:-( :-( คือเลี้ยงนกอยู่ในหมู่บ้านคะ เป้นบ้านเดี่ยวห่างกันก็พอสมควรพอดีที่บ้านเลี้ยงนก กระตั๊วหน่ะคะ คอกคาเทลไม่น่าเป้นปัญหา คราวนี้เพื่อนบ้านแอบเอาจดหมายมาบอกว่านกเราเสียงดังมาก จริงๆก็เข้าใจเค้าหน่ะคะเราก็พยายามให้นกร้องน้อยที่สุดแล้ว คือนกเราจะร้องช่วงเดียวคือเย็นๆ แต่ทุกครั้งที่ร้องก็รีบออกไปเอาเข้าบ้าน ตอนนนี้ก็เริ่มฝึกให้ร้องน้อยลงแต่จะทำยังไงดีคะรักเค้ามาก เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ เค้าเอาจดหมายมาขู่เรื่องแพ่งเรื่องอาญาด้วยอ่ะคะ ตอนนนี้กลุ้มใจมากๆและสงสารนกที่บ้านมากเลย กำลังคิดว่าจะเอามาเลี้ยงในห้อง ข้างล่าง รบกวนผู้รู้ขอคำแนะนำด้วยคะ ขอบคุณมากคะ
พยายามสอนให้พูดเยอะๆๆ
จะได้ไม่ค่อยร้อง
ส่วนเสียงร้องตัวเดียว ไม่น่ามีปัญหา ก็คงเหมือนๆๆคนเลี้ยงหมามากกว่า
แล้วจะทำยังไงดีคะพี่ถ้าเค้าเอาตำรวจมาจับเค้าจะบังคับให้เราเอานกไปไว้ที่อื่นคะ พอมีวิธีแก้ไขยังไงบ้างมั้ยคะพี่ แต่เราก็พยายามทุกอย่างเพื่อจะลดเสียงแล้วจริงๆเค้าร้องไม่เคยเกินห้านาทีหน่ะคะเพราะเราจะรีบไปอุ้มไปเก็บไว้ในห้องรอจนง่วงถึงจะเอาไปนอนหน่ะคะ ขอบคุณอีกครั้งคะ
ปัญหาโลกแตกสำหรับคนเลี้ยงนกครับ จำได้ว่าเมื่อก่อนก็เคยมีครับถึงขั้นฟ้องร้องกันเลยทีเดียว ทางแก้ไขตอนนี้คือต้องเอาเข้าบ้านก่อนละครับแล้วค่อยๆฝึกให้พูดไป แล้วค่อยดูปฏิกริยาว่าจะมีอย่างไรต่อไปครับ
ใช่ เพื่อนบ้านบางคนโกตั๊กมากๆ ภาษาไทยเรียกอะไรไม่รู้ แต่ถ้าเป็นเพื่อนบ้านที่ดีเราส่วนมากเราก็จะผูกมิตรกับเค้าไว้ เช่น เวลาไปไหนมาไหนก็ซื้อของติดไม้ติดมือมากำนัล ส่วนคนที่โกตั๊กไม่รู้จะรับมือยังไงดี
เอานกหลบเข้าไว้ในบ้านสักพักครับ
อ่า กระตั้ว ที่บ้านก็เคยมีค่ะ โดนเหมือนกัน เฮ้อออออออ
โกตั๊ก = นิดก็ไม่ได้ หน่อยก็ไม่ได้ จ้องหาเรื่อง พวกนี้บ้าเล่นด้วยไม่ได้ จิตใจคับแคบ มันชอบเอาจริงกัดไม่ปล่อย เราต้องถอยห่าง แล้วเดี๋ยวมันก็หายบ้าไปเอง
อ้างถึงกานต์ เป็นผู้เขียน:
โกตั๊ก = นิดก็ไม่ได้ หน่อยก็ไม่ได้ จ้องหาเรื่อง พวกนี้บ้าเล่นด้วยไม่ได้ จิตใจคับแคบ มันชอบเอาจริงกัดไม่ปล่อย เราต้องถอยห่าง แล้วเดี๋ยวมันก็หายบ้าไปเอง
