เลี้ยงมาคอร์บลู&โกล์ด อายุประมาณ 75 วัน ตอนนี้เค้าเริ่มแทะกินแอปเปิ้ลกับข้าวโพดแต่ก็ไม่มาก ปัญหาคือ ไม่ยอมกินอาหารลูกป้อนค่ะ จะคาบสายยางป้อนไว้เฉย ๆ ไม่ยอมกิน บังคับมากก็กลัวจะสำลักอาหาร ได้แต่ถากผลไม้ป้อน(ก็กินไม่มากกระเพาะยังไม่พองเลยก็ไม่เอาละ) แถมมูลก็เป็นสีเขียวเข้ม กลัวนกป่วยค่ะ
ส่วนอาการอย่างอื่นปกติ ยังซนและร่าเริงเหมือนเดิม
รบกวนท่านผู้รู้ทั้งหลายด้วยนะคะ
75 วันยังไม่หน้าจะกินเองได้นะครับ ถ้าไม่ยอมกลืนสาย
คงต้องฝืนยัดหน่อย แต่ปัญหาผมว่าไม่ได้อยู่ตรงนั้นเท่าไหร่อะ
มันน่าจะอยู่ที่ขี้เขียวเนี่ย ลองถ่ายรูป นก และ ขี้นก มาลงหน่อย
นะคับ จะได้ช่วยกันดู แล้วคิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี
จับยัด ไม่ก็ทิ้งช่วงให้อาหารนานอีกนิด
อ้างถึงกานต์ เป็นผู้เขียน:
จับยัด ไม่ก็ทิ้งช่วงให้อาหารนานอีกนิด
น้องการ์ตเริ่มชำนาญแล้ว 5555
ยังไงก็อย่าทิ้งให้กระเพาะแห้ง (แฟบ) นานเกิน 2 ชั่วโมงนะครับ
คุณหมอครับ ถ้ากระเพาะแห้ง (แฟบ) นานเกิน 2 ชั่วโมง จะมีผลเสียอะไรบางครับ
เพราะตอนนี้กำลังป้อนลูกนกอยู่ครับ
ปกติร่างกายคนหรือสัตว์จะมีพลังงานสำรองเก็บสะสมอยู่ในส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น ในรูปของไกลโคเจน โดยเก็บสะสมที่กล้ามเนื้อ หรือตับ หรือจะเป็นพลังงานสำรองในรูปแบบของไขมัน เช่นที่เราพบอยู่ตามหน้าหน้าท้อง (พุง) เป็นต้น
ในกรณีของนก ก็คงจะพอเห็นกันว่าแทบจะไม่มีไขมันสะสมอยู่ในชั้นใต้ผิวหน้งเลย ฉะนั้นพลังงานสำรองที่เป็นไขมันจะน้อยมากๆ ดังนั้นพลังงานสำรองในรูปอื่นๆจึงสำคัญ โดยฉะเพาะไกลโคเจน ซึ่งในนกพบว่าตับสามารถสะสมไกลโคเจนได้น้อยเช่นกัน โดยสรุปก็คือ แหล่งพลังงานสำรองของนกจะมีน้อยครับ หากนกอดอาหารนานๆจึงมีผลต่อสุขภาพและความเข็งแรงของนกเป็นอย่างมาก ทำให้ต้องไปสลาย (รีด) แหล่งสำรองต่างๆ ซึ่งก็มักจะเกิดของเสียจากขบวนการเมตาบอลิซึ่มตามมา
ดังนั้นจึงไม่ควรปล่อยให้นกอดอาหารนานๆ โดยเฉพาะลูกนกที่กำลังเจริญเติบโต หรือนกที่เจ็บป่วย
ขอบคุณมากครับ
ตอนแรกนึกว่าจะปล่อนให้นานหน่อยเพื่อกันอาหารย่อยไม่หมด
แล้วนกจะตาย ถ้างั้นต้องเปลี่ยนวิธีให้อาหารนกใหม่อีกรอบ
อ้างถึงsparrow เป็นผู้เขียน:
