดียวเท่านั้น และ Subfamily Galanginae ซึ่งเป็นลิงลมพวกที่พบในทวีปแอฟริกา เป็นสัตว์ที่มีการพัฒนามาเพื่อการปีนป่ายและห้อยโหนอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนกับลิงลมบานเราที่มีการพัฒนาการมาเพื่อการปีนป่ายอย่างช้า ๆ ไปตามลำต้นและกิ่งไม้
มีต่อ
อ้างถึงkeng_exotic เป็นผู้เขียน:
สัตว์ป่าคุ้มครองนะครับ มิเหมาะมิควรที่จะนำมาเลี้ยง
ที่สำคัญมันไม่เชื่องตลอดกาล(เพราะไม่ใช่ตุ๊กตาลิง) เวลาติดสัดจะดุมาก กัดเจ็บมาก หากโดนแสงแดดจ้าบ่อยๆจะทำให้ตาเป็นต้อได้ครับ
อาหาร ผลไม้ที่ไม่เปรี้ยว แมลง ไข่นก จิ้งจก ลูกนก
อย่างงี้ก็ดีเลย เลี้ยงควบคู่ไปกับการเลี้ยงนก เวลามีลูกนกออกมาจะได้เอาไปให้มันกิน อิ อิ (ล้อเล่นนะครับ)
ขอบคุณทุกท่านครับ
คิดจะเลี้ยงเหมือนกัน แต่ไม่ทราบข้อมูลทางด้านอื่น ๆ อย่างที่ทุกท่านแจ้งมา
เห็นมีคนเลี้ยงอยู่ ไม่ทราบว่า พวกเขาจะรู้ไหมในพฤติกรรม หรือ อันตรายที่จะมีต่อสิ่งมีชีวิตที่เขานำมาเลี้ยง
ได้ทราบข้อมูล แล้วก็นึกสงสารพวกมันเหมือนกันนะครับ มีข่าวอยู่เรื่อย ๆ เรื่องการลักลอบนำเข้าและออก มักจะพ่วงด้วย ตัวนิ่ม
ได้ทราบเช่นนี้แล้วก็คงไม่กล้าที่จะนำมาเลี้ยงแล้วหละครับ :-(
แล้วก็ต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะครับ
ไม่ได้มีเจตนาที่จะ ชักชวน หรือ ชักจูง เพียงแต่อยากทราบข้อมูลที่เท็จจริง เท่านั้นครับ
ลิงลมเป็นลิงที่มีขนาดค่อนข้างเล็กความยาวของหัวและลำตัวรวมกันก็ราว ๆ 30 – 40 เซติเมตร เท่านั้น ส่วนน้ำหนักก็ประมาณหนึ่งถึงสองกิโลกรัม รูปร่างของลิงลมนั้นดูแล้วอ้วนกลมเหมือนตุ๊กตาชวนให้คิดถึงหมีโคอาล่าที่มีในทวีปออสเตรเลีย แต่จะแตกต่างกันที่หูของลิงลมนั้นเล็กและสั้นมากไม่เหมือนกับหูของหมีโคอาล่าที่ใหญ่และมีขนยาวฟู
ขนตามลำตัวของลิงลมนั้นโดยรมแล้วจะมีสีเทาจะอ่อนแก่ก็แปรผันกันไปในลิงลมแต่ละตัว ลิงลมที่พบทางภาคใต้นั้นจะมีออกน้ำตาลแดงมากกว่าลิงลมที่พบทางตอนบนของประเทศ และลิงลมจะมีขนสีเข้มลากจากหัวไปถึงสันหลังซึ่งก็จะแปรผันกันไปอีกเช่นเดียวกัน บางตัวก็เป็นสีน้ำตาลเข้มบางตัวก็เข้มมากจนเป็นสีดำไปเลยก็มี และลิงลมบางตัวอาจมีแถบที่ว่านี้ลากยาวไปจนถึงหางเลยก็ได้ ซึ่งหางของลิงลมนั้นก็สั้นมาก จนดูคล้ายกับว่ามันไม่มีหางเลย ทำให้ตัวของมันยิ่งดูอ้วนกลมยิ่งขึ้นไปอีก
" ผมบอคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าเลี้ยง แล้วเป็นไงล่ะ "
" ก็เห็นมันน่ารักดี ดูเชื่อง ๆ ไม่คิดว่าไอ้ลิงบ้ามันจะกัดฉันนี่ "
" แล้วจะทำยังไงกับมันล่ะ "
" จะเอาไปไหนก็เอาไปเถอะ "
เลี้ยงสัตว์ป่าเนื่องจากหลงใหลในความน่ารักน่าชังเมื่อยามเป็นลูกสัตว์ หลังจากที่สัตว์ป่าตัวนั้นโตขึ้น สัญชาตญาณที่มีอยู่ทำให้มันต้องสำแดงความเป็นป่าออกมา ด้วยการกัดและข่วนหรือทำร้ายเจ้าของด้วยวิธีใด ๆ ก็ตาม เหตุผลเหล่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เจ้าของหาทางกำจัดเพื่อทำให้ผู้เลี้ยงรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัย ส่วนสัตว์ป่าตัวนั้นหรือมันก็จะไม่ได้รับการแยแสจากคนเลี้ยงตั้งแต่วันที่มันแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวอย่างนั้นออกมาแล้ว เรื่องราวเหล่านี้ดำเนินไปคล้ายกับละครน้ำเน่าที่เราสามารถเดาตอนจบได้ตั้งแต่เห็น ใครสักคนซื้อสัตว์ป่ามาเลี้ยงและละครน้ำเน่าเรื่องเดียวกันที่เปลี่ยนเพียงแค่ดารานำแสดงเท่านั้น คงเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ "แป๋ว" ลิลมหนุ่มต้องมาอยู่ในกรงโทรม ๆ ที่วัดแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างไกลจากชุมชนนอกจากมันแล้วยังมีสัตว์อีกหลายชนิดถูกขังกรงเอาไว้ เพื่อให้คนที่มาทำบุญได้เดินดู ไม่ว่าจะเป็นนกหลายชนิด ลิงกัง แม้กระทั่งหมีควายตัวใหญ่ ทุกตัวอยู่ในสภาพที่ซูบผอม กับกรงที่สกปรก จากสภาพดังกล่าวทำให้เดาได้ไม่ยากเลยว่าการดูแลพวกมันนั้นต้องเรียกว่า " ตามยถากรรม "