555 ภาษาแต้จิ๋ววันละคำ
เอาเข้าบ้านครับ แล้วเล่นกับเค้าให้มากๆ
ค่อยๆเจรจาดีที่สุดครับ
ขอบคุณสำหรับทุกคะแนะนำคะ หลังจากวันนั้น พอห้าโมงปุเริ่มวิ่งไปอุ้มเจ้าลูกชายกระตั๊วมาไว้กับตัวพร้อมกับทำงานบ้านไปด้วย แต่ก้ไม่วายที่จะมีเสียงลอดมาสัก 2-3ครั้ง ครั้งละไม่เกิน5วินาที คิดในว่าตายแน่เราทำไงดี จากนั้นอีกวันมีจดหมายขู่มาอีกเค้าบอกว่าเค้ายังได้ยินเสียงนกเราเล็ดลอดออกมาให้จัดการเด็ดขาด คราวนี้นั่งน้ำตาล่วงเลยคะ จะทำยังไงดีคะ เพราะเราก็พยายามถึงที่สุดแล้ว อีกอย่างนกเค้จะเข้านอนประมาณ ทุ่มนึงตื่นก็แปดโมง ช่วงเวลาที่เค้าพักผ่อนกันก้ไม่เคยมีเสียงสักแอะ สงสารเจ้าลูกชายจริงๆคะเพราะเลี้ยงเค้ามาตั้งแตเล็ก จะทำยังไงดีคะ
เห็นใจอย่างมากเลยครับ ใครไม่เจอแบบนี้ก็ไม่รู้
ถามคุณแคทตี้หน่อยนะครับ บ้านเนื้อที่ประมาณเท่าไรและห่างจากตัวบ้านของเพื่อนบ้าน(ไม่ใช่ที่ดินนะครับเอาแค่ตัวบ้าน)กี่เมตรครับ
ผมขอแนะนำในทางที่ไม่ค่อยดีแต่ผลที่ได้ดีแน่นอนนะครับถ้าแถวบ้านมีสุนัข ให้เราเขียนจดหมายในลักษณะนี้แต่เปลี่ยนจากนกเป็นสุนัข แล้วแอบไปหย่อนไว้บ้านที่มีสุนัขนะครับ และถ้าบ้านที่มีสุนัขเป็นบ้านที่เรารู้จักด้วยยิ่งดีครับ หาเรื่องไปคุยเรื่อย ๆ ครับ พอเค้าพูดถึงเรื่องถูกร้องเรียนเรื่องหมา เราก็บอกไปเลยครับเราเคยโดนร้องเรียนเรื่องนกจากบ้านหลังนี้สงสัยจะเป็นบ้านหลังนี้แน่เลยที่ร้องเรียน ทีนี้ก็จะได้พวกแล้วครับ ไม่ต้องกลัวครับหน้าหนาวแบบนี้หมาหอนกันระงมครับ ช่วงนี้ติดสัตว์กันเยอะ และอีกอย่างการร้องเรียนเรื่องสุนัขทุกวันนี้มีมากกว่านกแน่นอนครับ
แหม่ เจ้าอู๋นี่จอมวางแผนจริง สาวใดอย่าหลงกลไปกินข้าวกับเจ้าอู๋เชียวนา เดี๋ยวเจ้าอู๋มันวางแผนงาบเอา 5555
อ้างถึงkitty75 เป็นผู้เขียน:
แหม่ เจ้าอู๋นี่จอมวางแผนจริง สาวใดอย่าหลงกลไปกินข้าวกับเจ้าอู๋เชียวนา เดี๋ยวเจ้าอู๋มันวางแผนงาบเอา 5555
ระดับผมมีแต่สมยอมครับเฮีย 5555
คุณแคทตี้ไม่ต้องกลัวครับ อย่างน้อย ผมก็เอาใจช่วยเดี๋ยวจะมาบอกในแง่กฏหมายให้ครับ รอสักครู่.....
