เมื่อวาน 21กันยา2552
มีสารธารณสุขมาตรวจที่บ้าน เพราะข้างบ้านร้องเรียนมา
1.ความสะอาด....ผ่าน
2. การดูแล.....ผ่าน
ทุกอย่างผ่านหมดในเรื่องความสะอาด แต่ติดตรงที่มีนกมากเกินความจำเป็น และก็ นกของเราไปส่งเสียงสร้างความรำคาญแก่เพื่อนบ้าน จึงอยากจะขอความคิดเห็นจาก ท่านทั้งหลายที่เลี้ยงนกว่า เคยเจอปัญาหาแบบนี้กันหรือเปล่าแล้วมีทางออกไหมคะ
ที่บ้าน นกคีรีบูนเลี้ยงในกรง กางมุ้งอย่างดี มี12ตัว ร้องเพลงทุกวันทั้งตัวผู้ตัวเมีย เลิฟเบริด2 ค๊อกกาเทล4 เกรย์1 กระตั้ว1
ทั้งหมด 20ตัว ถือว่ามากเกินไปไหมคะ สำหรับการเลี้ยงในหมู่บ้าน ที่เป็นบ้านแฝด ...... ถ้าเขาไม่อยู่ก็ใจหายแว๊บบบ เลย เพราะร้องเพลงกรอกหูกันทุกวันเน้อ
ขอแสดงความเสียใจที่เจอข้างบ้านเจ้าปัญหาซะแล้วครับ
ผมเคยเจอลูกความถูกฟ้องเพราะข้างบ้านบอกว่านกร้องเสียงดัง ก่อนฟ้องนี่ก็มีการร้องเรียน ตรวจสอบกันเยอะมา
บอกตามตรงครับ มากน้อยก็วัดกันยาก บางคนว่าเลี้ยงนกตัว2ตัวก็มากพอแล้ว บางคน 20ตัวก็น้อยอยู่ เหมือนกลิ่นทุเรียน ที่หอมเหม็น ต่างกันแหละครับ
ขอบคุณค่ะ สำหรับคำแนะนำ
คิดแล้วก็ใจหาย...อยู่ด้วยกันมานาน บางตัวก็ลุ้นตั้งแต่เป็นไข่ พอออกมาเป็นตัวแล้วอยู่รอดได้ ก็ดีใจมากมาย
นกทุกตัวน่ารักแข็งแรง สุขภาพจิตดีทุกตัว ร้องทักทายกันทุกวันก่อนออกไปทำงาน
.... เสียใจที่ต้องขาย อยากร้องไห้ แต่ไม่อยากให้ใครเห็น....เดี๋ยวเขาจะว่าเราได้ ว่า ร้องไห้ ทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้
เป็นเรื่องน่าลำบากใจจริงๆ ค่ะ กับการเลี้ยงนกในเมือง ยิ่งในหมู่บ้านด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่... เจ้าหน้าที่เค้าคงไม่ได้บอกให้คุณเผ่งอังเลิกเลี้ยงนกใช่ไหมคะ ??? ดังนั้นอ้อจึงมีความเห็นส่วนตัวว่า... คุณเผ่งอังไม่จำเป็นต้องเอานกออกไปทั้งหมดหรอกค่ะ แค่ลดจำนวนลงให้เสียงเบาลงน่าจะเพียงพอ เรียกว่าถ้อยทีถ้อยอาศัยกันน่ะค่ะ... ลองดูนะคะ และเป็นกำลังใจให้ผ่านอุปสรรค์ต่างๆ ไปได้ด้วยดีนะคะ :-P
เอาไว้หน้าบ้านบ้าง หลังบ้านบ้าง ซ้ายบ้างขวาบ้าง เอาตัวดัง ๆ ไปไว้ไกล ๆ ทำแผ่น ลดเสียง มากั้นไว้้บ้าง (เหมือนแผ่นอคูสติกสำหรับ เครื่องเสียง) ถ้านึกไม่ออกก็ ทางด่วนเลยครับ แผ่น ๆ ที่เหมือนกำแพง สูงขึ้นมาจากขอบทาง ที่มีลักษระเป็นลอน ๆ บ้าง เป็นช่อง ๆ แล้วมี ฟองน้ำและตะแกรงข้างในบ้าง บังกรงในทิศทางที่เสียงจะพุ่งไปทางบ้านเค้า จะทำให้เสียงเงียบลงอย่างน้อย 20 db ทีเดียวครับ
