Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - aey

#1
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน  ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง  ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดไป...เรารักในหลวง
#2
งานนี้เสียค่าเข้าไปชมหรือเปล่าคะ...อยากไปดูจัง
#3
ขอให้คุณหมอเที่ยวให้สนุกนะคะ...แล้วถ้าได้ลูกนกซันเมื่อไหร่  ส่งรูปมาให้ดูบ้างนะคะ  จะรอดูนกน้อยของคุณหมอนะ..คิดถึงค่ะ
#4
ขอบคุณพี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกคนด้วยนะคะ  ที่คอยเป็นกำลังใจให้..ไม่ว่าจะเป็นคุณหมอที่ SK Clinic ที่รักษาน้องแอ๊ะแอ๋  คุณ Noom  Gemz  (เจ้าของน้องกล้วยหอม..ขอเป็นกำลังใจให้เหมือนกันนะคะ) GL_olzIous   hourglass (เสียใจด้วยนะคะกับนกซันที่เพิ่งเสีย..เป็นกำลังใจให้คะ)  to"p    จิ    Samy9 (เจ้าของน้องมาคอร์ BG ได้อ่านเรื่องของเค้าเหมือนกัน)   jack   ป๊อกนะจ๊ะ   napat   mika  น้องมีมี่   Sirsanya   kit_sailom   annie   angle  achurapan  และคุณ boolun    รวมถึงพี่ ๆ เพื่อน ๆ คนอื่นที่อ่านเรื่องราวของน้องแอ๊ะแอ๋  แต่อาจจะไม่ได้แสดงความคิดถึงเห็นเข้ามา  ถึงอย่างไรก็ขอบคุณทุกคนมาก ๆ คะ ....สุดท้ายนี้ขอถือโอกาสสวัสดีปีใหม่ 2553  ซะเลย  ขอให้ทุก ๆ คนมีความสุขตลอดปี2553 และปีต่อ ๆ ไปนะคะ   รวมถึงบรรดาสัตว์เลี้ยงของทุก ๆ คน ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงมาก ๆ นะคะ...รักทุกคนค่ะ  อ้อ! เกือบลืม  วันที่ 18 - 20  ธันวาคม 2552  นี้  ที่สวนสามพราน Rose Garden  เค้ามีงานมหกรรมสัตว์เลี้ยงเหมือนทุก ๆ ปี  อย่าลืมแวะไปดูสัตว์เลี้ยง  โดยเฉพาะบรรดานกที่น่ารักหลากหลายสายพันธุ์ ที่เค้าจะมาโชว์ความน่ารัก  และความสามารถในงานนี้ด้วย...  แล้วเจอกันนะคะ...ปีนี้ไปแน่นอน..บ๊ายบายคะ!
#5
สวัสดีคะ..คุณหมอแอน คุณหมอตุ้ม และพี่ที่คลีนิคด้วย  พวกเราคิดถึง  ระลึกถึง  และทราบซึ้งในความมีน้ำใจของคุณหมอเสมอเลยค่ะ..คุณหมอสบายดีมั๊ยคะ  ไม่ได้เข้ามาอ่านซะหลายวัน  เลยไม่ทราบว่าคุณหมอเข้ามาแสดงความคิดเห็นในกระทู้นี้ด้วย  พอดีวันนี้เข้ามาอ่านเห็นคุณหมอเขียนมารู้สึกดีใจมาก ๆ และก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่  ทั้งรู้สึกดีใจที่คุณหมอยังจำภาพวันนั้นของน้องแอ๊ะแอ๋ได้ และรู้สึกเสียใจกับการจากไปของเค้าในวันนั้น  พวกเราไม่เคยลืมคุณหมอเลย เวลาขับรถผ่านที่คลีนิคก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เราพบกันที่คลีนิคพร้อมกับน้องแอ๊ะแอ๋ทุกทีเลย  ถึงแม้เราจะได้พบได้เจอกันแค่เพียงไม่กี่วัน  มันก็สร้างความประทับใจให้พวกเราไม่มีวันลืมเลือนเลยคะ  ตอนนี้สภาพกายและจิตใจดีขึ้นแล้วค่ะ  เพราะทุกวันนี้ถ้าวันไหนว่าง ๆ ก็จะขับรถไปสนามหลวง 2 ไปดูนกซันตามร้านต่าง ๆ ไปคุยกับคนขายบ้าง  ไปเล่นกับนกของเค้าบ้าง  จนคนขายจำได้แล้ว ว่ามาเล่นนกแต่ไม่ซื้อ  แต่พี่คนขายเค้าก็ใจดี  เค้าให้เรายืนดู ยืนเล่นกับนกเค้าได้ตามสบายเลย  ดูแล้วก็คิดถึงน้องแอ๊ะแอ๋  แต่พฤติกรรมของนกซันพวกนั้น  มันก็ทำให้เราอดขำ  อดหัวเราะในพฤติกรรมตลก ๆ และเสียงร้องกรี๊ด ๆ ของพวกมันไม่ได้ทุกที  ถึงแม้จะไม่ใช่น้องแอ๊ะแอ๋แต่ก็ช่วยคลายความคิดถึงน้องแอ๊ะแอ๋ได้บ้าง  นกซันแต่ละตัวมองเผิน ๆ ดูเหมือนกัน ดูคล้ายกันไปหมด  แต่ก็ไม่มีตัวไหนที่เหมือนหรือคล้ายน้องแอ๊ะแอ๋เลยคะ.....ขอบคุณคุณหมอที่เป็นที่พึ่งทางกายให้กับสัตว์เลี้ยงทุกตัว รวมถึงเป็นที่พึ่งทางใจให้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยงด้วย  และขอบคุณหมอมาก ๆ คะที่รักและนึกถึงน้องแอ๊ะแอ๋  และยังจำเจ้าของน้องแอ๊ะแอ๋ได้..ขอบคุณจากใจจริงคะ..อุ๊+เอ๋+น้องแอ๊ะแอ๋ด้วย! (หนูหลับสบายไปแล้วค่ะ..)