บ้านของเค้าจะอยู่ตรงข้ามกันหน่ะคะ น่าจะห่างกันสัก 20 เมตรคะ เพราะห่างกันแค่ถนนหมู่บ้านคะ กับตัวบ้านคะ บ้านที่นี่เนื้อที่ก็ 100กว่าตรว ขึ้นหน่ะคะ น่าจะห่างกันประมาณนี้คะ คือคนที่ร้องเรียนเค้าเป้นฝรั่งหน่ะคะ แต่ได้ภรรยาเป้นคนไทย เค้าจะหยิ่งมากคะ ไม่ว่าใครๆยิ้มให้เค้าก้ไม่แม้แต่จะมองคะ เลยพยายามหาทางผูกมิตรกับเค้าไม่ได้หน่ะคะ
เอ้อๆ......น่าเห็นใจมากๆครับอยู่กับเพื่อนบ้านเเบบนี้น่าปวดหัวครับถ้าเป็นผมลองทำทุกวิธีเเล้วยังโดนเเบบนี้อีกก็คงต้องทางใครทางมันครับอย่าเสียเวลาไปสนใจเลยครับกับพวกฝรั่งขี้นกเเบบนี้เสียเวลาเปล่าๆครับถ้าเราทำดีถึงที่สุดเเล้ว ;-)
กฏหมายก็ว่าตามที่แม่เลี้ยงว่าก็ได้ครับ ผมขอเสริมนิดนึง
ถ้าคุณแคทตี้มั่นใจว่า นกร้องเป็นเวลา และช่วงที่นกร้องนั้นนำเข้าบ้านตลอดเวลา(ผมมั่นใจว่า ขนาดเอาเข้าบ้านแล้ว อยู่บ้านที่ห่างไป 20 เมตรยังได้ยิน มันก็ไม่น่าดังจนสร้างความเดือดร้อนได้) ช่างเค้าครับมีจดหมายมาอีกก็ปล่อยครับ รอให้คนจากเขตมาอย่างเดียวครับ ไม่ต้องกลัวครับเขตมาครั้งแรกเค้าจะมาพร้อมหนังสือให้เราปรับปรุง ก็เซ็นรับไว้เพราะเค้าอาจกลับมาตรวจได้ แต่จะปล่อยไวทำไม กล่อมมันเลยดีกว่าครับ เราก็ร่ายเวทมนต์ไปว่า เราก็เอาเข้าบ้านแล้วเสียงมันเบากว่าเสียงหมาเห่าอีก ตอนนี้ก็เลี้ยงไว้แค่นกตัวเดียวเอง หมาแถวนี้เห่ากันเกรียวกราว ทำไมเค้าไม่ไปเดือดร้อนบ้าง กะแค่นกตัวเล็ก ๆ 1 ตัวทำไมถึงเดือดร้อน เหมือนชีวิตโดนกลั่นแกล้งยังไงไม่รู้ (ไคลแม๊ตบีบน้ำตาให้ออกได้ จัดหนักให้เจ้าหน้าที่เขตไปเลยครับ) รับรองว่าจบแน่นอนกับเจ้าหน้าที่
ทีนี้มาถึงบ้านตรงข้ามแล้วครับ คนเราถ้ามีอคติแล้วยากที่จะลบมันออกจากใจครับ เราต้องคอยตั้งรับให้ดีครับ
ตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์
เมื่อผู้ร้องเรียน ไม่ยินยอมยังคงร้องเรียนไปยังหน่วยงานอื่น ๆ อีก โดยมุ่งประสงค์ที่จะเป็นการร้องเรียนกลั่นแกล้งท่านให้ได้ ซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่ท่าน อันถือว่าเป็นการที่เขาได้ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามความใน ป.พ.พ. มาตรา 421 จึงถือว่าการกระทำของเพื่อนบ้านซึ่งเป็นผู้ร้องเรียนได้กระทำละเมิดแก่สิทธิของท่าน ท่านจึงเป็นผู้ถูกทำละเมิด ย่อมมีสิทธิตามกฎหมายที่จะฟ้องผู้ร้องเรียนเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ตามกฎหมาย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 420
