กระทู้นี้ ขอมอบให้สำหรับผู้ที่จริงจัง มุ่งมั่น ในการเพาะเลี้ยงนกนะครับ เพราะมันจะทำให้ท่านมีงานเยอะขึ้น เสียเวลามากขึ้น แต่ผลที่ได้ในระยะยาว ย่อมคุ้มค่าแก่การรอคอยแน่นอน
การให้นกกินสารพัดถั่วนั้นดีแน่ แต่การเอามาต้ม หรือ นึ่ง ย่อมใช้พลังงานมากโขอยู่ มีอีกวิธีหนึ่งครับ ที่ไม่สิ้นเปลืองแก๊ส และ คุณค่าทางโภชนาการของถั่วที่ได้ สูงมากขึ้นด้วย
วิธีที่ว่า คือ การทำให้สารพัดถั่วเหล่านั้นเริ่มงอก [ Sprout ]
เริ่มต้นโดยการคัดเลือกถั่วที่ไม่รักดี ไม่สามัคคี มีตำหนิ มีเชื้อรา มีสีผิดปกติ ออกให้หมด จากนั้น ล้างน้ำสะอาดหลายๆครั้ง แล้วแช่น้ำไว้ทิ้งไว้(ประมาณ12 ช.ม.ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับชนิด และ ความใหม่สดของถั่ว)
เปลี่ยนถ่ายน้ำใหม่ทุกๆ 4-6 ช.ม. จนกระทั่งถั่วมีอาการพองตัวเต็มที่แล้วก็เอาเข้าไปไว้ในโรงเรือนเพาะชำ ซึ่งเป็นสถานที่ๆมีความชื้นสูง
วิธีการสร้างโรงเรือนเพาะชำ ก็ไม่ยุ่งยากครับ ไปหาซื้อถุงพลาสติกใสใบโตๆพอที่จะใส่ถาดเพาะถั่วได้ ก็เป็นอันใช้ได้แล้วครับ
ล้างถั่วอีกครั้ง รินน้ำออกจนหมด เอาถั่วใส่ถาด แล้วเข้าถุง ปิดปากถุงให้สนิท จากนั้นก็รอครับ
(http://i193.photobucket.com/albums/z272/Ctan2495/DSC_1222resize.jpg)
ประมาณ 12 ชั่วโมง สำหรับถั่วเขียว ครับ
(http://i193.photobucket.com/albums/z272/Ctan2495/DSC_1228crop.jpg)
นั่งแถวหน้าดู เลยครับพี่ชาย
ขอสอบถามขอรับกระผม .... รากเริ่มงอก นิด ๆๆๆ เช่น
1. ถั่วแดง / ถั่วดำ / ถั่วเขียว / ถั่วลิสง / ถั่วแดง ( ญี่ปุ่น ) / ลูกเดือย / ฟ่าง / มิลเล็ต แดง ขาว ดำ / งาดำ / งาขาว
และถ้าพวก
2. ข้าวบาเร่ / ข้าวโอ๊ต / ฮวยมั้ว / ข้าวโพด
- แบบว่า ข้อ 2 ไม่ทราบว่า มันมีโอกาสจะงอกไหมขอรับกระผม
- คุณค่าเพิ่มมากขึ้นไหมขอรับกระผม
- วิธีการเก็บรักษา ใช่แช่ฟรีส เพื่อไม่ให้งอกอีกใช่ไหมขอรับกระผม
ขอบพระคุณครับ
ปล. เพราะตอนนี้นกเริ่มกินถั่วนึ่งแล้ว .... แต่ต้องเอาไข่ต้มคลุกไปด้วย เพื่อล่อให้กิน อิ อิ
% และระยะเวลา ของการงอก ขึ้นอยู่กับชนิด และ ความใหม่สด ครับ
เท่าที่เคยเจอ ถั่วลิสงนี่ ต้องทิ้งไปซะนักต่อนักแล้ว เพราะ ส่วนมากแล้วเป็นถั่วเก่า เมื่อโดนน้ำ จะเน่า และ ขึ้นรา
ฮวยมั๊ว ยังไม่เคยลองครับ ถ้าเป็นชนิดที่โดนฆ่าตัดตอน(อบด้วยความร้อน)มาแล้ว ก็จะไม่งอกเลยครับ
สารพัดข้าว ก็ทำได้ครับ ถ้าใหม่สด ผมเคยลองทำข้าวเปลือก งอกพรึบพรั๊บ แต่มันเป็นเส้นๆเล็กจิ๊วเดียว ไม่ตื่นตาตื่นใจเหมือนพวกถั่ว
การแช่เย็น เป็นการชลอการงอก ให้ช้าลงมากๆ และที่น่าทึ่งคือ หากรักษาความสะอาดได้ดี จะเก็บไว้ได้นานหลายยยยย..วัน ครับ
ความรู้เพิ่มพูนจากเดิมดีจริงๆค่ะ
ให้กินทั้งดิบๆได้เลยหรือครับ ได้ยินมาว่าถั่วดิบมีความเป็นพิษสูง
ปกติผมจะเอาพวกที่แช่น้ำแล้ว มีรากหน่อยๆแบบนี้ไปใส่หม้อหุงข้าวกดไฟอีกรอบ
พวกถั่วแดงเม็ดใหญ่ๆ กะถั่วเหลือง ถั่วดำ ไม่ค่อยจะยอมงอกรากเท่าไหร่