#6
ขอบคุณทุกคนนะคะที่เป็นกำลังใจให้   คิดถึงน้องเค้ามากเลยค่ะมองไปทางไหนก็นึกถึงเค้าตลอด  อยากจะไปดูนกซันที่สนามหลวง 2 เผื่อจะคลายความคิดถึงได้บ้าง แต่ก็กลัวว่ายิ่งเห็นก็ทำให้คิดถึงเค้าหนักกว่าเดิม  เดี๋ยวไปยืนร้องไห้คนขายเห็นจะงงเปล่า ๆ  แต่คิดว่าจะไม่ซื้อมาเลี้ยงแล้วค่ะ  เพราะเราต้องให้เวลาอยู่กับเค้ามาก ๆ แล้วความผูกพันธ์มันก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเราขาดเค้าไม่ได้เลยค่ะ  ทุกวันนี้ก็ไปดูน้องแอ๊แอ๋ที่หลุมศพเค้าทุกวัน  เอาดอกไม้ไปโรยให้เค้า  เอาเมล็ดทานตะวันไปโรยให้เค้า  ตอนนี้ที่หลุมน้องแอ๊ะแอ๋มีต้นดอกทานตะวันขึ้นมาเต็มเลยค่ะ...  ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่ะ.......ขอประชาสัมพันธ์นิดนึง  ตอนนี้ราชพฤกษ์สัตวแพทย์ที่น้องแอ๊ะแอ๋เคยไปรักษา  เค้าเปลี่ยนชื่อแล้วค่ะเป็น  SK ANIMAL CLINIC  อยู่ติดกับ HOME PRO พระราม 5 ถ.นครอินทร์  ราชพฤกษ์  ก่อนถึงวงเวียน  เป็นตึกแถวอยู่ติดกับหมู่บ้านชัยพฤกษ์  ตั้งอยู่ที่เดิมแต่เปลี่ยนชื่อแล้ว คลีนิคเปิดทุกวัน จ. - ศ. 17.00 - 21.00 น.  และ ส. - อา.  9.00 - 21.00 น.  โทร. 02-422-2265  มีคุณหมอตุ้ม  และคุณหมอแอน  คอยดูแลรักษาอยู่ค่ะ...ไม่จำเป็นว่านกของเราต้องป่วยถึงคิดไปหาหมอ  แต่เราสามารถดูแลเรื่องสุขภาพเค้าเวลาที่เค้าปกติดีก็ได้  ลองปรึกษาคุณหมอดูนะคะ
#7
ไม่รู้ว่าบ้านอยู่แถวราชพฤกษ์หรือเปล่าคะ  ถ้าอยู่แถวนี้จะแนะนำให้ไปรักษาที่ราชพฤกษ์สัตวแพทย์ ที่เดียวกับน้องแอ๊ะแอ๋รักษาหน่ะคะ  แต่ตอนนี้คลีนิคเค้าเปลี่ยนชื่อแล้ว  เป็น  SK  AMIMAL CLINIC แล้ว  ตั้งอยู่ใกล้กลับ HOME PRO  พระราม 5 ถ.นครอินทร์  ราชพฤกษ์เป็นตึกแถว อยู่ติดกับหมู่บ้านชัยพฤกษ์ อยู่ก่อนถึงวงเวียนนะคะลองพาไปรักษาดูมั๊ยคะ  คุณหมอแอน เป็นคุณหมอที่รักษาสัตว์ EXOTIC โดยเฉพาะเลยค่ะ  คลีนิคเปิดทุกวัน  จ. - ศ.  เปิด  17.00 - 21.00 น.  และ ส. - อา.  เปิด  9.00 - 21.00 น.  โทร. 02-422-2265  ลองรีบพาเค้าไปนะคะ
#8
ใช่ค่ะ จะบอกคุณ angel ว่า ตอนที่น้องไม่สบายได้อ่านกระทู้ของเจ้าล็อตเต้  เชื่อมั๊ยค่ะตอนที่ยังอ่านไม่ถึงบรรทัดสุดท้ายว่าน้องตาย  แต่เป็นตอนที่น้องอึอเป็นสีเขียว ดีใจมากเลย และคิดว่าถ้าน้องเราอึดเป็นสีเขียวคงจะดี  แต่พออ่านบรรทัดสุดท้ายว่าน้องล็อตเต้ตายตอนที่กำลังกลับมาดุใจแต่ไม่ทัน  ร้องไห้เลยค่ะ  เสียใจแทน และคิดว่าของเราต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ  และก็เข้าความรู้สึกของคุณ Angel ว่าคงเป็นเหมือนกัน  ทุกวันนี้จะไปไหนก็บอกน้องตลอดว่าเราไปด้วยกันนะ  เวลาเข้านอนยังบอกเขาว่า "ได้เวลานอนแล้ว นอนได้แล้ว "  เวลาตื่นนอนก็บอกบอกว่า น้องนอนต่อไปนะ ให้น้องพักผ่อน " มันก็ทำให้รู้สึกว่าน้องหลับอยู่
#9
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ คะ  ทุกวันนี้ก็ยังคงใส่บาตรให้เค้าทุกเช้า  ตั้งใจว่าจะใส่บาตรเพื่อทำบุญให้เค้า  7  วัน  แล้วพรุ่งนี้จะไปทำสังฆทานให้เค้าที่วัด เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เค้า และขออโหสิกรรมแก่เจ้ากรรมนายเวรให้เค้าค่ะ  เวลาตื่นนอนตอนเช้าก็จะคอยเรียกเค้าว่าไปใส่บาตรด้วยกันนะน้องแอ๊ะแอ๋..  เวลากรวดน้ำก็ไปกรวดน้ำใกล้ ๆ หลุมฝั่งศพของเค้า  เอาดอกไม้ไปวางที่หลุมเค้าทั้งเช้า กลางวัน เย็น  คอยเดินไปดูเค้า  ไปเรียกเค้าตลอด  ยังคิดถึงน้องอยู่เลย  แต่กำลังใจดีขึ้นเพราะมีพี่ ๆ น้อง ๆ และเพื่อน ๆ ที่ siamphoenix คอยให้กำลังใจ และเห็นใจค่ะ...ขอบคุณแทนน้องแอ๊ะแอ๋ด้วยนะคะ