ปกติร่างกายคนหรือสัตว์จะมีพลังงานสำรองเก็บสะสมอยู่ในส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น ในรูปของไกลโคเจน โดยเก็บสะสมที่กล้ามเนื้อ หรือตับ หรือจะเป็นพลังงานสำรองในรูปแบบของไขมัน เช่นที่เราพบอยู่ตามหน้าหน้าท้อง (พุง) เป็นต้น
ในกรณีของนก ก็คงจะพอเห็นกันว่าแทบจะไม่มีไขมันสะสมอยู่ในชั้นใต้ผิวหน้งเลย ฉะนั้นพลังงานสำรองที่เป็นไขมันจะน้อยมากๆ ดังนั้นพลังงานสำรองในรูปอื่นๆจึงสำคัญ โดยฉะเพาะไกลโคเจน ซึ่งในนกพบว่าตับสามารถสะสมไกลโคเจนได้น้อยเช่นกัน โดยสรุปก็คือ แหล่งพลังงานสำรองของนกจะมีน้อยครับ หากนกอดอาหารนานๆจึงมีผลต่อสุขภาพและความเข็งแรงของนกเป็นอย่างมาก ทำให้ต้องไปสลาย (รีด) แหล่งสำรองต่างๆ ซึ่งก็มักจะเกิดของเสียจากขบวนการเมตาบอลิซึ่มตามมา
ดังนั้นจึงไม่ควรปล่อยให้นกอดอาหารนานๆ โดยเฉพาะลูกนกที่กำลังเจริญเติบโต หรือนกที่เจ็บป่วย
เป็นโชคดีของพวกเรานะครับป๋า ที่แก๊งค์เรามีพลังงานสำรองอยู่ที่พุงเยอะ อย่างงี้ถ้าฝนตกน้ำท่วม ไปติดอยู่บนหลังคา เราก็อยู่ได้หลายวันกว่าคนอื่นๆ รอน้ำลดเราปีนจากหลังคาบ้านลงมา คนไม่มีพุงตายหมด เรารอด5555 นอกเรื่องเล่นๆ ขำๆ อย่าโกรธกันนะครับเจ้าของกระทู้
อ้างถึงkitty75 เป็นผู้เขียน:
อ้างถึงsparrow เป็นผู้เขียน:
ปกติร่างกายคนหรือสัตว์จะมีพลังงานสำรองเก็บสะสมอยู่ในส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น ในรูปของไกลโคเจน โดยเก็บสะสมที่กล้ามเนื้อ หรือตับ หรือจะเป็นพลังงานสำรองในรูปแบบของไขมัน เช่นที่เราพบอยู่ตามหน้าหน้าท้อง (พุง) เป็นต้น
ในกรณีของนก ก็คงจะพอเห็นกันว่าแทบจะไม่มีไขมันสะสมอยู่ในชั้นใต้ผิวหน้งเลย ฉะนั้นพลังงานสำรองที่เป็นไขมันจะน้อยมากๆ ดังนั้นพลังงานสำรองในรูปอื่นๆจึงสำคัญ โดยฉะเพาะไกลโคเจน ซึ่งในนกพบว่าตับสามารถสะสมไกลโคเจนได้น้อยเช่นกัน โดยสรุปก็คือ แหล่งพลังงานสำรองของนกจะมีน้อยครับ หากนกอดอาหารนานๆจึงมีผลต่อสุขภาพและความเข็งแรงของนกเป็นอย่างมาก ทำให้ต้องไปสลาย (รีด) แหล่งสำรองต่างๆ ซึ่งก็มักจะเกิดของเสียจากขบวนการเมตาบอลิซึ่มตามมา
ดังนั้นจึงไม่ควรปล่อยให้นกอดอาหารนานๆ โดยเฉพาะลูกนกที่กำลังเจริญเติบโต หรือนกที่เจ็บป่วย
เป็นโชคดีของพวกเรานะครับป๋า ที่แก๊งค์เรามีพลังงานสำรองอยู่ที่พุงเยอะ อย่างงี้ถ้าฝนตกน้ำท่วม ไปติดอยู่บนหลังคา เราก็อยู่ได้หลายวันกว่าคนอื่นๆ รอน้ำลดเราปีนจากหลังคาบ้านลงมา คนไม่มีพุงตายหมด เรารอด5555 นอกเรื่องเล่นๆ ขำๆ อย่าโกรธกันนะครับเจ้าของกระทู้