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 421 การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น ท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
ผมมั่นใจว่าท่าถึงจุด ๆ หนึ่งที่ ฝรั่งทนไม่ไหว เค้าจะพึ่งเจ้าหน้าที่จากเขต (ถ้าตำรวจมาไม่ต้องสนใจครับ ตำรวจทำอะไรไม่ได้ต้องเจ้าหน้าที่เขตเท่านั้นครับ) ซึ้งถ้าตามที่ผมว่าถ้าจบจากเจ้าหน้าที่เขตได้ แล้วยังมี จดหมายผิดซองมาอยู่อีก เราก็จดหมายผิดซองกลับไปเลยครับเค้ากล้าแรงกับเราเราก็ต้องกล้าแรงกลับครับ ส่งตัวบทกฏหมายไปเลยครับว่าถ้าโดนกลั่นแกล้งแบบนี้ก็ต้องโดนแบบนี้นะจ๊ะฝรั่งดอง...
สู้ต่อไปครับ
แหม่ ต่างชาติแล้วยังมากร่าง อย่างงี้ต้องจัดหนักๆครับ ปรึกษาป๋าดูครับ ป๋าชอบจัดหนักๆให้ต่างชาติ 55555555
ว่าจะไม่แล้วนะ ใช้วิชามาร 555
ปล่อยให้เค้าร้องเลยครับ ยิ่งเราเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆๆ555
เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ปล่อยน้ำตาไหลเต็มทีเลย
ยังไงคนไทยก็ยังเห็นใจกันอยู่ดี
บอหเค้าไปว่าเรา กลัวเค้าว่าอยู่แล้ว เวลานกร้อง คนไม่อยู่บ้านก็เอา
นกเข้าบ้านไม่ค่อยปล่อยให้นกร้องรบกวนชาวบ้านหรอก เพราะเราเห็น
ใจเค้าเหมือนกัน แล้วบอกเค้าว่าสงสัยเค้ากลั้นแกล้งเรามากกกว่า
คงไม่ชอบเค้าเลยแจ้งเจ้าหน้าที่มาจับนกเรา
แล้วเอานกให้เค้าดูว่านกเราน่ารักขนาดไหน ใครๆๆก็จับเล่นได้ มันจะ
ร้องดังขนาดนั้นได้อย่างไร ชวนนั่งคุยเสริมอาหารกินเล่น เดียวเค้าก็
กลับไปแล้ว 5555
โห วิชาป๋าสุดยอดอะครับ (ป๋าครับนกมาถึงบ้านแล้วครับ) น่ารักมากเลยครับ
อย่าไปแสดงท่าทีตกใจหรือหวาดกลัวกับสิ่งที่เค้ามากระทำกับเรานะค่ะ เพราะคนประเภทนี้ชอบอยู่แล้ว
พอรู้ว่าข่มขู่เราได้ก็จะเอาอย่างนั้นอย่างนี้ต่อไปอีก ไม่มีวันจบ ฟังจากที่พูดบ้านก็ห่างกันพอควร นกร้องก็ไม่ได้ร้องทั้งวัน
สิ่งที่ต้องทำคือ ให้ทำตัวเฉยๆ อย่าไปเต้นตามกับเจ้าฝรั่งคนนั้น ไม่ต้องรีบวิ่งพานกเข้าบ้านเวลาที่มันจะร้อง