" แป๋ว " มาอยู่ที่วัดนี้ได้เกบือสองเดือนแล้ว ด้วยเหตุผลก็เพราะว่ามันกัดมือคนที่มาแหย่มันเสียจนเป็นแผลและคนที่ถูกกัดนั้นก็บังเอิญเป็นลูกชายจอมซนของคนที่ซื้อมันมาเลี้ยงนั่นเอง ความจริงแป๋วก็เป็นสัตว์ที่ขี้อายตามประสาสัตว์ที่หากินกลางคืนทั้งหลาย และมันค่อนข้างจะคุ้นเคยกับคนก็เนื่องจากมันถูกนำมาเลี้ยงตั้งแต่ยังไม่โตมากนัก ซึ่งปกติมักก็ดูเชื่องและเฉื่อยชา ทำตัวเหมือนของเล่นมีชีวิตให้ครอบครัวนี้ได้จับต้อง และมันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองด้วยว่ามันกัดเด็กที่มาแหย่มันทำไม รู้แต่เพียงว่าความต้องการบางอย่างในร่างกายของมันทำให้มันหงุดหงิด
มีต่อครับ
เกือบจะเอามาเลี้ยงแล้วเหมือนกันคนขายชอบบอกว่าเลี้ยงง่าย
เซ็งคนขาย
สัตว์แทบทุกชนิดถ้าจะเลี้ยงต้องมีความรู้ ถึงความต้องการ ข้อควรระวัง นิสัย ของสัตว์ชนิดนั้นๆเสียก่อน
ไม่ว่าจะนก ลิงลม นางอาย เสือ ปลา แมลง ส่วนผิดกฎหมายหรือไม่นั้นอีกเรื่องนึง กฎหมาย คือกติกากลาง แต่การที่มีการแก้ไขกฎหมาย มีผลในวันรุ่งขึ้น มิได้หมายความว่า ศีลธรรมจรรยามันจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในเพียงวันเดียวที่มีการประกาศกฎหมาย
กฎหมายระดับพรบ มีเกือบพันฉบับ ไม่มีใครรู้ จำ ทำได้หมด
ระดับของกฎหมายเกี่ยวกับศีลธรรมยังแบ่งไปอีกหลายประเภท พูดไปก็จะยาว
ถ้าจะบอกว่าอยากเลี้ยงก็เลี้ยงไปเถอะ (แม้มันจะผิดกฎหมาย มันเรื่องของคุณเอง)(สัตว์ป่าหลายชนิดมีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นสัตว์เลี้ยงได้ ) ถ้าคิดว่าเลี้ยงได้ดี มีชีวิตรอด พัฒนาความรู้ในการดำรงชีวิตของสัตว์ชนิดนั้น มีโอกาสก็ขยายพันธุ์มันบ้าง เพื่อคืนในส่วนที่เราเอามา
ก็เลี้ยงไปก็อาจถูกท่านนักอนุรักษ์ (ผู้มีความรู้สูง มีจิตใจที่สูงส่ง มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล รู้จักป่าดงเป็นอย่างดีว่าป่าเมืองไทยแสนสมบูรณ์ เพียงพอให้สัตว์ป่ามากมายขยายพันธุ์ได้ดังเดิม โดยไม่มีปัญหาพื้นที่ไม่เหมาะสม ทับซ้อนของพื้นที่หากิน สภาพป่าเป็นเกาะที่ถูกชุมชนล้อม ปัญหาเลือดชิดในสัตว์ป่า ) ตำหนิเอาได้
เอาเป็นว่าจะเลี้ยงอะไร ก็รู้จัก(ตัวสัตว์) รู้ใจ(ตัวเอง) เสียก่อนนะครับ
ปล.ผมชื่นชมและเคราพด้วยใจจริงต่อนักอนุรักษ์ที่ทำงานจริง และเข้าใจความจริงอย่างรอบด้าน
" โทรศัพท์ไปถามสวนสัตว์เขาบอกว่าคงถึงช่วงฤดูผสมพันธุ์ของมันแล้วล่ะ อย่าไปแหย่ เพราะช่วงนี้มันจะอารมณ์แปรปรวน ไม่ดี "
แป๋วจำได้ว่าเจ้าของของแป๋วคุยกันอย่างนี้ ก่อนที่จะพามาปล่อยไว้ที่วัดแห่งนี้เลี้ยงดู มันจะรู้หรือเปล่าว่าคนนั้นมักจะหาทางป้องกันตัวเองเสมอ เมื่อรู้ตัวว่าไม่ปลอดภัยและในขณะนั้นมันก็เป็นสิ่งที่มีอันตรายของครอบครัวนั้นไปแล้ว
ลิงลมนั้นหากนำมาเลี้ยงตั้งแต่เป็นเด็กอยู่ เราก็สามารถเลี้ยงมันให้เชื่องและเป็นสัตวืเลี้ยงที่ดีได้ นอกจากนี้มันยังปรับตัวให้หากินในเวลากลางวันได้ด้วย แต่เมื่อโตเต็มวัยแล้ว สัญชาติญาณต่าง ๆ ที่มีอยู่ในตัวมันก็อาจจะทำให้มันเป็นสัตว์ที่ก้าวร้าวได้ โดยฑาะในช่วงเวลาของการสืบทอดเผ่าพันธุ์ ส่วนลิงลมที่โตเต็มที่นั้นจะดุมากเมื่อถูกจับ ถึงแม้จะเห็นเชื่อง ๆ แบบนี้ เมื่อถูกจับมันจะคำรามและกัดทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้าใกล้มัน เสียงขู่คำรามของมันฟังดูคล้ายเสียงแมว
คนมาทำบุญที่วัดเมื่อเป็นแป๋ว ก็มักจะมาคอยจ้องดูทีกรงของแป๋วเสมอ ก็เพราะอยากรู้ว่าแป๋วเป็นตัวอะไรกันแน่ เนื่องจากแป๋วจะซุกตัวนิ่งอยู่บนกิ่งไม้ในกรงนั่นเอง แต่เกือบทุกคนก็มักจะยอมแพ้ที่จะรอให้แป๋วหันหน้ามาให้ดู แล้วก็มีไม่น้อยที่พยายามทำให้แป๋วเคลื่อนไหวให้ได้ ทั้งเขย่ากรงหรือเอาไม้แหย่ หาความสงบไม่ได้เลยทีเดียว แต่แป๋วไม่คิดที่จะกัดแล้วล่ะ แป๋วรู้ตัวดีว่าไม่สามารถสู้กับคนเหล่านี้ได้
นอกจากนั้นอาหารการกินก็ไม่ดีนักมีเพียงกล้วยงอม ๆ ค้างกรงเท่านั้น
"ว๊าย !!!! ..... คุณพ่อขา มันกินแมลงสาบด้วยค่า ...."