#10
ขอบคุณมากๆเลยนะคะที่เข้าใจหัวอกของการสูญเสีย ทุกวันนี้ผ่านไปแค่ 3 วันที่น้องจากไป ก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี คิดถึงน้องทุกวัน
#11
ขอบคุณมากนะคะที่อ่านเรื่องของน้องแอ๊ะแอ๋  คิดว่าบางอย่างอาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เลี้ยงนกพันธุ์นี้ได้บ้าง  ขอบคุณจากใจจริงที่อวยพรให้น้องหลับให้สบาย[/font]
#12
อาลัยน้องแอ๊ะแอ๋..นกน้อยผู้เป็นรักของทุกคน
   เมื่อวาน  วันศุกร์ที่  2 ต.ค. 52  น้องตื่นตอนเช้ามาเข้าห้องน้ำและอึ๊ในชักโครกเหมือนปกติทุกวัน  กินน้ำ  กินอาหารปกติ  แต่พอประมาณ  9.30 น.  น้องเกาะไหล่เราอยู่แล้วก็อาเจียนออกมาเป็นน้ำและเหนียว  เค้าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน  เรายังนึกว่าเค้ากินน้ำเยอะไปแล้วสำรอกออกมาหรือเปล่า  พอสักพักเค้าก็กินน้ำ  กินข้าวโพด  เค้าก็สำรอกออกมาอีก  อุจจาระของเค้าตอนนี้เป็นน้ำใสปนสีขาว  เวลาประมาณ 13.10 น. เราเห็นเค้ารู้สึกเพลียมากจึงพาเค้าไปนอนบนเตียงกับเรา  เค้านอนหลับซุกอยู่บนอกเรา  ตื่นมาอีกทีประมาณ 14.45 น.  ก็พาเค้าไปอึ๊ในห้องน้ำเราเห็นอึ๊เค้าสีไม่เขียวเหมือนเดิม กลับเห็นเป็นสีออกน้ำตาล ปนสีเนื้อคล้ายเลือดเราก็ไม่ค่อยสบายใจแล้ว  คิดว่าเค้าคงอาการไม่ดีแน่ ๆ   จากนั้นเค้าก็บินขึ้นไปเกาะบนราวผ้าม่านที่เดิมที่เคยยืนเล่นประจำ  เราก็เลยเอากระดาษสีขาวไปรองไว้ที่พื้นเผื่อเค้าจะอึ๊ลงมาจะได้เห็นว่าเป็นสีอะไร        ปรากฏว่าเค้าอึ๊ลงมาเป็นสีเหมือนน้ำล้างเนื้อ   เราก็เอาทิชชู่เช็ดแล้วลองดมกลิ่นดูมันคือเลือดจริง ๆ  พอเค้าถ่ายเป็นเลือด 2 – 3 ครั้ง  เราก็รีบพาเค้าไปที่โรงพยาบาลสัตว์มหิดล  แต่พอไปถึงคุณหมอที่รักษาเรื่องนกโดยเฉพาะออกเวรไปแล้ว   แต่คุณหมอท่านอื่นบอกว่าคุณหมอท่านนี้เปิดคลินิกอยู่ประชาชื่น  เรากับน้องจึงรีบพาเค้าไปโดยเร็ว  แต่รถติดมาก ๆ  เราเดินทางออกจากมหิดล  17.30 น.  ไปถึงประชาชื่นก็ประมาณ  19.30 น.  กว่าจะได้พบคุณหมอก็ประมาณ  8.30 น.  แล้ว  เพราะคนเยอะมาก   พอถึงมือหมอเราก็สบายใจเพราะคิดว่าน่าจะรู้สาเหตุ และแก้ไขได้ทัน   คุณหมอถามคำแรกเลยว่าเลี้ยงเค้าแบบปล่อย หรือว่าใส่กรงไว้   เราก็ตอบไปว่าปล่อยให้เค้าเล่นอยู่ในบ้าน ซึ่งก็คงจะเหมือนกับทุก ๆ คนที่เลี้ยงนกซันคอนัวร์ มักจะปล่อยให้เค้าเล่นในบ้าน เพราะเค้าชอบตามเจ้าของมาก ๆ เกาะหัว เกาะไหล่  ก็คงจะอดใจไม่ไหวที่จะไม่ปล่อยเค้าออกมาอย่างแน่นอน  คุณหมอสันนิษฐานว่าเค้าน่าจะไปกัดเอาของประเภทที่มีส่วนประกอบของโละหนัก  ประเภทสารตะกั่ว สารปรอท สังกะสี  หรือโลหะต่าง ๆ  รวมถึงพลาสติกทั่วไป  และพลาสติกที่หุ้มเหล็กไว้อย่างเช่นไม้แขวนเสื้อก็เป็นได้   เหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้  ทำให้เราได้มาฉุดคิดว่า  เค้าชอบกัด และแทะสิ่งของต่าง ๆ  มากมาย  รวมถึงไม้แขวนเสื้อก็ใช่      ถ้าคนที่เลี้ยงนกซันคอนัวร์น่าจะรู้ดีว่ามันชอบกัดทุกอย่าง   แต่ด้วยความที่เราคิดว่าเค้าแค่กัดเล่น  ไม่ได้กินเข้าไป  ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนี่   แต่ทุกคนทราบไหมว่า  สิ่งต่าง ๆ ที่เค้ากัดแทะนั้นมีทั้งสารเคมี  สารพิษ  สารอันตรายต่าง ๆ ปนเปื้อนอยู่มากมาย  เพียงแค่เค้าเอาลิ้นสัมผัสมันก็ซึมซับเข้าสู่ร่างกายของเค้าแล้ว  แต่นกอาจจะยังไม่แสดงอาการใด