พวกข้าวต่างๆและเม็ดทานตะวัน นี่ผมเอาลงถาดเบบที่ใช้นึ่งขนมปังพาะเป็นต้นคล้ายๆถั่วงอก
นกไม่ค่อยกินเท่าไหร่ส่วนใหญ่จะเอาไปกัดเล่นแล้วทิ้งมากกว่า
ปัญหาที่เจอเวลาให้ถั่วก็คือ นกเลือกกินแต่ถั่วบางชนิด ส่วนใหญ่จะเลือกกินถั่วเหลือง
ส่วนถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ ลูกเดือย แทบจะไม่กินเลย
สุดท้ายขี้เกียจทำ หันกลับมาเลี้ยงด้วยเม็ดทานตะวัน ข้าวสวย ขนมปัง ไข่ต้ม กล้วย ส้ม ฝรั่ง เหมือนเดิม นานๆจะทำถั่วนึ่งที่
ขอบคุณค่ะคุณลุงC.tan หนูพายด์จะลองทำดูนะคะ
เคยลองเอาแช่น้ำ มันเน่าค่ะ...เดี๋ยวลองใหม่ตามที่แนะนำค่ะ
วันก่อนหนูพายด์ก็ลองทำ "ไข่อบแครกเกอร์" ตามสูตรคุณลุง C.tan
ออกมาหน้าตาน่ากินมากเลยค่ะ...แต่แกรี่เค้าเอาปากคาบแล้วเหวี่ยงทิ้ง :-x
หนูพายด์ก็เลย..เอาใหม่..เอาไข่ถาดนั้ไปปรุง แมกกี้เพิ่ม เอาไปให้น้องหมา
เฮ้อชื่นใจ...หมดเลยค่ะ...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว... เคยเพาะถั่วเขียวให้นกเลิฟเบิร์ดกิน โดยจะรอให้เป็นต้นก่อน ผลคือนกสนใจดี แต่คนเริ่มมีปัญหาเพราะไม่รู้ว่าควรให้หรือไม่ควรให้ในช่วงเวลาไหนของแต่ละช่วงวัยของนก และปริมาณการให้ควรมากน้อยแค่ไหน :roll:
มาพบกระทู้นี้... ขอตามเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากท่านผู้อวุโสจากแดนใต้... ด้วยคนค่ะ... ;-)
น่าสนใจเอาไปลองดูมั่งครับ
แนะนำให้เริ่มที่ถั่วอะไรดีครับ ที่ เพาะง่าย และ นกชอบ เพื่อสร้างกำลังใจ 8-)
เพาะง่ายสุดน่าจะเป็นถั่วเขียวครับ .... ให้งอกเพียงนิดเดียว เท่าที่ผมเคยถามท่านทวด ทพ. ชาย ตัน เมื่อครั้ง WEB แห่งเดิม ก็ได้ความกระจ่างว่า มันจะมีคุณภาพ คุณค่าทางอาหารเพิ่ม ก็ต่อเมื่องอกเพียงนิด ๆๆ เดียวครับ ถ้างอกยาวเกินไป คุณค่าจะหายไปน๊ะขอรับกระผม
อิ อิ ....
ส่วนเรื่องความชอบ ก็คงต้องเรียกว่า ดัดนิสัย ดัดสันดาน กันบ้างน๊ะขอรับกระผม คงเหมือนนกผมไม่เคยกินถั่วนึง มาเป็นเวลาหลาย ๆ ปี แต่หักดิบสัก 1 - 2 สัปดาห์ ให้อาหาร จาก 2 มื้อ เหลือมื้อเดียว แบบ กินสักพัก ไม่กินเอาออก ไม่ทิ้งเมล็ดทานตะวันไว้เหมือนเมื่อก่อน ...
ตอนนี้ยอมกินถั่วเลยครับ แบบว่า มายืนรอ ..... ( คือไม่กิน ตู ก็เอาออก หุหุ )
แต่กรณี ที่เอาถั่วที่ทำให้งอก นิด ๆ ไปนึ่ง เดี๋ยวรอท่านทวดมาต่อครับ ผมก็ไม่แน่ใจว่า พองอกแล้ว เอาไปนึ่ง คุณค่าทางอาหารที่อุตส่าห์ทำให้มันงอกมาเป็น " สับเพร่า " เย้ย ๆๆๆ " สเปร๊าท์ " น๊ะขอรับกระผม
รอฟังอีกครับ
อ๊ะ....ลูกค้าเพียบบบบบบ
ขอบคุณทุกๆท่านที่กรุณาเข้ามาแสดงความคิดเห็นนะขอรับ :-D
ตอบคุณบีชบอย
อย่าลืมจ่ายค่าตั๋วด้วยนะครับ :-D
ตอบคุณ coco
ถั่วสเปร๊าท์ เหมาะสำหรับอิเลคตัสมากครับ เพราะมันเป็นนกที่ต้องการผักผลไม้ค่อนข้างมาก และในอัตราส่วนที่มากกว่าเมล็ดพืชเยอะ
ตอบคุณ cannibal
ถั่วดิบ ที่เป็นพิษ ได้แก่ ถั่วหลือง และ ถั่วแดง ครับ
ถั่วเหลือง : มี anti-trypsin factor ซึ่งจะขัดขวางขบวนการสังเคราะห์กรดอะมิโนที่ชื่อ methionine.