ความฝังใจว่าสกปรก เด็กหญิงคนนั้นคงตกใจน่าดูที่เจ้าลิงลมผอมตัวนี้คว้าเอาแมลงสาบเคราะห์ร้ายเขาปาก ความจริงมันก็ไม่อยากกินนักหรอก แมลงสาบฉุน ๆ ในเมืองไม่ใช่อาหารที่มันต้องการ แต่ตลอดเวลาที่มันมาอยู่ที่วัดนี้มันไม่ เคยได้รับอาหารโปรตีนที่มันต้องการเลย ดังนั้นแมลงสาบที่ไต่ยั้วเยี้ยไปมาในกรงสกปรกนี้จึงยั่วยวนสัญชาติญาณมันได้เป็นอย่างดี
แต่กลิ่นเฉพาะกายชวนเวียนหัวของแมลงสาบนั้นก็ทำให้มันต้องคาบอาหารจำเป็นนั้นทิ้งออกมาจนได้
ตามธรรมชาติลิงลมไม่ได้กินผลไม้เป็นอาหารหลัก เหมือนลิงทั่วไปอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ลิงลมต้องการอาหารประเภทสัตว์เป็นส่วนใหญ่ ดดยมันจะไต่ไปตามกิ่งไม้หาสัตว์เล็ก จำพวกแมลง กิ้งก่า นกเล็ก ๆที่หลบนอนอยู่ตามยอดไม้ จักจั่น ตัวใหญ่ ๆ ที่ชอบเกาะร้องอยุ่ตามกิ่งไม้ก็เป็นสิ่งที่ลิงลมชื่นชอบ นอกจากนั้นยังมีรายงานว่าอาหารโปรดอีกอย่างหนึ่งของลิงลมก็คือหอยทาก โดยเฉพาะ หอยทากต้นไม้ (Tre snail) ซึ่งเป็นหอยทากที่หากินอยู่ตามลำต้นของต้นไม้ ไม่ได้อยู่ตามพื้นดินอย่างหอยทากทั่วไป โดยที่ลิงลมจะมีฟันหน้าและเขี้ยวของขากรรไกรล่างจัดเรียงกันคล้ายหวี เพื่อสะดวกในการกินหอยทาก
มีต่อครับ
ไม่บ่อยครั้งนักที่จะพบลิงลมลงมาหากินตามพื้นดิน และมันก็สามารถเคลื่อนที่บนพื้นดินได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ส่วนมากมันจะลงดินก็ต่อเมื่อ ไม่มีทางที่จะเคลื่อนย้ายตัวเองไปตามต้นไม้ได้อย่างที่ต้องการ ลงมาตามพื้นดินนั้นจะเป็นช่วงที่อันตรายสำหรับชีวิตของมันเอง เพราะการเคลื่อนไหวที่ไม่ว่องไวนักของมน ไม่อาจจะหลบหลีกนักล่าที่แสนปราดเปรียวได้ และยังมีรายงานด้วยว่าลิงลมบางตัวเมื่อถูกจับจะไม่ยอมอยู่นิ่ง กับพื้นกรงเลย มันจะพยายามเกาะห้อยอยู่กับกรงตลอดเวลา แม้แต่ตอนกินน้ำก็จะเอี้ยวตัว ลงมาใช้ปากดื่มกิน คนทั่วไปที่ได้เห็นลิงลมแล้วจะรู้สึกว่าสัตว์ชนิดนี้เป็นสัตว์ที่เชื่องช้ามาก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วพฤติกรรมส่วนใหญ่ของมันก็ชวนให้เห็นเป็นอย่างนั้น แต่หากใครเห็นลิงลมขณะที่จับเหยื่อเป็นอาหารแล้วละก็ จะรู้สึกเชื่อสายตาเลยว่าสัตว์ที่ปกติแล้วต้วมเตี้ยมแบบลิงลมจะมีความรวดเร็วขนาดนั้น
เมื่อลิงลมพบกับอาหารที่เป็นแมลงเช่นตั๊กแตน หรือแมลงปีกแข็งตัวใหญ่ ๆ ขนาดพอเหมาะพอดีที่จะเป็นอาหารมื้อค่ำของมันได้นั้น มันจะค่อย ๆ คลานอย่างช้า ๆ จนได้ระยะที่แน่นอน ก่อนที่จะคล้าเอาเหยื่อตัวนั้นมากัดอย่างรวดเร็วอย่างน่าทึ่ง ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลวว่านกที่หลับเพลินอยู่ตามกิ่งไม้ นั้นทำไมจึงถูกเจ้าลิงลมที่ดูเฉื่อยชานั้นจับกินได้
ตลอดเวลาที่แป๋วมาอยู่ที่วัดแห่งนี้มันไม่มีความสุขเลย ทั้งความเป็นอยู่และสภาพสิ่งแวดล้อม แป๋วเองยังจำได้ถึงวันที่มันอยู่ในบ้านหลังเก่าได้ วันแรก ๆ นั้นไม่ว่าใครต่างก็อยากจะจับอยากจะอุ้มมัน จะเห็นว่ามันเป็นสัตว์น่ารักหรือแปลกประหลาดอะไรก็ตามทีจนมันเริ่มโตขึ้นความสนใจในตัวมันแม้จะลดน้อยลงตามเวลา แต่ก็ถือได้ว่าสภาพความเป็นอยู่ของมันดีกว่านี้มากนัก
ส่วนบ้านเกิดที่แท้จริงของแป๋วนั้นยังอยู่ในความทรงจำเสมอมา ความรู้สึกเรียกร้องหาความอิสระและแมกไม้ในป่าอันอุดมสมบูรณ์นั้นยังคงเต็มเปี่ยมอยู่ในมโนสำนึกของลิลมหนุ่มตัวนี้เสมอ เมื่อเป็นสัตวืป่าแล้วไม่ไดอยู่ในป่าจะเรียกว่าเป็นสัตว์ป่าได้อย่างไรเล่า
เหล็กที่ใช้ทำซี่กรงกับต้นไม้จริง ๆ นั้นสัมผัสที่รับรู้มันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
ถ้าเป็นไปได้แป๋วเองอยากจะย้อนถามคนที่เอาแป๋วมาเลี้ยงแต่แรกเหลือเกินว่า เคยได้เรียนรู้ชีวิตกับพฤติกรรมรวมถึงความต้องการของแป๋วมาบ้างหรือเปล่า ก่อนที่จะซื้อแป๋วมาจากพ่อค้าขายสัตว์ในวันนั้น หรือแค่เลี้ยงแป๋วไว้ดูเพราะเห็นว่าน่ารักดก้ เก๋ เพียงอย่างเดียว พอเห็นว่าแป๋วก้าวร้าว ความรักความเอ็นดูที่เคยมีให้ก็หายไปจนหมดสิ้น กระทั่งผลักภาระให้วัดเป็นผู้เลี้ยงดูอย่างอด ๆ อยาก ๆ คงมีคนคิดเหมือนกันกับเจ้าของแป๋วอยู่มากเหมือนกัน ก็สัตว์ที่เลี้ยงอยู่ในวัดนี้ก็มาจากเจ้าของที่นิสัยอย่างเจ้าของเดิมของแป๋วเสียเป็นส่วนใหญ่ หลายตัวค่อย ๆ ทยอยตายไปเหลืออยู่ก็ไม่ได้มีสภาพที่ชวนมองเอาเสียเลยอีกไม่ นานแป๋วก็คงตามเพื่อน ๆ ไปด้วย
มีต่อครับ
กะทู้นี้ทำให้ตระหนักถึงการเลี้ยงสัตว์ป่าและการค้าสัตว์ป่าทันทีเลยนะครับ ยังไงผมก็ไม่สนับสนุนให้เลี้ยงสัตว์ป่าทุกชนิดครับ
น่าสงสารไม่น่าเลี้ยง ค่ะ กลางวันเชื่องช้ากลางคืนมีชีวิตชีวาชอบทานแมลง บางท่านเอามากักขัง ให้อาหารไม่ถูกต้องตายไปก็มาก ลองเข้าไปดู ค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=GgVp___GEYE
http://www.youtube.com/watch?v=UvMaMrGyqDQ&feature=related