ๆ จนกระทั่งเค้าได้รับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  และมีการสะสมไว้จากของเก่า  จึงเกิดอาการอย่างที่เห็นนี่แหละ  คุณหมอบอกว่านกที่ได้รับพิษแบบสะสมจะไม่แสดงอาการใด  เพราะสัญชาติญาณของสัตว์เมื่อเค้าอยู่เป็นฝูงถ้าสัตว์ตัวใดแสดงอาการอ่อนแอก็มักจะถูกล่าทันที   เพราะฉะนั้นนกที่พวกเราเลี้ยงมันจึงไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ เกี่ยวกับอาการของเค้าเลย  จนกระทั่งเค้าทนไม่ไหว  ร่างกายรับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว  จึงมีอาการอาเจียน และถ่ายเป็นเลือดอย่างน้องแอ๊ะแอ๋ของเรานี่ไง   คุณหมอป้อนยาฆ่าเชื้อ และยาบำรุงให้ก่อน 1 มื้อ  และสั่งยาให้เราไปป้อนต่อในวันรุ่งขึ้น  พร้อมทั้งให้นำเกลือแร่ใส่น้ำให้เค้ากินด้วย   เรากับน้องก็ถามคุณหมอตรง ๆ เลยว่า  อาการแบบนี้เค้ามีโอกาสเสียชีวิตมากมั๊ย   คุณหมอท่านก็ตอบตรง ๆ เลยว่า "มี"  เท่านั้นแหละเราก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว  ทั้งที่เราร้องไห้ตั้งแต่บ่าย 3 โมง  จนกระทั่งมาที่โรงพยาลบาลนี้  เพราะเราเห็นอาการเค้าก็น่าตกใจและสลดหดหู่เติมทีแล้ว  และหวังเพียงว่าถ้าได้พบคุณหมออาจจะช่วยชีวิตเค้าไว้ได้  แต่อาการของเค้าเป็นค่อนข้างหนักแล้ว  แต่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าเค้ามีความอดทนมาก ๆ เค้าพยายามที่จะกินน้ำเมื่อเค้ารู้สึกหิว ยืนเกาะคอนไว้แน่นไม่มีอาการโซเซแต่อย่างได้  ซึ่งทำให้เรามีกำลังใจที่จะดูแลเค้าให้เต็มที่เพื่อเค้าจะมีชีวิตรอดอยู่กับเราต่อไป  คุณหมอนัดมาดูอาการอีกครั้งวันอาทิตย์ ที่ 4  ต.ค. 52  เราได้แต่หวังว่าเค้าจะหายแล้วมาพบคุณหมอด้วยอาการร่าเริงในวันอาทิตย์นี้   หลังจากหาหมอเสร็จกลับถึงบ้านก็ให้เค้าเข้านอนในที่นอนของเค้าบนโต๊ะ ห่มผ้าให้เค้าก่อนนอนเหมือนเช่นเคย  เค้าก็นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ  เราคอยลุกมาดูเค้าตลอดนอนไม่หลับเลย  คิดเพียงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นแค่ความฝันเท่านั้น แต่มันกลับเป็นเรื่องจริงที่เรายังทำใจรับมันไม่ได้เลย เวลาประมาณ ตี 2  เราได้ยินเสียงเหมือนเค้าตื่น แล้วเค้าก็มาเกาะแขนเราเพื่อเข้าไปกินน้ำในกรง  หลังจากนั้นเค้าก็ยืนหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่บนคอนของเค้าจนถึงเช้า  
วันเสาร์ ที่ 3 ต.ค. 52  พอตอนเช้าเราเดินจะไปห้องน้ำเค้าตื่นนอนมา แล้วก็เรียกชื่อเราเหมือนที่เค้าเรียกทุกเช้า แต่คราวนี้เค้าเรียกเพราะเค้าอยากให้เราอยู่ใกล้ ๆ เค้า  ไม่อยากให้เราเดินไปไหนเลย  เราได้แต่นั่งร้องไห้อยู่หน้ากรงเค้า เพราะเค้าก็ยังถ่ายเป็นเลือดอยู่เลย  เราคิดว่าเค้าน่าอยู่กับเราได้อีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว  เพราะถ้าเค้ายังถ่ายเป็นเลือดอยู่แบบนี้เลือดเค้าก็ต้องหมดตัวแน่ ๆ  ตอนนี้เราอยากให้ถึง 10.00 น. เร็ว ๆ  เพื่อจะได้ป้อนยาให้เค้าเป็นมื้อที่ 2  เผื่อจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดและทรมานของเค้าให้เร็วขึ้น  หลังจากป้อนยาเค้าก็เพลียยืนหลับๆ ตื่นๆ เหมือนเคย  แต่ก็ยังถ่ายเป็นเลือดอยู่  ตอนนี้ก็ได้แต่รอเวลาว่าเค้าจะอยู่กับเราได้ถึงคืนนี้มั๊ย.....เสียใจที่สุดที่เค้ากำลังจะจากไป....แต่ก็ดีใจที่ได้รักเค้า พวกเราทุกคนสัญญาว่าจะดูแลเค้าไปตลอดจนกว่า จะถึงวาระสุดท้ายอย่างดีที่สุดตอนนี้เวลา14.16 น.