ถั่วแดง :มีรายงานว่าการกินถั่วแดงดิบ ทำให้เกิดอาการคลื่นใส้ ปวดท้อง อาเจียร ท้องเสีย
ทั้งสองถั่ว จึงทำได้แค่ แช่น้ำให้พอง จากนั้นเอาไปต้มจนสุกครับ
ตอบคุณหนูพายด์
ต้องเลือกเมล็ดเสียๆออกให้หมด และถั่วต้องใหม่ด้วยครับ
ตอบคุณต้นอ้อ
หากเป็นการปล่อยให้นกจิกกินเอง ให้ได้มากตามต้องการครับ ที่สำคัญ ต้องสะอาด ถ้าในถาดที่เพาะมีราขึ้น แม้จะไม่ทั้งหมด ผมแนะนำว่า ทิ้งทั้งถาดเลยครับ
ตอบคุณ bios-m
น่าลองครับ ถั่วราคาไม่แพง อุปกรณ์ง่ายๆ
ตอบคุณลุงน้อย
เป็นถั่วเขียว อย่างที่คุณปู่โด้บอกครับ เพาะแล้ว นกไม่กิน คนยังเอามาต้มใส่น้ำตาลกินได้ อร่อยดี
ตอบคุณปู่โด้
ถ้าเปร๊าท์แล้วเอาไปนึ่งอีก คุณค่าสารอาหารคงลดลงบ้างละครับ
โอย...
วันนี้คลิกไปคลิกมา ตอบลูกค้าจนตาลาย ขอลาไปนอนก่อนนะขอรับ
:-D
ปล.ใครที่ใจร้อน จะเริ่มลงมือเลย ขอให้ทดลองทำทีละน้อยๆก่อนนะครับ
เพราะพอเปร๊าท์แล้ว มันจะขยายตัวบานเบอะ และแถมหากนกไม่กินด้วย จะเสียของไปเปล่าๆนะขอรับ
( หมายเหตุ แก้ไขข้อความ ในส่วนที่ตอบคุณ cannibal เรื่องถั่วที่เป็นพิษ 13/05/51 9.06pm )
ถั่วลันเตา ผมเพิ่งไปเจอมาครับ ทุกที เคยใช้แบบแช่แข็ง คราวนี้เป็นแบบแห้ง ลองเอามาเปร๊าท์ดู ท่าทางน่ากิน แต่นกบางตัวไม่กิน ผมลองชิมดูแล้ว ออกขมๆนิดๆครับ
(http://i193.photobucket.com/albums/z272/Ctan2495/DSC_1240resize.jpg)
(http://i193.photobucket.com/albums/z272/Ctan2495/DSC_1240crop.jpg)
ส่วนถั่วลิสง ต้องลองทีละนิดเดียว เพราะเสียวที่จะต้องทิ้งทั้งถาด
(http://i193.photobucket.com/albums/z272/Ctan2495/DSC_1244resize.jpg)
ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดครับ ต้องทิ้ง ทั้งถั่ว ทั้งถาด ทั้งโรงเรือนเพาะชำ เลยอ่ะ :cry:
(http://i193.photobucket.com/albums/z272/Ctan2495/DSC_1244crop.jpg)
เมล็ด มิลเล็ต ทานตะวัน ใช้ได้หรือไม่ครับ ช่วงนี้ฝนตก น้ำฝนกระเด็นลงไปในถ้วยอาหาร ทำให้ชื้นแฉะบ้าง ปกติจะทิ้งเลย หากใช้ได้ น่าสนใจมากเลยครับ เปลี่ยนวิกฤต เป็นโอกาส 8-)
ตกลง ใช้ ถั่วเขียว ดีที่สุด ง่ายที่สุดใช่ไหมคับ พี่ชาย ตัน (ตัน โออิชิป่ะ อิอิ นานๆ จะขอแซวสักที )
อ้างถึงลุงน้อย เป็นผู้เขียน:
เมล็ด มิลเล็ต ทานตะวัน ใช้ได้หรือไม่ครับ ช่วงนี้ฝนตก น้ำฝนกระเด็นลงไปในถ้วยอาหาร ทำให้ชื้นแฉะบ้าง ปกติจะทิ้งเลย หากใช้ได้ น่าสนใจมากเลยครับ เปลี่ยนวิกฤต เป็นโอกาส 8-)
มิลเล็ตใช้ได้ครับ ทานตะวันก็ได้ แต่ต้องคัดเลือกเมล็ดลีบ เมล็ดเล็ก เมล็ดแตก และเศษผงเศษเปลือกออกให้หมด เพราะมิฉนั้นแล้ว เพาะๆไป ขึ้นราครับ
อ้างถึงท่านกำนันโอ๋ เป็นผู้เขียน
ตกลง ใช้ ถั่วเขียว ดีที่สุด ง่ายที่สุดใช่ไหมคับ พี่ชาย ตัน (ตัน โออิชิป่ะ อิอิ นานๆ จะขอแซวสักที
ถูกต้องแล้วคร๊าบบบบบบบบบ :-D
เอารูปฮวยมั้ว หรือ เมล็ดปอ มาให้ดูครับ
ปัญหามีอยู่ว่าตอนที่แช่น้ำ ต้องเปลี่ยนน้ำกันบ่อยๆ
เพราะไม่งั้นแล้ว น้ำจะเน่าเหม็นมากกกกก......