แม้ว่าการเคลื่อนที่ของลิงคมนั้นจะดูเช่องช้า แต่ก็เป็นความเชื่องช้าที่มั่นคง หากได้เห็นลิงลมไต่กิ่งไม้จะเห็นได้ว่า แต่ละก้าวที่มันเคลื่อนที่นั้นจะถูกยึดแน่นเอาไว้ด้วยนิ้วมือและนิ้วเท้าอันแข็งแรง นิ้วมือของลิงลมนั้คล้ายกับมือของมนุษย์แต่นิ้วหัวแม่มือของลิงลมนั้นจะมีขนาดใหญ่และแข็งแรงกว่าทุกนิ้ว และสามารถที่จะง้างกางไปทางด้านหลังได้เพื่อเหมาะสมกับการเกาะเกี่ยวต้นไม้ ส่วนนิ้วที่สองหรือนิ้วชี้นั้นจะหดสั้นกว่านิ้วอื่น ๆ ทั้งนี้ก็เพื่อความมั่นคงขณะที่นิ้วหัวแม่มือและนิ้วที่เหลือเกาะกับกิ่งไม้นั่นเอง
ทั้งลิงและคนนั้นต่างมีเล็บแบนติดปลายนิ้วมือ ซึ่งเป็นลักษณะที่พบในสัตว์กลุ่มไพรเมท ซึ่งลิงลมเองก็คงไว้ด้วยกับลักษณะเช่นนี้ แต่ลิงลมมีข้อยกเว้นอยู่สองนิ้วคือนิ้วชี้ของเท้าหลังทั้งสองข้าง กล่าวคือแทนที่จะมีเล็บแบนเหมือนนิ้วทั่ว ๆ ไป แต่เล็บในนิ้วชี้ของเท้าหลังนี้ จะมีลักษณะกลมและยาวเป็นแท่งออกมาก ประโยชน์ของเล็บในนี้กคือใช้ในการแต่งตัว และเกาเวลาที่คัน
พฤติกรรมเกือบทั้งหมดในตอนกลางวันของลิงลมก็คือการนอน ลิงลมจะหลบนอนตามโพรงไม้หรือตามพุ่มไม้หนา ทึบสูง ๆ โดยที่มันจะเกาะหรือนั่งบนกิ่งไม้และซุกหน้าอยู่ระหว่างขาทั้งส่ มีผู้พบลิงลมนอนคว่ำพาดไปกับกิ่งไม้โดยปล่อยขาห้อยลงมาในวันที่อากาศร้อนจัดด้วย
การที่ลิงลมสามารถจับเกาะกิ่งไม้ได้นาน ๆ ทั้งตอนหากินและตอนนอนนั้นก็เนื่องจากอุ้งมือที่แข็งแรงของลิงลม นั้นมีเส้นเลือดฝอยอยู่มากซึ่งเส้นเลือดมากมายเหล่านี้ช่วยในการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด ทำให้ไม่มีอาการเจ็บปวดหรือปวดเมื่อยเมื่อมีการเกร็งกล้ามเนื้อเหนี่ยวยึดกิ่งไม้ไว้นาน ๆ
ลิงลมมีอีกชื่อหนึ่งที่รู้จักกันดีในหมู่ของชาวบ้านและพรานป่าว่า "ลิวจุ่น" มันเป็นสัตว์ที่พรานไม่อยากจะพบเจอนัก เพราะพรานป่าในสมัยก่อนถือว่าลิงลม เป็นตัวซวยสำหรับการล่าสัตว์ เนื่องจากมีความเชื่อว่าหากพบลิงลมในขณะที่ออกป่าล่าสัตว์แล้วละก็ เก็บของกลับบ้านได้ เพราะว่าการเดินทางครั้งนั้นจะไม่มีทางล่าอะไรได้เลย พรานจึงไม่ค่อยชอบลิงลมนักบางท่านก็ว่าหากพบเห็นลิงลมและต้องยิงทิ้งมิฉะนั้นจะไม่ประสบความสำเร็จกับการล่าสัตว์ในครั้งนั้น ลิงลมจึงเป็นเป้ากระสุนของพรานด้วยความฉุนเฉียอยู่เสมอ
จะว่าไปแล้วลิงลมก็เป็นสัตว์ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์มานานแล้ว เนื่องจากยังมีความเชื่ออีกมากมายเกี่ยวกับลิงลมด้วยดวงตาที่โตใสของลิงลมทำให้ชาวสิงหลในอินเดียและศรีลังกาในอดีตมีความเชื่อว่าน้ำมันจากตาของลิงลมทำยาเสน่ห์ได้
มีข้อความกล่าวไว้ว่าขนที่หนานุ่มของลิงลมใช้ในการห้ามเลือดได้ผลเป็นอย่างดีอีกด้วย
นอกจากนี้กองบรรณาธิการของเราท่านหนึ่งเคยพบลิงลมถูกแบะอกเอาตับไตไส้พุงออกแล้วรมควันจนแห้ง ดูแล้วน่าเวทนามาก วางขารวมกับเขาสัตว์กระดูกสัตว์อีกหลายอย่าง สอบถามมาก็ได้ความว่า "ใช้เป็นยา" ก็ไม่รู้ว่ารักษาอะไรเหมือนกัน จะรู้ก็เพียงแต่มีหลายชีวิตสูญเสียไปเพื่อการรักษาคน ( สมมติว่ารักษาได้จริง) เหตุการณ์นี้พบได้ที่ตลาดช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ ชายแดนไทยและกัมพูชา
มีต่อครับ
(http://i261.photobucket.com/albums/ii54/keng_exotic/bird/88689d49.jpg)
ภาพนี้ผมถ่ายมาจากสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงอาการตาเป็นต้อเนื่องจากกรงเลี้ยงโดนแสงจ้าและไม่มีที่ให้หลบแดด รวมถึงภาวะที่โภชนาการไม่ดีเพราะให้กินแต่ผลไม้เท่านั้น
น่าสงสารมาก ๆ เศร้าใจกับผุ้เลี้ยงที่ไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้จัง
อ่านแล้วเศร้า :cry:
ลิงคมเป็นสัตว์ที่โดดเดี่ยวเรามักจะพบเห็นมันเป็นตัวเดียวหรือเป็นคู่ หากพบเห็นมันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ นั่นก็อาจะเป็นไปได้ว่าเป็นครอบครัวของมันที่ลูกลิงลมยังไม่แยกตัวออกไป
อย่างไรก็ตามเคยมีคนพบมันอยู่เป็นกลุ่มโดยมีลิงลมตัวเมียเพียงตัวเดียวนอกจากนั้นเป็นลิงลมตัวผู้ ซึ่งคงเป็นการรวมกันเพื่อการจับคู่ผสมพันธุ์กันนั่นเอง
ลิงลมหรือนางอายเช่นเดียวกันกับสัตว์ป่าอีกหลายชนิดข้อมูลทางด้านชีววิทยาของมันยังมีอยู่ไม่มากเท่าที่ควรโดยเฉพาะทางด้านการเจริญพันธุ์เท่าที่มีการบันทึกเอาไว้ลิลมตัวเมียมีระยะตั้งท้องตั้งแต่ 90 – 193 วัน และปกติออกลูกครั้งละ 1 ตัว นาน ๆ ครั้งจะพบว่าลิงลมมีลูก 2 ตัว
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมส่วนใหญ่นั้นมักจะมีประสาทการดมกลิ่นที่ดีเนื่องจากว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมเหล่านี้จะสื่อสารกันด้วยกลิ่นเป็นส่วนใหญ่ ก็เพราะว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมส่วนมากนั้นมีพฤติกรรมการดำรงอยู่ อย่างโดดเดี่ยวการทิ้งกลิ่นเอาไว้จึงเป็นการแลกเปลี่ยนข่าวสารที่มีประสิทธิภาพ แต่สัตว์ในกลุ่มไพรเมทนั้นส่วนใหญ่แล้วมีการดำรงอยู่อย่างมีสังคมการสื่อสารด้วยกลิ่นจึงไม่จำเป็นมาก เท่ากับสัตว์พวกแรก จะมีก็เป็นกลิ่นประจำตัวของแต่ละตัวเพื่อจดจำกันเองภายในฝูงและกลิ่นที่ใช้จดจำกันระหว่างแม่และลูกเท่านั้นที่เห็นได้ชัด