วันเสาร์ที่  3 ต.ค. 52  ช่วงเย็นประมาณ 17.30 น.  เราและน้องทนเห็นสภาพที่เค้าถ่ายเป็นเลือดตลอดเวลา
ไม่ไหวแล้วเหมือนนั่งรอเวลาว่าเค้าจะไปจากเราเมื่อไหร่ซึ่งเราก็ทำใจไม่ได้  จึงตัดสินใจโทรไปถามที่โรงพยาบาลมหิดลเรื่องการใช้วิตามิน k เพื่อการห้ามเลือดที่เค้าถ่ายออกมาไม่หยุดเลยว่าจะสามารถทำได้มั๊ย    ทาง รพ.จึงแนะนำให้เราไปที่  "ราชพฤกษ์สัตวแพทย์ " คลินิกรักษาสัตว์ อยู่ติดกับ Home Pro พระราม 5 เค้าให้เบอร์โทรศัพท์มา 02-422-2265  เพราะที่นี่มีคุณหมอที่เก่งเรื่อง Exotic-pet  เราจึงเดินทางพาเค้าไปพบคุณหมอโดยเร็ว  เพราะเราคิดว่าการที่เราพยายามทำทุกอย่างทุกวิถีทางให้เค้าหายจากการทรมานครั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถช่วยชีวิตเค้าไว้ได้หรือไม่ก็ตาม  เราก็จะทำและทำให้ดีที่สุดเพื่อเค้าเป็นครั้งสุดท้าย   พอถึงคลินิกคุณหมอก็เห็นว่าเค้าถ่ายเป็นเลือดแต่คุณหมอไม่แสดงอาการตกใจหรือทำให้เรารู้สึกใจเสียแต่อย่างใด    คุณหมอหยิบตำราเกี่ยวเรื่องนกต่าง ๆ มากมายมาให้เราได้อ่าน ให้ดูรูปภาพพร้อมทั้งอธิบายโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดกับนกให้เราได้ทำความเข้าใจที่มาที่ไปของอาการแทรกซ้อนจนทำให้เค้าต้องอาเจียนและถ่ายเป็นเลือดให้เราฟังจนเข้าใจ  (คุณหมอท่านเก่งและมีความเชี่ยวชาญในการศึกษาเรื่องโรคต่าง ๆ เป็นอย่างดี)  ตามที่คุณหมออธิบายให้ฟังเราพอจับต้นชนปลายได้ว่า  น้องแอ๊ะแอ๋น่าจะมีเชื้อไวรัส  PBFD (Psittacine beak and Feather disease)  หรือ โรคไวรัสปากและขนในนกแก้ว   สาเหตุ : เกิดจากเชื้อไวรัส คือ Diminuvirus ซึ่งเป็นไวรัสชนิดใหม่อยู่ในกลุ่ม Microvirus สามารถติดต่อได้ง่ายและรวดเร็วผ่านทาง fecal-oral route  อาการ :  ความผิดปกติของจงอยปาก และเล็บ คือ งอกยาวเร็วกว่าปกติ  มีรอยร้าว เปราะ แตกง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ปาก  ผิวมันกว่าเดิม  จงอยปากที่หัก หรือเล็บอาจเกิดลักษณะแผลเรื้อรังจนถึงเนื้อตาย  ปากบนและล่างบิดเบี้ยวสบกันไม่สนิท  ความผิดปกติของขน คือ  ขนหลุดร่วงบริเวณลำตัว หัว และปีกอย่างรวดเร็ว  ขนใหม่เกิดขึ้นมายังไม่ทันจะสมบูรณ์เต็มเส้นก็หลุดร่วงออกไปโดยมีลักษณะคอดตรงโคนหรือ บิดเบี้ยว  ขนอ่อนขึ้นประปรายโดยทั่วไป  ในระยะท้าย ๆ มักไม่มีขนเหลือ  การรักษา : ยังไม่สามารถรักษาให้หายได้ นกที่ป่วยด้วย PBFD จะตายโดยโรคแทรกซ้อนภายใน 2 ถึง 4 ปี การรักษาจึงเป็นเพียงป้องกันโรคแทรกและสร้างความแข็งแรงแก่นกเช่นให้ยาปฏิชีวนะ วิตามินและฮอร์โมนช่วยเป็นระยะ ๆ  คำแนะนำ : ทำการฆ่าเชื้อกรงและสถานที่ใกล้เคียง ซึ่งนกป่วยอาศัยอยู่ โดยการล้าง ขัดถู และฟอกด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค  หากมีการเกิด PBFD ของนกที่เป็นพ่อแม่พันธุ์ให้ยุติการขยายพันธุ์ อย่างน้อย 2 ปี ถึง 3 ปี และกำจัดตัวที่ป่วยออกไปจากโปรแกรมการขยายพันธุ์  แยกนกป่วยไปให้ห่างไกลจากนกปกติ และมีการป้องกันการแพร่กระจายของโรคนี้อย่างเข้มงวด   สำหรับเชื้อไวรัส  PBFD ยังรักษาไม่หาย