เอ่ออ ประมาณว่า เคยฟังเสียงนักเรียนในโรงอาหารคุยกันตอนพักเที่ยงมั้ย นั่นราว ๆ 50-60 db ถือว่าหนวกหู เสียงท่อรถมอไซด์ 2 จัวหวะ ที่ระยะ 1 เมตร ตอนเร่งเครื่อง ประมาณ 95 db ครับ แต่ถ้าเสียงนก..เอ่ออ มัน ไม่แน่ เน้อ ว่าเท่าใหร่ ที่แน่ ๆ คอนเสริทที่ว่าดัง ๆ นั้น ราว ๆ 120-140 เองครับ
หลังจากนั้น เราก็ทำรายละเอียดส่งให้ ทางเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบว่าเราก็ ดำเนินการลดเสียงโดยสร้างสิ่งทอนความดังไว้แล้ว เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องลดจำนวนนก เพราะลดไป 20 db นี่น่าจะเหมือนเอานกออกไปหลายตัวทีเดียว
แผงที่ว่านี้ ทำจากไม้อัดก็ได้ ให้หนาสัก คืบ ในนั้นใส่ วัสดุซับเสียงลงไป กว้างเท่ากรง ในทิศที่จะมองเห็นบ้านหลังนั้นแล้วก็... วางขวางซะค่ะ ก็น่าจะ ok ไม่ก็ ต้นไม้ ทึบ ๆ ช่วยได้ แต่กว่าต้นไม่จะโตก็... อิ ๆ
บ้านแฝดลำบากครับ ตัวที่สร้างปัญหาไม่น่าจะเป็นคีรีบูนนะครับ
น่าจะเป็นกระตั้วมากกว่า รองลงมาก็อาฟริกันเกร์ยครับ นอกนั้นไม่น่าจะเป็นปัญหานะครับ
ลองเข้าคุยกับเพื่อนบ้านดีดีครับ ถามเขาว่าตัวไหนทำให้เขารำคาญครับ
ผมว่าน้อยคนนักที่ไม่ชอบเสียงนกร้องเพลงครับ แต่เสียนกแหกปาก ส่วนใหญ่ไม่ชอบครับ
แค่คีรีบูนนกเล็กเบาๆ มีปัญหาแบบไม่คาดคิด ผมคิดว่า คงมีการหมั่นไส้อะไรกันสะสมมาแน่นอน ซึ่งจริงๆ นกคีรีบูนมันไม่ดังจนถึงขั้นรับไม่ได้เลย เมื่อเทียบกับนกร้องอื่นๆ
ที่บ้านผมเลี้ยงนกร้อง เพื่อนบ้านก็แซวว่านกร้องเสียงดีนะบ่อยๆ เราก็ต้องตอบแบบขำๆน่ะ ว่านกเค้ากำลังเลี้ยงลูก ลูกนกโตเดี๋ยวก็เบาลง แล้วก็ผูกมิตรทักทายกันบ่อยๆ ต้องใช้มิตรไมตรีเข้าช่วยครับ
ผมเห็นด้วยกับหมออี๊ ครับ ตัวที่สร้างปัญหาไม่น่าจะเป็นคีรีบูนนะครับ น่าจะเป็นกระตั้วครับ ที่บ้านผมเลี้ยงก็เลี้ยงนกเยอะเสียงดังๆๆ แต่เป็นนกร้องทั้งหมด ข้างบ้านก็บอกเหมือนกันว่าเสียงดัง แต่ร้องฟังแล้วเพลินดี ผมว่าหลายคนที่ไม่ชอบนกหรือไม่ได้รักนกเหมือนคนในนี้ เขาจะมองว่าพวดนกแก้วนี่เสียงแสบหู บางตัวแหกปากดังมาก เอาเป็นว่าลองคุยกับเพื่อนบ้านดีๆๆ ว่านกไหนตัวไหนที่ทำความรำคาญให้ ก็เลิกเลี้ยง ดีกว่าเลิกทั้งหมด
ขอบคุณสำหรับทุกๆคำแนะนำค่ะ