ถึงแม้ว่าลิลมจะเป็นไพรเมทชนิดหนึ่งก็ตาม แต่ลิงลมก็ไม่ได้มีพฤติกรรมการอยู่ร่วมกันเป็นฝูงอย่างลิงและค่างดังนั้นมันจึงต้องมีการสื่อสารกันโดยอาศัยกลิ่น เช่นเดียวกันกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่โดดเดี่ยวชนิดอื่น ๆ โดยที่ลิงลมตัวผู้จะแสดงพฤติกรรมนี้อย่างเด่นชัดมันจะถ่ายปัสสาวะเอาไว้ตามใบไม้หรือกิ่งไม้ในอาณาเขตที่มันอาศัยอยู่เป็นการแสดงพื้นที่ครอบครองของลิงลมตัวผู้แต่ละตัว
นอกจากนี้การสื่อสารด้วยเสียงร้องของลิงลมก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากลิ่น โดยที่ลิงลมจะใช้ในการประกาศอาณาเขตเช่นเดียวกับเสียงลิงลมจะร้องเป็นเสียงสูงเบา ๆ เสียงของมันยังมีประโยชน์ในการติดต่อกันระหว่างลิงลมตัวผู้และตัวเมียในช่วงเวลาที่เหมาะสมจะสืบทอดสายพันธุ์ อีกด้วย เมื่อลิงลมตัวเมียได้ยินเสียงร้องของลิงลมหนุ่มแล้ว มันก็จะร้องรับด้วยเสียงคล้ายกับนกหวีดก่อนที่จะเดินทางมาหากัน
เสียงของลิงลมนี้ว่ากันว่าชาวจีนได้ยินคล้ายกับเสียงของนกหวีดที่ลอยมาตามสายลม บางทีอาจจะมีความสัมพันธ์กับชื่อลิงลมในภาษาไทยด้วยก็เป็นได้
ก็ที่มันได้ชื่อว่าลิงลมนั้นเพราะกล่าวกันว่าลิงลมนั้นจะเคลื่อนที่ได้เร็วมากเมื่อมีลมพัด ยิ่งลมพัดแรงมากเท่าใดมันก็จะเคลื่อนที่ได้เร็วมาขึ้นเท่านั้น ซึ่งจะผิดกับพฤติกรรมปกติซึ่งมันจะประพฤติตัวเป็นสัตว์ที่เชื่องช้าค่อย ๆ ไต่ไปตามกิ่งไม้ทีละก้าว ๆ แต่หลายคนให้ข้อสังเกตว่า การที่มันเคลื่อนที่เร็ว เมื่อมีลมพัดนั้นก็อาจะเป็นเพราะว่าขณะที่ลมพัดแรง ๆ นั้นกิ่งไม้จะไหวเอนไปมาอย่างรวดเร็วลิงลมสามารถที่จะใช้มือและเท้าของมันเกาะเกี่ยวไปตามกิ่งไม้ที่กำลังสั่นไหวนั้นได้อย่างคล่องแคล่ว อีกทั้งกิ่งไม้ที่โยกเอนก็จะช่วยพาร่างกายของมันให้ติดไปกับกิ่งไม้นั้น ก่อนที่จะไปเกาะกับกิ่งอื่น ๆ ที่ลมพัดเข้าไปใกล้จึงทำให้ดูเหมือนกับว่ามันเคลื่อนที่ได้เร็วเหมือนกับลมพัด
แป๋วลิงลมหนุ่มตัวนี้เข้าใจดีแล้ว่าคุณค่าของมันมีอยู่เพียงใด การดำรงอยู่หรือตายไปของมันรวมถึงพวกพ้องสัตว์ป่าอีกนานาชนิดคงจะไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจหรือความเป็นอยู่ของคนไทยดีขึ้นกระมัง มันจึงไม่ได้รับการสนใจใยดีเท่าใดนัก แต่ถ้าเลือกเกิดได้ชาติหน้ามันก็จะขอเกิดเป็นลิงลมอีกครั้งหนึ่ง อย่างน้อยก็อย่าให้เกิดมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยการเอารัดเอาเปรียบเลย
ลิงลมอย่างแป๋วรวมถึงสัตว์ป่าอื่น ๆ ที่มนุษย์ชอบนำมาเลี้ยงนั้น มีน้อยมากที่จะอยู่จนครบอายุขัยส่วนมากมักจะตายไปก่อนถึงวัยอันสมควรทั้งนั้น และส่วนมากก็อยู่ได้ไม่นานนักหลังจากถูกจับหรือซื้อไปเลี้ยง แม้ว่าอายุของลิงลมในกรงเลี้ยงที่ถูกบันทึกไว้จะมีอายุประมาณ 12 – 14 ปี แต่นั่นก็เป็นลิงลมที่ปรับตัวได้และถูกเลี้ยงอยู่ในสวนสัตว์ที่มีคนดูแลอย่างใกล้ชิด
จะว่าไปแล้วการค้าสัตว์ป่านี่แหละเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประชากรสัตว์ป่าต่าง ๆ ลดจำนวนลงมากกว่าการล่าเสียอีก ก็เพราะว่าการล่าสัตว์นั้นแม้จะมีการล่ากันมากแต่ก็จะอยู่ในข้อจำกัดของความต้องการของคนเพียงไม่กี่คน และก็มีสัตว์อยู่ไม่มากชนิดนักที่เขามีหนังที่ต้องได้มาจากการล่า ปริมาณของสัตว์ที่ลดลงเราก็สามารถรู้ถึงจำนวนที่ค่อนข้างแน่นอนจากหนังหรือเขาที่เป็นหลักฐานประจานอยู่ หนังเสือหนึ่งผือนหรือเขากระทิง หนึ่งคู่ คือหนึ่งชีวิตสำหรับสัตว์ชนิดนั้น ๆ แต่การลักลอบค้าสัตว์ป่าเราไม่มีทางทราบจำนวนที่แน่นอนของชีวิตสัตว์ที่จะสูญเสียเลยคนเลี้ยงจะไม่รู้เลยว่าลูกชะนีที่อุ้มอวดชาวบ้านอยู่ นั้นเป็นชะนีที่รอดมาจากจำนวนชะนีกี่ตัวที่ต้องตายไป ชีวิตสัตว์จำนวนมหาศาลต้องล้มตายลงบนเส้นทางการค้าสัตว์สายนี้โดยที่ไม่มีใครรู้ได้ถึงจำนวนที่แน่นอน
................................................................................
" ไง !! คราวนี้มีอะไรบ้างละ "
"ก็มีลูกนกขุนทองสามตัว แล้วก็ไอ้ลิงจุ่นอีกตัว ได้มาแค่นี้แหละไม่ไหว ป่าไม้มันจับถี่เหลือเกิน"
"ทำไมน้อยจัง ..... ครั้งต่อไปพยายามหน่อยนะออเดอร์มีไม่อั้น อะไรก็ได้ แปลก ๆ ยิ่งดี เอาขึ้นรถให้ด้วยน๊ะ"
ครั้งนี้หญิงอ้วนกลายเป็นลูกค้า ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ "สินค้า" เพราะความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี พรานพื้นเมืองคนนี้ร่วมประกอบธุรกิจกับเธอมานานแล้ว แม้เขาจะรู้อยู่ว่าเมื่อสัตว์ต่าง ๆ ที่เขาจับได้ไปสู่ตลาดราคาของมันจะมากกว่านี้หลายเท่า แต่ถ้าเทียบกับอาชีพเดิมที่เข้าทำอยู่ก็ถือว่าคุ้มค่า
อีกไม่นานชีวิตป่าพวกนี้ก็จะจบลงแล้วโดยมีตลาดนัดกลางกรุ่งเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสิทธ์ถือครองอันใดที่นักค่าสัตว์ป่าผู้นี้รวมถึงคนค้าและคนซื้ออีกมากมายได้รับจึงมีสิทธิ์เหนือชีวิตของผู้อื่นขนาดนี้ หรือคือสิทธิ์ของการได้เกิดเป็นคน
ชีวิตน้อย ๆ ทั้งหมดนี้กำลังเป็นตัวแสดงนำของละครน้ำเน่าเรื่องใหม่ โดยมีคนที่หน้ามืดตามัวอีกหลายคนทยอยมาเป็นตัวดำเนินเรื่อง ก่อนที่จะบังคับให้ละครเรื่องนี้จบลงด้วยควมามเศร้า ............ แต่ไม่มีน้ำตาให้กับดารานำ .........