ทั้งหมดที่เล่ามานี้  เราได้รับฟังการอธิบายมาจากคุณหมอ พร้อมทั้งดูจากตำราที่คุณหมอนำมาให้อ่านด้วย จึงพอสรุปได้ว่า  ในตัวน้องแอ๊ะแอ๋เค้ามีเชื้อไวรัส PBFD อยู่  เมื่อไหร่ที่น้องเครียด ร่างกายอ่อนแอ ไม่มีภูมิต้านทาน  ก็จะมีโรคแทรกซ้อนมากมายหลายโรคเข้ามาทำลายภูมิคุ้มกันในร่างกายของน้องทันที   สำหรับน้องแอ๊ะแอ๋คุณหมอนำอุจจาระไปตรวจดูเพื่อจะได้ทราบว่าน้องได้รับเชื้ออะไร  จึงทำให้น้องอาเจียนและถ่ายเป็นเลือดแบบนี้  แต่ปรากฏว่าคุณหมอตรวจแล้วไม่พบ  กรณีนี้คุณหมอบอกว่าอาจเกิดขึ้น 2 กรณี คือ กรณีที่ 1 ยาฆ่าเชื้อที่ได้รับจากโรงพยาบาลแรกที่ไปหานั้น  ให้น้องกินมาแล้ว 2 มื้อ  ยาอาจจะฆ่าเชื้อไปแล้ว  หรือ  กรณีที่ 2  เชื้อได้เข้าไปลึก หรือไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่งในร่างกายน้อง  ทำให้หาเชื้อไม่เจอก็ได้    แต่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นกรณีที่ 2 มากกว่า  เพราะถ้าเป็นแบบกรณีแรกหลังจากให้ยามาแล้ว 2 มื้อ  ทำให้น้องถึงยังถ่ายเป็นเลือดอยู่  แถมยังมากขึ้นทั้งสีเข้ม และข้นขึ้น  ปริมาณมากขึ้น  ระยะเวลาถ่ายถี่ขึ้น  ไม่เห็นอาการจะดีขึ้นตรงไหน  มีแต่แย่ลงมากกว่า  คุณหมอเลยฉีดยาฆ่าเชื้อ โดยคาดว่าน่าจะเป็นเชื้อโปรโตซัว  ที่ทำให้น้องแอ๊ะแอ๋มีอาการแบบนี้
เวลา 19.30 น.  คุณหมอฉีดยาให้น้อง 2 เข็ม และให้ยามาป้อนน้องด้วย  คุณหมอบอกว่ายาฆ่าเชื้อที่ฉีดไปจะออกฤทธิ์ ภายใน 6 ชม.  พอกลับมาถึงบ้านเราก็นั่งสังเกตการณ์ถ่ายของน้องว่าเป็นสีอะไร หลังจากฉีดยาได้ประมาณ 2 ชม. สีของอุจจาระ ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง  สีน้ำตาลเข้ม  และเป็นสีเขียว  ตามลำดับ  แสดงว่าคุณหมอมาถูกทางแล้ว  น้องน่าจะได้รับเชื้อโปรโตซัวจริง  เพราะหลังจากได้รับยาน้องมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  พวกเราทุกคนดีใจมากที่น้องแอ๊ะแอ๋หยุดถ่ายเป็นเลือดแล้ว  เราคอยมองคอยดูเค้าเกือบตลอดทั้งคืน  และเป็นแบบนี้มา 2 คืนแล้ว  พอถึงเช้าวันอาทิตย์ที่ 4 ต.ค.52  น้องแอ๊ะแอ๋ลืมตาแป๋วเลย  ผิดกับเมื่อวานที่ตาสะลึมสะลือคอยแต่จะหลับตาอยู่อย่างเดียว  วันนี้น้องดีขึ้นมาก ๆ ทุกคนดีใจ  เค้าเรียกชื่อเราว่า "พี่เอ๋ " เหมือนที่เค้าเคยเรียก  เค้าส่งเสียงกรี๊ดเมื่อเห็นคนเดินเข้ามาเหมือนที่เค้าทำเป็นประจำ    อาการภายนอกของน้องดูน่าจะสบายดี   และดูปลอดภัยทุกอย่าง  ถึงแม้โอกาสปลอดภัยของน้องอาจจะมีเพียงแค่ 1% จนถึง 50%  แต่ไม่ถึง 100% ก็ตาม  แต่ก็ยังดีกว่าวันก่อน ๆ ที่ถ่ายเป็นเลือดตลอดเวลาแน่นอน  วันนี้น้องทำให้เรากินข้าวได้ซะที  หลังจากที่ไม่ได้กินอะไรเลยมาตั้งแต่เย็นวันศุกร์ที่น้องเกิดเรื่องนั่นแหละ   ตอนเย็นคุณหมอนัดน้องมาฉีดยาอีกครั้ง  เวลา 19.00 น.  เพื่อจะได้เวลาใกล้เคียงกับการฉีดยาให้ในวันแรก   พอถึงเวลานัดเรากับน้องสาวและน้องแอ๊ะแอ๋ก็เดินทางไปหาหมอกัน  พอไปถึงคุณหมอยังมาไม่ถึงเราก็นั่งรอสักพัก  พี่ผู้ช่วยที่อยู่ที่โรงพยาบาล  พอเค้าเห็นว่าน้องแอ๊ะแอ๋มา และมาด้วยอาการที่ดีขึ้นมาก  เค้าก็ดีใจมานั่งคุยกับน้อง  น้องก็พยักหน้าไปมาเป็นการตอบรับด้วย   พอคุณหมอแอนและคุณหมอตุ้มมาถึงเห็นน้องแอ๊ะแอ๋มาก็ดีใจที่เค้าหายจากอาการถ่ายเป็นเลือดแล้ว  แถมยังแซวด้วยว่าวันนี้เจ้าของก็อาการดีกว่าเมื่อวานเยอะเลย   คุณหมอพาน้องไปฉีดยาเหมือนเมื่อวาน  เราก็เล่าอาการแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้คุณหมอฟังว่าเวลาเค้ายืนนอนหลับอยู่บนคอน  ทำไมเค้าก้มหัวลงมาเยอะจัง  เค้าเป็นอะไรหรือเปล่า  คุณหมอบอกว่าน่าจะเป็นเกี่ยวกับการหายใจของเค้า   อาจจะเกิดจากการสำลักอาหารของเค้าในวันที่เค้าอาเจียน  