เรื่องจริงๆ มันเกิดจากการที่ข้างบ้านมีลูกน้อยอายุน่าจะราวๆ 4-5ขวบได้ ป่วยบ่อยมาก ป่วยตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่
แต่ที่บ้านเราเลี้ยงนกไว้ก่อนที่เค้าจะย้ายมาอยู่ จู่ๆวันหนึ่งเขาก็เอาฟิวเจอร์บอร์ดมาปิดตรงตาข่ายกรงไก่ ที่เราล้อมไว้ ทำให้แดดไม่ส่อง ลมไม่ผ่านเลย ทั้งนกและคน ร้อนไปตามๆกัน
เค้าทำอะไรแต่ละอย่างไม่เคยถามเพื่อนบ้านอย่างเราเลย
ทางฝ่ายเราก็บอกให้เขาเอาออก เขาก็ร่ายยาวววว ด้วยเหตุผลของเขาต่างๆนา แต่ก็ยอมเอาออก
พอผ่านไปสองเดือน พี่แกเล่นก่อกำแพงสูง3เมตรแถมไม่มีเสา ไม่มีคาน แล้วดันมาทำกำแพงหน้าฝนแล้วกำแพงก็เอียงด้วย ...ทีนี้เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่เลย...เพราะเขาทำกำแพงที่ใช้ร่วมกันโดยพละการโดยไม่ได้รับการยินยอมจากฝ่ายเรา ทางเราก็ไปร้องเรียนกับนิติ บอกว่า ข้างบ้านก่อกำแพงโดยพละการ ส่วนข้างบ้านไม่ยอมน้อยหน้า ร้องเรียนเรากลับว่า นกเราสร้างความรำคาญ ทางนิติก็เลยให้สาธารณะสุขกับโยธามาตรวจ
ทางสาธารณะสุขมาตรวจในฟาร์ม ก็ผ่านหมดในเรื่องการดูแลและความสะอาด แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าเรามีนกเยอะเกินไปทำให้ข้างบ้านร้องเรียนเนื่องจากความรำคาญ แต่สาเหตุที่จริงที่ข้างบ้านไม่แจ้งคือ เขากลัวลูกเขาจะป่วยเพราะนกเรา อาจทำให้ลูกเค้าเป็นภูมิแพ้....ลูกเค้าเมื่อก่อนแอบมาเล่นกับนกทุกวัน และเขาไม่เคยสอนให้ลูกตัวเองออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมอะไรเพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกตัวเองเลย พอลูกตัวเองป่วยก็ โทษนั่นโทษนี่
แล้วตอนที่ย้ายเข้ามา ก็รู้ว่าบ้านเราเลี้ยงนก....
และที่บ้านตัวหนูเองก็เป็นภูมิแพ้ พวกไรและฝุ่น แต่ก็ไม่เคยป่วยเลย
แต่ที่น่าน้อยใจที่สุดคือโยธา เราร้องเรียนเรื่องกำแพง แต่พี่แกดันไปดูอย่างอื่น ไปดูว่าหลังคาต่อเติมผิด ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ร้องเรียนเลย............. ตอนนี้ก็ต้องเอานกออก เมื่อวานก็ทำการคัดแยกกรงออก เก็บไว้8ใบที่เหลือทิ้งเกือบ20ใบ ก่อนหน้านี้ก็ทิ้งไปสิบกว่าใบ คาดว่าจะเก็บไว้เผื่อสำหรับอนาคต ค่อยว่ากันใหม่ มีเงินก็ค่อยหาที่เลี้ยงนก ...... เค้าว่าคีรีบูนบ้านเรามีเยอะเกินความจำเป็นและร้องเพลงเสียงดังรบกวนข้างบ้าน (เสน่ห์ของคีรีบูนก็อยู่ตรงสีสวยร้องเพราะ.....เฮ้อออออ)