เคยเห็นเขาเอามาขายให้พ่อค้าที่สนามหลวง 2 ราคาตัวละ 500 ไม่รู้ว่าเขาขายต่อตัวละเท่าไหร่ รู้อย่างเดียว เลิกคิดที่จะซื้อสัตว์แบบนี้ไปนานแล้ว
ที่มีอยู่แล้ว ดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด หากสามารถเพาะพันธุ์ ขยายพันธุ์ได้ยิ่งดี ส่วนที่คิดจะหามาเพิ่ม หยุดดีกว่าไหมครับ มันเป็นใบสั่งฆ่าแม่ของมันเลยนะครับ
หยุดซื้อ หยุดขาย หยุดล่า
สกุลลิงลม นางอาย หรือลิงจุ่น (อังกฤษ: Slow loris, Loris; สกุลวิทยาศาสตร์: Nycticebus) เป็นสัตว์ในตระกูลโพรซิเมียน (Prosimian) จัดอยู่ในอันดับไพรเมท (Primate) หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีพัฒนาการสูงสุด ชื่อ "Loris" ในภาษาอังกฤษนั้น มาจากภาษาดัตช์หมายถึง ตัวตลกในละครสัตว์ ด้วยความน่าเอ็นดูเหมือนแพนด้าตัวน้อยตาซื่อๆ
ลิงลมเป็นสัตว์ที่ออกหากินในเวลากลางคืน ธรรมชาติของลิงลมเขาจะเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้ามาก ไม่กระโดด เขาจะสันโดษและหลบหลีกและจะดูเขินอายเมื่อตกใจกลัวเอาแขนซุกใบหน้าไว้จึงได้ชื่อว่า นางอาย แต่ในฉับพลันเขาสามารถเคลื่อนที่ว่องไวได้อย่างน่าฉงนเมื่อกำลังหาอาหารยามค่ำยามลมโกรกลมพัดจึงได้ชื่อว่าลิงลม ลักษณะกายภาพจะมีขนนุ่มสั้นเหมือนกำมะหยี่หนานุ่มสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลแกมเทา ด้านท้องสีอ่อนกว่าลำตัว ตลอดแนวของสันหลังมีแถบสีดำเห็นเด่นชัด รูปร่างหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตา มีตากลมโต รอบดวงตาเป็นวงสีเข้ม หูเล็กและสั้น มีส่วนหางที่สั้นมากจนดูเหมือนไม่มีหาง สีขนมีความหลากหลายแตกต่างกันตามสภาพพื้นที่ที่อยู่อาศัย และชนิดพันธุ์ น้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 1-2 กิโลกรัม ลิงลมจะกินน้ำหวานเกสรดอกไม้ต้นจากเขา น้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อของต้นไม้ป่า ยางมะม่วงหิมพานต์ ยางไม้อื่นๆ และอาร์โทรพอด เช่น แมลงปีกแข็ง แมงมุม ตั๊กแตน แมลงปอ ผีเสื้อ เป็นอาหารหลัก สัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กและลูกไม้สุกของผลไม้บางชนิดเป็นอาหารรองลงไป ลิงลมจะมีกระดูกสันหลังแบบพิเศษ และมีมือที่เก็บซ่อนนิ้วเพื่อให้จับเหยื่อและเคลื่อนที่ไปทั่วได้โดยไม่เป็นที่สังเกต นิ้วชี้ของขาหลังมีเล็บยาวปลายแหลมเห็นได้ชัด ขาหน้าและขาหลังสั้นกล้ามเนื้อแน่นแข็งแรง นอกจากนี้ยังมีพิษที่ซ่อนอยู่ในข้อศอก ที่ลิงลมจะใช้ผสมกับน้ำลาย เลียลูกของลิงลมเอง จากงานวิจัยสันนิษฐานว่า พิษนั้นช่วยปกป้องลูกจากสัตว์ที่มาคุกคาม เพราะโดยธรรมชาติปกติของลิงลมจะไม่เป็นฝ่ายรุก นอกจากว่าเป็นช่วงฤดูผสมพันธุ์และต้องป้องกันตัวเอง
ในปัจจุบันลิงลม ลิงจุ่น หรือนางอาย อยู่ในสถานะที่ใกล้สูญพันธุ์แล้วในธรรมชาติ เจ้าตัวเล็กขนปุกปุยน่ารักน่าเอ็นดูนี้ จะถูกจับออกมาจากถิ่นที่อยู่อาศัยในป่าแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อนำไปขายเป็นสัตว์เลี้ยง ถูกยิงเป็นอาหาร หรือทำเป็นยาบำรุงตามความเชื่อบ้าง เคลื่อนตัวตามเรือนยอดไม้ข้ามจับสายไฟฟ้าสายเปลือยโดนไฟช็อตตายก็มีมาก นายพรานทราบดีว่านางอายให้พิษได้โดยการเลียต่อมพิษที่ใต้ข้อศอกแล้วกัด ซึ่งเป็นพิษที่สามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เหมือนลักษณะอาการของพิษที่มีต่อคนที่แพ้ผึ้งอย่างรุนแรง ดังนั้นนายพรานหรือผู้ขายจะใช้กรรไกรตัดเล็บตัดเขี้ยวของพวกเขาออก หรือไม่ก็ใช้คีมดึงเขี้ยวออก ก่อให้เกิดปัญหาฟันผุ รากประสาทฟันอักเสบ บวม เป็นหนอง สูญเสียความอยากอาหารด้วยอาการปวดอย่างเรื้อรัง พร้อมทั้งความบอบช้ำในประสาทสัมผัสและความเครียด จากนั้นก็ตายในที่สุด ภาวะขาดสารอาหาร ซึ่งเกิดขึ้นจากการรับประทานอาหารไม่สมดุลกัน โดยอาจมีสารอาหารบางอย่างได้รับไม่เพียงพอ เกิน หรือผิดสัดส่วน ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าพวกเขาจะกินทั้งพืช และแมลง คนที่เลี้ยงลิงลมเป็นสัตว์เลี้ยงมักจะให้ผลไม้อย่างเคร่งครัด หรือบางครั้งก็ให้แต่ข้าวหรือขนมปัง อาหารสำเร็จรูป ทำให้เขาไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อกระบวนการสันดาปที่สมดุลในร่างกายของเขา บางครั้งลิงลมตัวน้อยถูกย้อมสีหรือฟอกขาวและทำให้เกิดการติดเชื้ออย่างน่าใจหาย ลิงลมที่ตรอมใจ หรือที่เครียดดุมักจะถูกละทิ้ง ร่างกายและจิตใจของพวกเขาจะอ่อนแอทรุดโทรมเต็มทีแล้วและพวกเขาก็จะไม่สามารถที่จะกลับไปใช้ชีวิตอาศัยอยู่ในป่าได้นาน
ตลาดการค้าลิงลมเป็นสถานการณ์จริงของความไร้มนุษยธรรมของมนุษย์ที่คนในสังคมควรมีส่วนรับผิดชอบอย่างแท้จริงทั้งทางตรงและทางอ้อม Search Link ค่ะ
http://www.loris-conservation.org/database/captive_care/index.html
พฤติกรรมและนิเวศวิทยาของลิงลมในธรรมชาติ