หลังจากพองแล้ว(นี๊ดเดียวเอง) ต้องรินน้ำออกให้หมดจริงๆ ก่อนที่จะเอาเข้าถุงเพาะ มิฉนั้นแล้ว จะเน่าอีกเหมือนกัน
ประมาณ 12 ช.ม.ผ่านไป เปิดออกมาดู มีเพียงบางส่วนที่เริ่มงอก
และ มีกลิ่นที่เหม็นมากกกกก..........
(http://i193.photobucket.com/albums/z272/Ctan2495/DSC_1280crop.jpg)
(http://i193.photobucket.com/albums/z272/Ctan2495/DSC_1285crop.jpg)
(http://i193.photobucket.com/albums/z272/Ctan2495/DSC_1281crop.jpg)
เมล็ดที่เริ่มงอก ตรงส่วนที่จะมีใบอ่อนแตกออกมา เป็นวงสีแดงๆ ดูแปลก
ดี
ผมคิดว่า คงไม่เอาไปให้นกกินนะครับ เพราะกลิ่นมันเหลือทนจริงๆ แอบๆเอาไปปลูก เพื่อรอเก็บเมล็ดต่อไป ดีไหมครับ
พี่ชายครับเมื่อเอาเข้าไปเก็บแล้วถั่วแต่ละชนิดระยะเวลาการเก็บรักษาเท่ากันไหมครับเวลาอยู่ในตู้แช่
ป๋าชายครับ ลองเช็คถั่วลิสงดูด้วยนะครับ รู้สึกว่าจะมีกลุ่มแอมมิโนแอซิดอินฮิบิเตอร์ด้วยนะครับ ถั่วเขียวไม่มีพิษและงอกง่าย แต่นกไม่ชอบ มิเล็ด ทานตะวัน ฮวยมั้ว งอกง่าย นกชอบครับ ข้าวสาลีแบบที่เขาขายมาเพาะให้คนปั่นน้ำกิน จะสะอาดและอัตราการงอกสูง ก็ใช้ได้ดีครับ
ถ้าขี้เกียจทำspout seed การทำ soak seedคือแช่น้ำค้างคืน ไม่ต้องให้งอก ก็ได้คุณค่าทางอาหาร น้องๆ spout seedเลยครับ
ความรู้ดี ๆ ทั้งนั้นเลย
อ้างถึงaeeprs เป็นผู้เขียน:
ป๋าชายครับ ลองเช็คถั่วลิสงดูด้วยนะครับ รู้สึกว่าจะมีกลุ่มแอมมิโนแอซิดอินฮิบิเตอร์ด้วยนะครับ ถั่วเขียวไม่มีพิษและงอกง่าย แต่นกไม่ชอบ มิเล็ด ทานตะวัน ฮวยมั้ว งอกง่าย นกชอบครับ ข้าวสาลีแบบที่เขาขายมาเพาะให้คนปั่นน้ำกิน จะสะอาดและอัตราการงอกสูง ก็ใช้ได้ดีครับ
ถ้าขี้เกียจทำspout seed การทำ soak seedคือแช่น้ำค้างคืน ไม่ต้องให้งอก ก็ได้คุณค่าทางอาหาร น้องๆ spout seedเลยครับ
ขอบคุณ คุณลุงหมออี้ครับ
สรุป สามถั่วแล้วครับ ที่เป็นพิษ คือถั่วเหลือง ถั่วลิสง และถั่วแดง
อ้างถึงโดย Beach-Boy เมื่อ 2008/5/17 0:16:58
พี่ชายครับเมื่อเอาเข้าไปเก็บแล้วถั่วแต่ละชนิดระยะเวลาการเก็บรักษาเท่ากันไหมครับเวลาอยู่ในตู้แช่
อันนี้ยังไม่เคยลองครับ แต่ละครั้งใช้ๆไปสี่ห้าวันก็หมดแล้วครับ
กระทู้ดีมีประโยชน์ ครับขอดึงกลับมาเพื่อเป็นข้อมูลให้กับเพื่อนๆสมาชิกนะครับ
อาหมอชายตันเป็นสมาชิกรุ่นแรกของเวปสยามฟินิกซ์ครับท่านได้เขียนบทความดีๆไว้ให้กับพวกเรามากมายครับ
แม้ขณะนี้อาหมอฯได้วางมือจากเวปฯลงแล้ว
แต่อาหมอฯก็ได้มอบข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์นี้ให้กับสมาชิกทุกท่านครับ
ต้องขอขอบพระคุณอาหมอชายตันและสมาชิกรุ่นแรกๆทุกท่านครับที่ได้อนุญาตให้นำบทความ ข้อมูล ที่เป็นประโยชน์ในทุกๆเรื่อง มาเป็นข้อมูลให้กับสมาชิกรุ่นใหม่ๆครับ
[youtube=425,350]http://www.youtube.com/watch?v=NNrJq9oZDXM[/youtube]
มาไหว้ครู ด้วยครับ _/\_
ผม ปลูก มิลเล็ต ไม่เคยงอกเลยครับ
หรือว่า ตั้งๆที่ซื้อมาแล้ว ว่าเมล็ดไม่ดีอะครับ
ก็แช่น้ำ 12 ชม
ใส่ถาด 3-4วัน ยังไม่งอกเลยครับ
แล้วถั่วแดงเล็ก(Red Bean)