แต่ทางท่า ผมจะอยู่นานกว่าเฮียเล็ก หลายวัน เพราะห่วงยางรอบตัวผมมันหนามากๆๆ
วันนี้พาเค้าไปหาหมอค่ะ พอดีลีนิคพิเศษของ รพส.สัตว์เล็กมช.เปิดวันนี้ (เปิดวันพุธวันเดียว แถมครึ่งวันอีกต่างหาก เฮ้อ ....)อาการที่เพิ่มมาคือเสียงแหบ หมอสันนิษฐานว่ามีเสลดในคอ ส่วนมูลนกก็มีสีเขียวแต่อ่อนลง อาหารไม่ยอมกิน ต้องจับยัดเหมือนเดิม รูปที่เห็นเป็นเจ้าตัวเค้าแหละค่ะ ร่าเริมเหมือนเดิม แต่ยังคงความแหบ
อาจมีการอักเสบเกิดขึ้นที่บริเวณหลอดลมครับ เพราะเสียงของนกจะมาจากหลอดสมส่วนใน ใกล้ๆกับปอด ซึ่งจะต่างจากคนที่แหล่งกำเนิดเสียงจะมาจากกล่องเสียง (กระเดือก)
แล้วควรให้ยาอะไรเพิ่มดีคะ
ที่หมอให้มาเป็นยาอม็อกซี่ (รสสตรอเบอรี่ซะด้วย)
ยาปฏิชีวนะ และ้ก็ยาละลายเสมหะ (รสผลไม้หมดเลย)
ตอนนี้ที่บ้านมียาสำหรับสัตว์ปีกพวก อม็อกซี่กับด็อกซี่ค่ะ
หากมีตัวอื่นก็ขอคำแนะนำด้วยนะคะ (ถ้ามีเป็นรสผลไม้ก็ดีเลยค่ะ รสหวาน...กินง่ายย)
แล้วอาการอย่างงี้ ร้ายแรงรึเปล่าคะ
นอกเรื่องนิดนะคะ กะว่าจะหาเพื่่อนให้เค้าน่ะค่ะ อายุขนาดนี้เค้าจะกัดเพื่อนเค้ารึเปล่า และการวางยานกเพื่อเช็คเพศเป็นอันตรายหรือเปลาคะ ขอบคุณค่ะ
อ้างถึงbebum เป็นผู้เขียน:
แล้วควรให้ยาอะไรเพิ่มดีคะ
ที่หมอให้มาเป็นยาอม็อกซี่ (รสสตรอเบอรี่ซะด้วย)
ยาปฏิชีวนะ และ้ก็ยาละลายเสมหะ (รสผลไม้หมดเลย)
ตอนนี้ที่บ้านมียาสำหรับสัตว์ปีกพวก อม็อกซี่กับด็อกซี่ค่ะ
หากมีตัวอื่นก็ขอคำแนะนำด้วยนะคะ (ถ้ามีเป็นรสผลไม้ก็ดีเลยค่ะ รสหวาน...กินง่ายย)
แล้วอาการอย่างงี้ ร้ายแรงรึเปล่าคะ
นอกเรื่องนิดนะคะ กะว่าจะหาเพื่่อนให้เค้าน่ะค่ะ อายุขนาดนี้เค้าจะกัดเพื่อนเค้ารึเปล่า และการวางยานกเพื่อเช็คเพศเป็นอันตรายหรือเปลาคะ ขอบคุณค่ะ
คงไม่กล้าแนะนำยาเพิ่มครับ เพราะคงไม่ได้รู้ดีไปกว่าคุณหมอที่เขาตรวจอาการครับ แนะนำว่าให้ใช้ยาตามที่คุณหมอท่านแนะนำไปก่อนครับ อาการอาจไม่ร้ายแรงมากครับ (ไม่แน่ใจนะครับเพราะไม่ได้เห็นอาการ)
สำหรับเรื่องวางยาตรวจเพศนกนั้น หากกระทำโดยหมอที่มีความชำนาญก็คงไม่มีปัญหาอะไรครับ แต่น่าจะรอให้อายุมากกว่านี้หน่อยนะครับ
ผมจะโดนเบิ๊ดโหลกป่าวเนี่ยถ้าจะบอกว่า ไม่ศัรทธาในโรงบาลสัตว์เล็กพี่ๆในนี้เก่งกว่าเยอะ