สมมุติฐานจากพฤติกรรมและนิเวศวิทยาของลิงลมในป่าธรรมชาติ อาจสรุปความในขอบเขตจากการสังเกตการณ์ได้ว่า กระบวนการสันดาปพลังงานของลิงลมสอดคล้องกับโภชนาการและกระบวนการเผาผลาญอาหารของเขา การเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าใช้พลังงานน้อย เขาจะปรับตัวอยู่ได้โดยไม่ต้องกินมาก โดยพืขอาหารหลักที่กินจะประกอบไปด้วย เนคทาร์น้ำหวานจากส่วนดอกของพืช ในป่าธรรมชาติจะมีความหลากหลายของไม้ป่า แซ้บและกัมคือน้ำหล่อเลี้ยงของท่อน้ำเลี้ยงเนื้อเยื่อของลำต้นและยางที่ปกป้องเนื้อเปลือก ยางจะเยิ้มออกมาเมื่อมีรอยบาก สังเกตต้นมะม่วงหิมพานต์มักจะมียางสีเหลืองอ่อนบ้าง เข้มบ้างอยู่ตามลำต้นและกิ่งใหญ่ๆเพราะมีรอยปริตามธรรมชาติ ยางนั้นโดยองค์ประกอบทางเคมีจะมีค่าของสารประกอบที่มีแร่ธาตุที่จำเป็นขณะเดียวกันก็มีค่าของความเป็นพิษอยู่ด้วย แต่กลไกการสันดาปพลังงานของลิงลม อาศัยกรดกลูคูโรนิก glucuronic acid จากน้ำหวานซึ่งเป็นอนุพันธุ์ของกลูโคส ทำหน้าที่เปลี่ยนสารพิษที่เข้าสู่ร่างกายเมื่อผ่านไปที่ตับ ให้มีพิษลดลง และอยู่ในสภาพที่ขับถ่ายออกได้ และแมลงต่างๆที่สัตว์อื่นๆไม่กินเพราะมีพิษแต่ลิงลมสามารถกินได้ ลิงลมจึงเป็นพรีไพรเมทที่ปรับตัวอยู่กับระบบนิเวศน์ที่เปลี่ยนแปลงได้ดี ถ้ามนุษย์ไม่ไปล่าพวกเขาค่ะ
[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]
อ้างถึงparamita เป็นผู้เขียน:
สกุลลิงลม นางอาย หรือลิงจุ่น (อังกฤษ: Slow loris, Loris; สกุลวิทยาศาสตร์: Nycticebus) เป็นสัตว์ในตระกูลโพรซิเมียน (Prosimian) จัดอยู่ในอันดับไพรเมท (Primate) หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีพัฒนาการสูงสุด ชื่อ "Loris" ในภาษาอังกฤษนั้น มาจากภาษาดัตช์หมายถึง ตัวตลกในละครสัตว์ ด้วยความน่าเอ็นดูเหมือนแพนด้าตัวน้อยตาซื่อๆ
ลิงลมเป็นสัตว์ที่ออกหากินในเวลากลางคืน ธรรมชาติของลิงลมเขาจะเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้ามาก ไม่กระโดด เขาจะสันโดษและหลบหลีกและจะดูเขินอายเมื่อตกใจกลัวเอาแขนซุกใบหน้าไว้จึงได้ชื่อว่า นางอาย แต่ในฉับพลันเขาสามารถเคลื่อนที่ว่องไวได้อย่างน่าฉงนเมื่อกำลังหาอาหารยามค่ำยามลมโกรกลมพัดจึงได้ชื่อว่าลิงลม ลักษณะกายภาพจะมีขนนุ่มสั้นเหมือนกำมะหยี่หนานุ่มสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลแกมเทา ด้านท้องสีอ่อนกว่าลำตัว ตลอดแนวของสันหลังมีแถบสีดำเห็นเด่นชัด รูปร่างหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตา มีตากลมโต รอบดวงตาเป็นวงสีเข้ม หูเล็กและสั้น มีส่วนหางที่สั้นมากจนดูเหมือนไม่มีหาง สีขนมีความหลากหลายแตกต่างกันตามสภาพพื้นที่ที่อยู่อาศัย และชนิดพันธุ์ น้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 1-2 กิโลกรัม ลิงลมจะกินน้ำหวานเกสรดอกไม้ต้นจากเขา น้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อของต้นไม้ป่า ยางมะม่วงหิมพานต์ ยางไม้อื่นๆ และอาร์โทรพอด เช่น แมลงปีกแข็ง แมงมุม ตั๊กแตน แมลงปอ ผีเสื้อ เป็นอาหารหลัก สัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กและลูกไม้สุกของผลไม้บางชนิดเป็นอาหารรองลงไป ลิงลมจะมีกระดูกสันหลังแบบพิเศษ และมีมือที่เก็บซ่อนนิ้วเพื่อให้จับเหยื่อและเคลื่อนที่ไปทั่วได้โดยไม่เป็นที่สังเกต นิ้วชี้ของขาหลังมีเล็บยาวปลายแหลมเห็นได้ชัด ขาหน้าและขาหลังสั้นกล้ามเนื้อแน่นแข็งแรง นอกจากนี้ยังมีพิษที่ซ่อนอยู่ในข้อศอก ที่ลิงลมจะใช้ผสมกับน้ำลาย เลียลูกของลิงลมเอง จากงานวิจัยสันนิษฐานว่า พิษนั้นช่วยปกป้องลูกจากสัตว์ที่มาคุกคาม เพราะโดยธรรมชาติปกติของลิงลมจะไม่เป็นฝ่ายรุก นอกจากว่าเป็นช่วงฤดูผสมพันธุ์และต้องป้องกันตัวเอง
ในปัจจุบันลิงลม ลิงจุ่น หรือนางอาย อยู่ในสถานะที่ใกล้สูญพันธุ์แล้วในธรรมชาติ เจ้าตัวเล็กขนปุกปุยน่ารักน่าเอ็นดูนี้ จะถูกจับออกมาจากถิ่นที่อยู่อาศัยในป่าแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อนำไปขายเป็นสัตว์เลี้ยง ถูกยิงเป็นอาหาร หรือทำเป็นยาบำรุงตามความเชื่อบ้าง เคลื่อนตัวตามเรือนยอดไม้ข้ามจับสายไฟฟ้าสายเปลือยโดนไฟช็อตตายก็มีมาก นายพรานทราบดีว่านางอายให้พิษได้โดยการเลียต่อมพิษที่ใต้ข้อศอกแล้วกัด ซึ่งเป็นพิษที่สามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เหมือนลักษณะอาการของพิษที่มีต่อคนที่แพ้ผึ้งอย่างรุนแรง ดังนั้นนายพรานหรือผู้ขายจะใช้กรรไกรตัดเล็บตัดเขี้ยวของพวกเขาออก หรือไม่ก็ใช้คีมดึงเขี้ยวออก ก่อให้เกิดปัญหาฟันผุ รากประสาทฟันอักเสบ บวม เป็นหนอง สูญเสียความอยากอาหารด้วยอาการปวดอย่างเรื้อรัง พร้อมทั้งความบอบช้ำในประสาทสัมผัสและความเครียด จากนั้นก็ตายในที่สุด ภาวะขาดสารอาหาร ซึ่งเกิดขึ้นจากการรับประทานอาหารไม่สมดุลกัน โดยอาจมีสารอาหารบางอย่างได้รับไม่เพียงพอ เกิน หรือผิดสัดส่วน ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าพวกเขาจะกินทั้งพืช และแมลง คนที่เลี้ยงลิงลมเป็นสัตว์เลี้ยงมักจะให้ผลไม้อย่างเคร่งครัด หรือบางครั้งก็ให้แต่ข้าวหรือขนมปัง อาหารสำเร็จรูป ทำให้เขาไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อกระบวนการสันดาปที่สมดุลในร่างกายของเขา บางครั้งลิงลมตัวน้อยถูกย้อมสีหรือฟอกขาวและทำให้เกิดการติดเชื้ออย่างน่าใจหาย ลิงลมที่ตรอมใจ หรือที่เครียดดุมักจะถูกละทิ้ง ร่างกายและจิตใจของพวกเขาจะอ่อนแอทรุดโทรมเต็มทีแล้วและพวกเขาก็จะไม่สามารถที่จะกลับไปใช้ชีวิตอาศัยอยู่ในป่าได้นาน