ทำให้งอกแล้วให้นกกินจะมีพิษไหมครับ
ขอบคุณครับ
ปกติแช่น้ำแล้วเขาใส่ภาชนะใว้แล้วเก็บใว้ในที่รำไร แล้วล้างน้ำวันหนึ่ง3-4ครั้ง ก็จะแทงรากงอกออกมาแล้ว
ถ้ามิลเล็ดไม่เก่าเก็บ %งอกจะเยอะครับ หากเก่าเก็บและทำไม่ถูกวิธีด้วยมันก็ไม่งอกรากครับ
อย่างงี้ผมคงทำผิดวิธีสิครับ
เพราะผมแช่น้ำเสร็ตแล้วล้าง
ใส่ถาดพลาสติกเจาะรู ไว้ในตู้กับข้าวอะครับ
ไม่โดนแสงเลย แต่เคยงอกรากมา1อัน จาก30กว่าเม็ด
แต่ทำแบบนี้ถั่วแดงงอกนะครับ
ขอบคุณ คุณ put มากครับ ที่แนะนำ
ขออนุญาต นำลิ้งค์กระทู้ ที่ คุณ C_tan เคยตอบ ไว้ มาแปะนะครับ เห็นว่าบางเรื่อง น่าสนใจ ดีครับ
ลิ้งค์แรก วิธีดูนกป่วย
http://www.siamphoenix.com/2008/htdocs/modules/newbb/viewtopic.php?topic_id=102&forum=2&post_id=1925#forumpost1925
กระทู้นี้ จะพูดถึง วิธีดูอาการนกป่วยเบื้องต้น การดู มูลนก สภาพโดยรวมของนก และเรื่อง การใช้ อาหาร Ensure ในนกป่วย ครับ
ลิ้งค์ที่สอง เรื่องของ ยา เนกูว่อน (ยากำจัดไรนก)
http://www.siamphoenix.com/2008/htdocs/modules/newbb/viewtopic.php?topic_id=20&forum=2&post_id=180#forumpost180
กระทู้นี้ จะมี ตอบไว้ เกี่ยวกับ ขนานการใช้ และ ตัวยาแก้พิษ ที่อาจจะเกิดจากกการ แพ้ เนกูว่อน ครับ
ลิ้งค์ที่สาม ยาถ่ายพยาธิ
http://www.siamphoenix.com/2008/htdocs/modules/newbb/viewtopic.php?topic_id=229&forum=2&post_id=4346#forumpost4346
อันนี้ พูดถึง ตัวยาในการ ถ่ายพยาธิชนิดต่างๆ และโดสในการใช้กับนก ครับ
ลิ้งค์ที่สี่ พี่ๆช่วยแนะนำการเลี้ยงลูกป้อนด้วยครับ
http://www.siamphoenix.com/2008/htdocs/modules/newbb/viewtopic.php?topic_id=128&forum=1
จะพูดถึง การเลี้ยงลูกป้อน ค่อนข้างละเอียดครับ
ตอนนี้ เท่านี้ ก่อนครับ ไว้ว่างๆจะ หาที่ คุณ C_tan ตอบไว้มาเพิ่ม ครับผม
ถึงแม้ว่า ท่านจะไม่ได้มาถามตอบ ในเวปแห่งนี้แล้วก็ตาม แต่ข้อมูลพวกนี้ คงจะเป็นประโยชน์สืบไปครับ ต้องขอ ขอบคุณ คุณ C_tan มา ณ ที่นี้ด้วย ครับ
ถ้าท่านใดที่เพาะถั่วไม่ขึ้นแนะนำให้ใช้ข้าวสาลีดูครับ
โดยเอาข้าวสาลีมาเพาะในกระบะหรือถาดขนมเล็กๆ เหมือนปลูกต้นไม้ปกติ รอให้ขึ้นต้นอ่อนยาวประมาณสัก 2-3 นิ้ว นำมาแบ่งให้กินทีละถาด ใช้สะดวกด้วยครับ ที่สำคัญนกชอบมากๆครับ
อ้างถึงice_aviary เป็นผู้เขียน:
ถ้าท่านใดที่เพาะถั่วไม่ขึ้นแนะนำให้ใช้ข้าวสาลีดูครับ
โดยเอาข้าวสาลีมาเพาะในกระบะหรือถาดขนมเล็กๆ เหมือนปลูกต้นไม้ปกติ รอให้ขึ้นต้นอ่อนยาวประมาณสัก 2-3 นิ้ว นำมาแบ่งให้กินทีละถาด ใช้สะดวกด้วยครับ ที่สำคัญนกชอบมากๆครับ
ขอบคุณ คุณ ice_aviary มากๆครับ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ครับผม
นำกระทู้ มาแนะนำเพิ่มเติม ครับ จากที่ สืบค้น เพิ่มเติมมา
มือใหม่ กับ แอฟริกัน เกรย์ ภาค 3
http://www.siamphoenix.com/2008/htdocs/modules/newbb/viewtopic.php?topic_id=110&viewmode=flat&order=ASC&type=&mode=0&start=0