อาหารไม่ย่อย  กระเพาะพักอาหารไม่ทำงาน  แล้วอาหารนั้นก็สำลักลงปอดไปก็เป็นได้  เราได้ฟังก็เริ่มไม่ค่อยสบายใจ เพราะเค้าก้มคอลงมาเยอะมากดูไม่ค่อยดีเลย  แต่อาการอย่างดูภายนอกดีหมด  นอกเสียจากว่าเค้าเก็บอาการสาหัสและรุนแรงไว้เท่าที่เค้าจะทนได้ก็ไม่รู้   เรากับน้องสาว และน้องแอ๊ะแอ๋ขอบคุณคุณหมอที่ช่วยรักษาและช่วยชีวิตเค้า  ส่วนคุณหมอก็พูดกลับมาว่าแบบนี้ไม่ได้เรียกว่าช่วยชีวิตเท่านั้น  แต่เป็นการกู้ชีวิตน้องแอ๊ะแอ๋ต่างหาก  พอกลับถึงบ้านเราเตรียมอาหารเตรียมยาเพื่อจะป้อนให้เค้า  พอดีน้องสาวเราโทรเข้ามา น้องแอ๊ะแอ๋ก็เรียกชื่อน้องเราว่า  " พี่อุ๊ "  น้องสาวเราดีใจมากที่เค้ายังจำได้และยังมีแรงที่จะเรียกชื่ออยู่    หลังจากนั้นเราป้อนอาการและยาน้องก็ยืนนอนหลับบนคอนก้มหน้าลงมากเหมือนเดิม  เราก็เริ่มไม่สบายใจมากขึ้นเพราะสงสัยในอาการและโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่พยายามประเดประดังเข้ามาในทุก ๆ นาทีสำหรับผู้ที่อ่อนแอจริง ๆ   คืนนั้นเรานอนไม่หลับนั่ง  Search Internet โรคต่าง ๆ  ข้อมูลต่าง ๆ  ที่เกี่ยวกับอาการป่วยของนก และเรื่องอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้กับเค้า  อ่านเสียจนเครียดเพราะแต่ละคนที่เล่าประสบการณ์  พร้อมทั้งเอกสารทางวิชาการที่เราได้อ่านนั้น  สุดท้ายเค้าก็ต้องจากเราไปอยู่ดี  ด้วยอาการที่เกิดขึ้นหลาย ๆ แบบ  มีทั้งหนัก และเบา หรือเฉียบพลับไปเลยก็มี   ประมาณ ตี 2  เราแอบดูน้องแอ๊ะแอ๋อีกครั้งว่าเค้าเป็นยังไงบ้าง  เห็นเค้าหลับดีไม่เป็นอะไรก็สบายใจแล้ว  เราเอาผ้ามาคลุมกรงเข้าไว้หลาย ๆ ชั้น  เอาถุงเจลร้อนวางไว้ที่ไต้ผ้าให้เค้านอน ไม่เปิดแอร์  เพราะน้องแอ๊ะแอ๋ป่วยอยู่ต้องการความอบอุ่นของร่างกายมากที่สุด คืนนี้ก็เป็นอีก 1 คืน ที่เรานอนแต่ไม่ค่อยหลับเพราะกังวลเรื่องอาการป่วยของเค้า  เราคอยลุกมาเปิดผ้าคลุมกรงแอบบดูเค้าเพื่อจะได้คอยสังเกตถึงความผิดปกติของเค้าหลังจากผ่านอาการป่วยที่เรียกได้ว่า "ขั้นโคม่ามาก ๆ"  มาแล้ว
วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2552  ตอนเช้าเราตื่นมารีบลุกขึ้นมาดูน้องก่อนเป็นอันดับแรก  ว่าเค้ายังอยู่ดีมั๊ย  สบายดีมั๊ย  มีอาการอะไรผิดปกติอะไรหรือเปล่า  พอเปิดผ้าที่คลุมกรงแอบดูเค้า  เค้าก็ลืมตามองมาที่เราแล้วเค้าก็ผงกหัวทักเราทันที  แต่ถ้าปกติตอนที่เค้าสบายดีไม่ได้เป็นอะไร  เค้าจะเรียกชื่อเราทันที  "พี่เอ๋  พี่เอ๋...."  พอเค้าตื่นได้สักพัก  เวลา 8.00 น. ก็ได้เวลาป้อนอาหารและป้อนยาเค้าแล้ว  เราเห็นเค้าขย่อนอาหารออกมานิดหนึ่งก็เลยนำมาดูก็เป็นอาหารที่เค้ากินไปเมื่อวาน  อาจจะย่อยไม่หมดก็ได้    จากนั้นเราก็จุบเค้ามาป้อนอาหาร  ป้อนยา  เค้าไม่ดื้อเลย  ยอมกินทั้งอาหาร  ยอมกินทั้งยา  เพราะเราเชื่อว่าจิตใจเค้าเข็มแข็งมาก  เค้าก็คงอยากจะหายจากอาการป่วยเหมือนกัน  ป้อนอาหารไปพลางก็พูดอธิบายบอกเหตุผลที่ต้องกินอาหารให้เค้าฟังว่า ถ้าน้องไม่กินอาหารกระเพาะน้องก็ไม่มีอาหารให้ย่อย  มันก็จะไปย่อยอย่างอื่นแทนก็ได้นะ   เวลาป้อนยาก็เหมือนกันก็อธิบายไปพลางป้อนไปพลางว่าถ้าน้องอยากหายเร็ว ๆ อยากมาเล่นกับพี่เอ๋เร็วน้องต้องกินยานะจะได้หายไม่สบายไง  น้องแอ๊ะแอ๋เค้าก็ยอมกินแต่โดยดีไม่ขัดขืนเลย   น้องน่ารักมาก ๆ  น่ารักที่สุดเลย พี่เอ๋รักน้องมากๆ  