อาจพาเข้าบ้านสักก่อน 2 ชั่วโมงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าจะร้องก็ร้องไป อย่าไปตื่นเต้น
วิธีแรกเลย อาจเข้าทางเมียฝรั่ง ที่เป็นคนไทย พูดด้วยเหตุด้วยผลว่าเรารักนกตัวนี้มาก เป็นนกที่ฉลาดโดยเล่าเรื่องนกของเราให้ฟังและนกก็ซื้อมาราคาแพง
ร้องก็ไม่ได้ร้องมากมายจนรำคาญไปทั้งวัน ลองรอดูท่าที ถ้าไม่ได้เรื่องก็ชั่งมัน
พร้อมกับบอกไปเลยว่า ฉันทำดีสุดก็ได้เท่านี้ รับได้ก็ดี รับไม่ได้ก็เรื่องของแกล่ะกัน แล้วสะบัดก้นกลับบ้านทันที อย่าไปเซ้าซี้ต่อ เสียเวลาเปล่า
วันดีคืนดี อาจมีเจ้าหน้าที่เขตมาพบ พูดออกแนวขู่ว่าให้เลิกเลี้ยง ก็ไปพบเจ้าหน้าที่ พร้อมกับเขียนวิธีแก้ไขที่เราพอจะทำได้ หากเจ้าหน้าที่เขตยังไม่ยอม
อ้างกฎหมายของกทม ว่าจะต้องเสียค่าปรับหรืออาจถูกจำคุกถ้ายังดื้อไม่เลิกเลี้ยง
ซึ่งจำคุกเนี้ย ไม่มีทางได้เฉียดหรอก (ฆ่าคนตาย บางทียังแค่รอลงอาญา นี่แค่เลี้ยงนก ถ้าต้องติดคุก ก็บ้าแล้ว) ก็ให้บอกไปว่า ปรับไปเลยแต่ต้องจากศาลสั่งเท่านั้นนะ
นั่นหมายถึงเจ้าหน้าที่เขตต้องไปทำเรื่องฟ้องกับตำรวจ ผ่านไปยังอัยการ ต่อมาที่ศาล
เชื่อเหอะ...เจ้าหน้าที่เขตไม่มัวมาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ต่อหรอก และต่อให้ถึงศาล คุณก็มีสิทธิ์ชนะด้วย
แล้วก็อย่าลืมเก็บจดหมายทุกฉบับที่เขียนมาขู่เอาไว้ ให้เจ้าหน้าที่เขตดูด้วย ว่าเราได้พยายามทำการแก้ไขแล้ว
คนที่เป็นเพื่อนบ้านกันไม่ได้ถือว่าเป็นเจ้าชีวิตของเราที่จะบังคับให้เรารับหรือเลิกในสิ่งที่เราเป็น
เลี้ยงไปเถอะครับ กว่าคดีจบ เค้าคงกลับบ้านแล้ว หรือไม่งั้น เราสืบว่าเค้ามาทำอะไรในเมืองไทยสิครับ100ละ80พวกต่างชาติ มาเมืองไทย ทำผิดกฎหมายทั้งนั้นครับ
แล้วถ้าทางเขตมา เราก็คุยกับเค้าเลยครับ พวกนี้คุยได้อยู่แล้วครับ
ผมโดนประจำ 555
ขอบพระคุณทุกๆความเห็นคะตอนนนี้เริ่มสบายใจขึ้นหน่อยนึงคะ ก้จะพยายามเลี้ยงเค้าให้ดีและเป็นปัญหาน้อยที่สุดคะ ขอบคุณอีกครั้งจริงๆสำหรับกำลังใจนะคะ
เคยเลี้ยงโมลีอคคั่น 10 ตัว และนกแก้วชนิดอื่น อีกรวมเป็น100
กรงอยู่ห่างจากรั้วเพื่อนบ้าน 22 เมตร
โชคดีคือเราผูกมิตรไว้ตั้งแต่ยังไม่เลี้ยงนก เมื่อเป็นเพื่อนบ้านสนิทกัน