จะมี ข้อมูล ต่างๆ ขนาดกรง รังไข่ สถิติ การให้ลูก และ ไปจนถึง ขนาดของห่วงขา ที่จะใช้ใส่ ลูกป้อนแอฟริกันเกรย์ ครับ ในหน้าที่ 4 repที่ #114 จะมี วิธีทำอาหารไข่ สูตร คุณชายตัน ครับ เห็นว่ามีประโยชน์ นกได้เสริมโปรตีน จากไข่ ด้วยครับ
ขอถามผู้รู้หน่อยครับ ถั่วลิสงให้ดิบๆมีอัตรายกับนกหรือเปล่า
นกที่บ้านกินทุกวันเลยต้มแล้วมันไม่กินนะครับ ขอขอบคุณ
สำหรับคำตอบมาก ผมเห็นฟาร์มของเพื่อนก็ให้กินดิบๆเหมือนกัน
อ้างถึงvisnu เป็นผู้เขียน:
ขอถามผู้รู้หน่อยครับ ถั่วลิสงให้ดิบๆมีอัตรายกับนกหรือเปล่า
นกที่บ้านกินทุกวันเลยต้มแล้วมันไม่กินนะครับ ขอขอบคุณ
สำหรับคำตอบมาก ผมเห็นฟาร์มของเพื่อนก็ให้กินดิบๆเหมือนกัน
ไม่น่าจะมีปัญหาครับ ของผมก็เลี้ยงมาหลายปีแล้ว ก็ไม่มีปัญหาครับ
รอคำตอบมาหลายวันกันวนใจอยู่ ขอขอบคุณ คุณ put ที่ช่วยตอบ
ให้สบายใจครับ
555 นกในธรรมชาติมันคงไม่มีหม้อมาต้มถั่วเองหรอกครับ อิอิ ล้อเล่นนะครับ สบายดีใช่มั้ยครับพี่วิษณุ นกออกไข่ยังครับ
สวัสดีเฮียเล็ก อิเลคตัสออกใข่แล้วแต่ไม่มีเชื้อ ดูคอปก็ไม่มีเชื้อ
แต่ได้ฮันท์ออก3ตาย2 เหลือ 1 ผลงาน 1ปีได้ลูกฮันท์มาหนึ่งตัวเอง
ผมเป็นลูกศิษที่ไม่เอาไหนเลยนะครับอาจารย์
ยังดีครับที่ไข่แล้ว เลี้ยงนกต้องอดทนครับ :-D :-D :-D :-) :-)
ข้อมูลโดยท่าน ทวด ทพ. ชาย ตัน
คำแนะนำในการเลี้ยงดูลูกนกแก้ว
เนื่อง จากปัจจุบัน ได้มีการเพาะขยายพันธุ์นกแก้ว เพื่อจำหน่ายเป็นสัตว์เลี้ยงกันเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งนกที่มีสายพันธุ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ และนกที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเซีย ดังนั้น ทางชมรม สยามไอเวียรี่คลับ จึงได้จัดทำเอกสารนี้ขึ้นมาเพื่อเผนแพร่ เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจได้ใช้เป็นแนวทางในการเลี้ยงดูลูกนกอย่างประสพ ความสำเร็จ เติบโตเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพ และมีโอกาสแพร่ขยายพันธุ์ต่อไป ในอนาคต
การเริ่มต้นเลี้ยงนกแก้ว โดยการหาซื้อลูกนกที่ได้รับการป้อนอาหารด้วยมือ และโตจนสามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว นั้น จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด หรือหากต้องการที่จะป้อนอาหารลูกนกด้วยตนเอง ก็ควรที่จะเลือกลูกนกที่มีเส้นขนแหลมเป็นหนาม ๆๆ ( ขนหลอด ) ขึ้นมาบ้างแล้ว จะปลอดภัยกว่า ที่จะซื้อลูกนกที่มีอายุน้อยกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ไม่เคยป้อนอาหารลูกนกมาก่อน
เลือกลูกนกที่มีดวงตาแจ่มใส นิ้วเท้าอวบอ้วน ไม่มีน้ำมูก ไม่หายใจทางปาก ปีกแนบชิดลำตัว ขนรอบ ๆ ก้น ไม่มีคราบสิ่งสกปรก ในกล่องหรือในตู้ที่ใส่ลูกนกไม่มีกลิ่นเหมืนอันเกิดจากลูกนกท้องเสีย หรือไม่มีคราบอาหารที่ลูกนกขย้อนออกมา
อาหารที่ใช้ป้อนลูกนก ( ไม่ควร ) ใช้อาหารสำหรับเด็กอ่อน เช่น ซีรีแรค ซึ่งมีส่วนผสมของนมอยู่ด้วย นกไม่ใช่สัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม จึงไม่มีเอ็นไซน์แลคเตส สำหรับย่อยนม เมื่อได้รับอาหารที่มีนม ผสม อยู่ด้วยในปริมาณที่มาก จะทำให้เกิดอาการท้องเสีย หรืออาหารไม่ย่อยได้
อาหารสำหรับลูกนกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ
1. อาหารสำเร็จรูป ส่วนใหญ่ เท่าที่เห็นกันอยู่นั้น จะเป็นอาหารสูตรจากต่างประเทศ ซึ่งจะมีราคาค่อนข้างสูง และจะมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน สำหรับลูกนกเมื่อเปรียบเทียบกับอาหาร ที่ผลิตภายในประเทศ ราคาจะต่างกันมาก ๆ
2. อาหารที่ผสมขึ้นเอง โดยใช้เมล็ดพืช เช่น ถั่วเชียว ถั่วเหลือง ฟักทอง ปลายข้าว แครอท ข้าวโพด ไข่ไก่ ต้มรวมกันจนสุกเปื่อย เติมวิตามินและเกลือแร่ ข้อดี ของอาหารประเภทนี้คือ สามารถเตรียมได้เอง ประหยัด ส่วนข้อเสีย คือ อาจไม่ได้รับสารอาหารครบถ้วนตามที่ลูกนกต้องการ
3. ผลไม้ เช่น กล้วย มะละกอ ฯลฯ
อุปกรณ์ที่ใช้ในการป้อนอาหาร มีให้เลือกใช้ดังนี้คือ
1. ไซริ้งค์ พร้อมกับสายยาง ( ไส้ไก่ จักรยาน ขนาด ยาว ประมาณ 3 – 5 นิ้ว ) วิธีการป้อน แบบนี้ ค่อนข้างสะดวก แต่ความสะดวกต่าง ๆ ก็จะแฝงถึงอันตรายสำหรับลูกนกด้วย โดยจะแหย่ปลายสายยางเข้าไปในปากลูกนก ( บริเวณด้านข้าง ) ไม่ควรแหย่ลงไปตรงกลางปากลูกนก เนื่องจาก บริเวณ ใต้โคนลิ้น ของลูนกจะเป็นหลอดลม สายยาง หรือไส้ไก่ อาจจะเข้าไปในหลอดลมได้ ( ถึงตายเชียว )
2. ไซริ้งค์ พร้อมกับสายยาง ( ชนิดป้อนลูกนกปากขอ โดยเฉพาะ ) ปกติ สลิ้ง ชนิดนี้ จะไม่ค่อยได้เห็น เข้ามาขาย ตามร้านขายนกต่าง ๆ มากมายนัก ( มีขายเฉพาะที่ ) โดยจะไม่ต้องห่วง ๆ เรื่องอาหารเข้า หลอดลม เนื่องจากอาหาร จะออกมาบริเวณ ช่องด้าน ข้างของสายยาง
3. ไซริ้งค์ อย่างเดียว โดยแหย่ ปลายไซริ้ง ที่บรรจุอาหารเข้าที่มุมปาก แล้วค่อย ๆๆ บีบ ก้านไซริ้งค์ อย่างช้า ๆ
4. ช้อนชา ที่บีบขอบทั้งสองข้าง ห้อเข้าหากัน ตักอาหารป้อนลูกนกอย่างช้า ๆ ปลอดภัย มากที่สุด แต่ค่อนข้างจะเลอะเทอะ
คำแนะนำในการป้อนอาหาร
1. อุณหภูมิของอาหารที่ใช้ป้อนลูกนก หากเป็นอาหารสำเร็จรูป ควรมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 37.7 – 43.3 องศา C ( 100 – 110 องศา F )
2. ผสมอาหารตามอัตราส่วนที่ระบุไว้ และเพียงพอต่อการใช้ในแต่ละมื้อ ปัญหาที่มักจะพบคือในกรณีที่ซื้ออาหารที่แบ่งขายเป็นถุง ๆ ขอให้สอบถามเรื่องอัตราส่วนผสมที่ชัดเจนด้วย ซึ่งจะแตกต่างกันไปแล้วแต่ละยี่ห้อ
3. หากเป็นผลไม้ ใช้ช้อนขูด ๆ ให้นกกินทีละน้อย ควรใช้ผลไม้ที่ใหม่สดอยู่เสมอ
4. ความถี่ ในการป้อนอาหาร
แรกเกิด ให้ทุก ๆ 2 ชั่วโมง ( 9 – 10 ครั้ง ต่อ วัน )
เมื่อถึงวันที่ 8 ให้ทุก ๆ 3.5 – 4 ชั่วโมง ( 5 – 6 ครั้ง ต่อ วัน )
เมื่อถึงวันที่ 14 ให้ทุก ๆ 5 ชม. ( 4 ครั้ง ต่อวัน )
เมื่อถึงวันที่ 24 – 30 ให้ทุก 8 ชม. ( 3 ครั้ง ต่อวัน )
เมื่อถึงช่วงที่น้ำหนักตัวของลูกนกขึ้นถึงจุดสูงสุด 2 ครั้งต่อวัน
หมายเหตุ : น้ำหนัก นกต้องขึ้นทุกวัน เพียงแต่ว่า จะขึ้นมากหรือน้อย เท่านั้น จะไม่มีการลดลง