ตลาดการค้าลิงลมเป็นสถานการณ์จริงของความไร้มนุษยธรรมของมนุษย์ที่คนในสังคมควรมีส่วนรับผิดชอบอย่างแท้จริงทั้งทางตรงและทางอ้อม Search Link ค่ะ
http://www.loris-conservation.org/database/captive_care/index.html
พฤติกรรมและนิเวศวิทยาของลิงลมในธรรมชาติ
สมมุติฐานจากพฤติกรรมและนิเวศวิทยาของลิงลมในป่าธรรมชาติ อาจสรุปความในขอบเขตจากการสังเกตการณ์ได้ว่า กระบวนการสันดาปพลังงานของลิงลมสอดคล้องกับโภชนาการและกระบวนการเผาผลาญอาหารของเขา การเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าใช้พลังงานน้อย เขาจะปรับตัวอยู่ได้โดยไม่ต้องกินมาก โดยพืขอาหารหลักที่กินจะประกอบไปด้วย เนคทาร์น้ำหวานจากส่วนดอกของพืช ในป่าธรรมชาติจะมีความหลากหลายของไม้ป่า แซ้บและกัมคือน้ำหล่อเลี้ยงของท่อน้ำเลี้ยงเนื้อเยื่อของลำต้นและยางที่ปกป้องเนื้อเปลือก ยางจะเยิ้มออกมาเมื่อมีรอยบาก สังเกตต้นมะม่วงหิมพานต์มักจะมียางสีเหลืองอ่อนบ้าง เข้มบ้างอยู่ตามลำต้นและกิ่งใหญ่ๆเพราะมีรอยปริตามธรรมชาติ ยางนั้นโดยองค์ประกอบทางเคมีจะมีค่าของสารประกอบที่มีแร่ธาตุที่จำเป็นขณะเดียวกันก็มีค่าของความเป็นพิษอยู่ด้วย แต่กลไกการสันดาปพลังงานของลิงลม อาศัยกรดกลูคูโรนิก glucuronic acid จากน้ำหวานซึ่งเป็นอนุพันธุ์ของกลูโคส ทำหน้าที่เปลี่ยนสารพิษที่เข้าสู่ร่างกายเมื่อผ่านไปที่ตับ ให้มีพิษลดลง และอยู่ในสภาพที่ขับถ่ายออกได้ และแมลงต่างๆที่สัตว์อื่นๆไม่กินเพราะมีพิษแต่ลิงลมสามารถกินได้ ลิงลมจึงเป็นพรีไพรเมทที่ปรับตัวอยู่กับระบบนิเวศน์ที่เปลี่ยนแปลงได้ดี ถ้ามนุษย์ไม่ไปล่าพวกเขาค่ะ
ลิงลม นางอาย หรือลิงจุ่น (อังกฤษ: Slow loris, Loris; สกุลวิทยาศาสตร์: Nycticebus) เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 ห้ามล่าห้ามมีไว้ในครอบครอง ถ้าไม่ได้รับอนุญาติจากกรมฯ Siamphoenix ไม่สนับสนุนให้ล่าหรือเอามาเลี้ยง ค่ะ ที่เอามานำเสนอเพื่อการศึกษา เท่านั้น
เกร็ดความรู้ "บาคาร่า" ดั้งเดิมนั้น ไม่ใช่การพนัน
ต้นกำเนิดของ บาคาร่า (http://www.playerwin88.com) เป็นคำที่มาจากภาษาฝรั่งเศสว่า Baccarat (http://www.playerwin88.com) ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาอิตาลีว่า "Baccara" มีความหมายว่า "ศูนย์" ซึ่งสื่อความหมายถึงแต้ม "ศูนย์" ซึ่งเป็นแต้มบนหน้าไพ่ที่มีมากที่สุดบนไพ่ที่ใช้เล่นบาคาร่า จากการศึกษาประวัติของคำทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเกมพนันสันนิษฐานว่า บาคาร่ามีต้นกำเนิดมาจากเกม Baccarat Online (http://www.playerwin88.com) ของประเทศอิตาลี ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นโดยนักพนันชาวอิตาลีชื่อ เฟลิกซ์ ฟาลกูยเรน (Felix Falguirein)ในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 สมัยนั้น Sbobet เข้าไม่ได้ (http://www.playerwin88.com) จึงเล่นโดยใช้ไพ่ทาโรต์ (Tarot Card) คาสิโน (http://www.playerwin88.com) จากนั้นบาคาร่าถูกนำมายังฝรั่งเศสในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 8 (Charles VIII) กษัตริย์ของฝรั่งเศสในระหว่างส่งครามฝรั่งเศส-อิตาลี ช่วงคริสต์ศักราช 1494 **ปัจจุบัน บาคาร่า ได้มีการดัดแปลงให้เล่นผ่านทางสื่อออนไลน์ได้ เพื่อความสะดวกสบายของผู้เล่น และเสี่ยงน้อยลงต่อการถูกเจ้าหน้าที่ตรวจหรือจับกุม นี่คือตัวอย่างผู้ให้บริการบาคาร่าที่นิยมเล่นในประเทศไทย Gclub Online (http://www.gclub-online.com) เป็นผู้ให้บริการเกม บาคาร่าออนไลน์ (http://www.playerwin88.com)เกม คาสิโนออนไลน์ (http://www.ez4win.com) เกม ป๊อกเด้งออนไลน์ (http://www.tigerbet88.com) และ Gclub (http://www.gclub-online.com) ให้บริการ ลูกค้าทุกท่านสามารถเล่นผ่านทาง Gclub Iphone (http://www.tigerbet88.com) สมัครสมาชิก G club (http://www.gclub-online.com) ได้ที่ G Club Online (http://www.gclub-online.com) โทร 090-1860013 ถึง 8 เป็นต้น จากการศึกษาประวัติศาสตร์ของเกมพนันเชื่อกันว่า เฟลิกซ์ ฟาลกูยเรน ได้คิดค้นเกม "Baccara" นี้ขึ้นมาโดยได้แนวคิดมาจากพิธีกรรมทางศาสนาของอารยะธรรมอีทรัสคัน (Etruscan) (อีทรัสคันเป็นอารยะธรรมอันเก่าแก่อารยะธรรมหนึ่งในอิตาลีมีอายุเก่าแก่ถึง 1500 ปีก่อนคริสตกาล) พิธีกรรมดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อที่จะค้นหาหญิงสาวเพื่อรับตำแหน่งนักบวชหญิงในศาสนา โดยในการคัดเลือกจะใช้วิธีเสี่ยงทายด้วยลูกเต๋าแบบ 9 หน้า หากหญิงสาวคนไหนทอดลูกเต๋าแล้วได้ผลออกมาเป็นหน้าหมายเลข 9 หรือ 8 ซึ่งเป็นแต้มที่เท่าหรือใกล้เคียงกับจำนวนของเทพเจ้าที่บูชา (พวกอีทรัสคันจะนับถือเทพเจ้า 9 องค์) หญิงสาวผู้นั้นจะได้รับการคัดเลือก ถ้าทอดลูกเต๋าแล้วผลออกมาเป็นหน้าหมายเลข 6 หรือ 7 จะไม่ได้รับการคัดเลือก แต่ถ้าทอดลูกเต๋าแล้วได้หน้าที่มีหมายเลขน้อยกว่านั้นอาจหมายถึงความตายของหญิงสาวผู้นั้น ท่านที่รับชมสื่อไม่ว่าจะด้านไหนก็ตามก็ความใช้วิจารณญาณในการรับชม
ขอขอบคุณ www.siamphoenix.com (http://www.siamphoenix.com) ที่ให้ความกรุณาในการเผยแพร่