อะไรก็ดีไปหมด (เพื่อนบ้านที่ติดกันเป็นระดับรัฐมนตรี) พอว่างๆก็จะเดินเข้าบ้านไปถามว่าหนวกหูไหม คำตอบทีได้รับก็คือ เสียงเหมือนอยู่ในป่าทำให้คิดถึงธรรมชาติ
แต่โมล๊อคคั่น12 ตัวเสียงดังแน่ดังนั้นผมจึงสร้างกรงแบบปิดใช้อิฐมวลเบาช่วยซับเสียงครับ ใช้ลูกหมุนปรับอากาศระบายอากาศ ลดเสียงลงได้มากเลยครับ
แนะนำ ลงทุน สร้างกรงด้วยอิฐบล๊อคซับเสียง ด้านหน้าติดกระจกเลือน หน้าตาข่าย ด้านบนใช้ลูกหมุนดูดอากาศ เวลาเราไม่อยู่ก็เอาเขาอยู่ในกรงปิดกระจก รับรองเสียงไม่ถึงระดับรบกวนแน่ ถ้าทางเทศกิจมาตรวจ
ลงทุนไม่มากครับ (ถ้าให้ดีทำใหญ่หน่อยเลยเผื่อหาคู่ให้เขา จะได้เป็นกรงเพาะในตัวเลย เผื่อวันข้างหน้าเราไม่มีเวลาให้เขา เขาจะได้ไม่เหงา)
เมื่อเทศกิจตรวจเสร็จกลับไป เราก็เปิดกระจก ให้นกเราร้องกวนเจ้าบักสีดานั้นให้ปวดหัวเลย พอเทศกิจมาเราก็ปิดกระจกเหมือนเดิม ยิ่งถ้าได้เป็นคู่แล้ว รับรอง เขาต้องย้ายบ้านเลยละ
โห พี่อี้ นานๆมาที แนะนำแบบเจ๋ง เฮสนั่นเลย555555
อ้างถึงaeeprs เป็นผู้เขียน:
เคยเลี้ยงโมลีอคคั่น 10 ตัว และนกแก้วชนิดอื่น อีกรวมเป็น100
กรงอยู่ห่างจากรั้วเพื่อนบ้าน 22 เมตร
โชคดีคือเราผูกมิตรไว้ตั้งแต่ยังไม่เลี้ยงนก เมื่อเป็นเพื่อนบ้านสนิทกัน
อะไรก็ดีไปหมด (เพื่อนบ้านที่ติดกันเป็นระดับรัฐมนตรี) พอว่างๆก็จะเดินเข้าบ้านไปถามว่าหนวกหูไหม คำตอบทีได้รับก็คือ เสียงเหมือนอยู่ในป่าทำให้คิดถึงธรรมชาติ
แต่โมล๊อคคั่น12 ตัวเสียงดังแน่ดังนั้นผมจึงสร้างกรงแบบปิดใช้อิฐมวลเบาช่วยซับเสียงครับ ใช้ลูกหมุนปรับอากาศระบายอากาศ ลดเสียงลงได้มากเลยครับ
แนะนำ ลงทุน สร้างกรงด้วยอิฐบล๊อคซับเสียง ด้านหน้าติดกระจกเลือน หน้าตาข่าย ด้านบนใช้ลูกหมุนดูดอากาศ เวลาเราไม่อยู่ก็เอาเขาอยู่ในกรงปิดกระจก รับรองเสียงไม่ถึงระดับรบกวนแน่ ถ้าทางเทศกิจมาตรวจ
ลงทุนไม่มากครับ (ถ้าให้ดีทำใหญ่หน่อยเลยเผื่อหาคู่ให้เขา จะได้เป็นกรงเพาะในตัวเลย เผื่อวันข้างหน้าเราไม่มีเวลาให้เขา เขาจะได้ไม่เหงา)
เมื่อเทศกิจตรวจเสร็จกลับไป เราก็เปิดกระจก ให้นกเราร้องกวนเจ้าบักสีดานั้นให้ปวดหัวเลย พอเทศกิจมาเราก็ปิดกระจกเหมือนเดิม ยิ่งถ้าได้เป็นคู่แล้ว รับรอง เขาต้องย้ายบ้านเลยละ
555555555