ช่วง อายุที่ลูกนกมีน้ำหนักสูงสุดนี้จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละสายพันธุ์ เมื่อถึงตอนนั้น ลูกนกจะมีน้ำหนักตัวมากกว่า พ่อแม่นก และหลังจากนั้นจะกินอาหารน้อยลง น้ำหนักตัวจะค่อย ๆ ลดลง ๆ และได้เวลาที่จะเริ่มฝึกกินอาหารด้วยตนเอง
การป้อนอาหารนกมีเรื่อง ที่พึงต้องระมัดระวังคือ การรักษาความสะอาด ทำบันทึกการให้อาหารและน้ำหนักตัวของลูกนก ใช้อุปกรณ์ในการป้อน และชนิดของอาหารที่เหมาะสม ในกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้น จะแสดงออกดังนี้คือ
1. น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นน้อยมาก หรือลดลง
2. อาหารที่ป้อนใช้เวลานานมากกวาจะย่อยหมดไปจากกระเพาะ
3. ปฏิกริยาตอบสนองต่อการป้อนอาหารต่ำมาก
การที่ลูกนกมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นน้อยมาก หรือลดลง อาจจะมีสาเหตุดังนี้
1. นกได้รับอาหารในปริมาณที่น้อยเกินไป การป้อนไม่จำเป็นต้องรอจนอาหารในกระเพาะหมดเกลี้ยงแล้วถึงเริ่มป้อนมื้อต่อ ไป ในรอบยี่สิบสี่ชั่วโมง จะมีช่วงที่กระเพาะของลูกนกว่างเปล่าคือ ตอนเช้า
2. ชนิดของอาหารไม่เหมาะสมกับพันธุ์ของนกนั้น ๆ พวกลูกนกแก้วขนาดใหญ่เช่น กระตั้ว มาร์คอ ต้องการอาหารที่มีปริมาณไขมันที่สูงกว่า นกชนิดอื่น ๆ
3. อุณหภูมิในการเลี้ยงดูลูกนกไม่เหมาะสม หากต่ำกว่าที่ควร ระบบการย่อยอาหารจะทำงานล่าช้าลงมาก
- ลูกนกแรกเกิดควรได้รับความอบอุ่นที่อุณหภูมิ 36.6 องศา C
- เมื่ออายุ 5 – 12 วัน อุณหภูมิ 35 – 31.6 องศา C
- เมื่ออายุ 12 วัน ถึงระยะขนขึ้น เป็น ขนหนาม อุณหภูมิ 31 – 28 องศา C
- เมื่อมีขนคลุมเกือบทั่วทั้งตัว อุณหภูมิ 26.5 องศา C
4. อุณหภูมิของอาหารที่ไม่เหมาะสม หากสูงเกินไป ความร้อนของอาหารจะลวกเนื้อเยื้อที่บุกกระเพาะจนกลายเป็นเนื้อตาย หากต่ำกว่า ไป การย่อยจะช้ามาก จนกระทั่งเกิดการบูดเน่าอยู่ภายในกระเพาะอาหาร
5. ความเครียดจากสภาพแวดล้อม
6. เกิดจากการติดเชื้อ เช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรียที่พบได้บ่อยได้ แก่ เชื้อซาลโมเนลล่า ซึ่งทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหาร ส่วนเชื้อรา ได้แก่ พวกแคนดิด้า อัลบิแคน มักพบในช่องปาก และผนังของเยื่อบุกระเพาะอาหาร
7. การสำลักอาหารหากไม่มากนัก ลูกนกจะแสดงอาการไอ และจามเพื่อขับเอาอาหารที่สำลักออกมาประมาณหนึ่งถึงสองชั่วโมง แล้วจะค่อยทุเลาลง ในกรณีที่มีอาหารเข้าไปในหลอดลม เป็นจำนวนมาก จะหายใจลำบาก เกิดการติดเชื้อในปอด หรือ อาจตายอย่างเฉพียงพลัน เพื่อหลีกเลี้ยงกรณีดังกล่าว การป้อนอาหารจึงควรกระทำอย่างช้า ๆ และด้วยความระมัดระวัง
8. กระเพาะอาหารอักเสบ เกิดจากอาหารที่ไม่เหมาะสมกับลูกนก อาหารที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารระยะเวลานานเกินไป จนทำให้เกิดการหมัก ลูกนกจะแสดงอาการขย้อนอาหารนั้นออกมา การแก้ไขโดยใช้ยา Kaopectate จนอาการดีขึ้น จึงกลับมาป้อนอาหารตามปกติ
กราบขอบพระคุณอย่างสูงครับที่แบ่งปันข้อมูล
ด้วยความเคารพ
ป็อป-ชลบุรี