แล้วก็หอมหัวเค้าเบา ๆ   เราพูดกับเค้าเมื่อป้อนยาเสร็จ    ซึ่งคำพูดพวกนี้เป็นคำพูดที่เราพูดอยู่กับเค้าเป็นประจำ  และหอมหัวเค้า  จุ๊บปากเค้า  แล้วก็บอกรักเค้าเป็นประจำทุกวัน  และตลอดเวลาด้วยซ้ำไป    เวลา 09.10 น. หลังจากเค้ากินอาหารและกินยาเสร็จสักพักเค้าก็ยืนหลับอยู่บนคอน  คอเค้าไม่ก้มลงมาแล้วเราก็ดีใจ   แต่คอเค้ากลับหงายคอขึ้น พร้อมหมุนคอไปเกือบจะ 360 องศาแล้ว แล้วก็มีอาการกระตุกเล็กน้อย  เราเห็นแบบนี้ก็ตกใจมาก  แล้วก็เริ่มรู้ในทันทีว่านี่คือการเริ่มต้นของอาการชัก  เพราะพอเค้าเริ่มป่วยเราก็เริ่มศึกษา  ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณหมอที่รักษาน้องบ้าง  จาก Internet  บ้าง   ทำให้เราแน่ใจว่านี่คืออาการชักแน่นอน   เราจึงรีบอุ้มเค้ามาห่อผ้าหนา ๆ พร้อมทั้งกอดเค้าไว้เพื่อให้เค้ารู้สึกอบอุ่น  และหอมหัวเค้าเบา ๆ แล้วก็บอกรักเค้าว่า  แอ๊ะแอ๋  พี่เอ๋รักน้องมาก ๆ นะ  น้องสวยมาก ๆ น้องเก่งมาก ๆ  พร้อมทั้งน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาไม่หยุด  เพราะนี่คืออาการที่บ่งบอกว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับเค้าแล้ว  เรารีบโทรบอกแม่  โทรบอกน้องให้รีบมาดูใจเค้าหน่อยเพราะเค้ารอทุกคนที่เค้ารักจริงๆ  เค้ามีอาการชักแบบไม่หนัก 3 – 4 ครั้ง  แต่ที่อาการหนักคือหมุนคอดิ้นไปมา พร้อมร้องดังด้วยความเจ็บปวด  เราก็แทบขาดใจทุกครั้งที่เห็นเค้าชัก  น่าสงสารน้องมาก ๆ    น้องสาวเรารีบมาจากที่ทำงานเพราะกลัวว่าจะมาดูใจเค้าไม่ทัน  เวลา 14.00 น. น้องเรากลับมาถึงบ้าน  น้องเราเรียกชื่อเค้าว่า  " แอ๊ะแอ๋ " ด้วยอาการที่แย่มากไม่ร้อง ไม่พูด ไม่เรียกใคร  แต่พวกเราทุกคนกลับได้ยินเสียงตอบกลับมาเป็นเสียงกรี๊ดเสียงดังมาก  เค้าตอบรับเสียงที่น้องสาวเรามาหาเค้า และทักทายเค้าด้วยความดีใจมาก ๆ เหมือนทุก ๆ วันที่เวลาตอนเย็นเค้าคอยรอทุกครั้งว่าเมื่อไหร่พี่อุ๊จะมาสักที   เพราะตอนที่เค้าไม่ได้ป่วยจะคอยฟังเสียงรถ เสียงปิดประตูรถ  พอได้ยินเท่านั้นแหละก็กรี๊ดดังลั่นบ้านไปหมด  พอเจอหน้าก็เรียกชื่อ  พี่อุ๊  รักมาก  รักมาก ๆ ทุกวัน   แต่ตอนนี้เค้าแสดงอาการทักทายได้แค่เพียงกรี๊ดดังมากเพียงหนึ่งครั้งเค้าก็นอนซุกผ้าอยู่ในอ้อมกอดของเราบ้าง  น้องสาวเราบ้าง  เวลานี้มีแต่เสียงร้องไห้  พร้อมน้ำตาและความอาลัยอย่างสุดซึ้ง  พร้อมทั้งเสียงสวดมนต์  เสียงแผ่เมตตา  เสียงภาวนาให้เค้ารอดให้เค้าปลอดภัยดังระงมไปหมด  เพราะด้วยความรักและความผูกพันที่เราทั้งครอบครัวมีให้แก่เค้า และเค้าก็มีให้แก่เราอย่างแน่นอนที่ทำให้ทั้งเค้าและพวกเรารักและผูกพันกันมากขนาดนี้   เราและน้องสาวได้แต่นั่งดูเค้าไม่ให้คลาดสายตาเลย  กลัวว่าเค้าจะเป็นอะไรไปไม่ทันได้ลากันก่อน   พอเค้ามีอาการชักมากขึ้น ๆ  อาการหายใจลำบากของเค้าก็ทำให้เค้าต้องหายใจทางปากบ้าง  แล้วก็หายใจรวยริน  และค่อย ๆ แผ่วเบาบางเป็นช่วง ๆ ไป  เราและน้อง  แม่และแฟนเราก็เค้ามาให้เค้าเห็นหน้าตลอด  ว่าทุกคนรักแอ๊ะแอ๋มาก ๆ ทุกคนอยู่กับน้อง  อยู่ใกล้ๆ  น้องนะ  สายตาเค้าเริ่มกลอกไปมาซ้ายขวา  แต่เค้าหน้าพวกเราทุกคนว่าอยู่ใกล้ ๆ เค้าจริง ๆ ไม่มีใครทิ้งเค้าไปไหนเลย  แค่นี้น้องคงดีใจมากที่สุดแล้วใช่มั๊ยน้องรักของพี่เอ๋และทุก ๆ คน  อาการชักของเค้าเริ่มจาก 1 ชม. ชัก  แล้วค่อยลดลงเป็น 45 นาที  30  นาที  20  นาที  และ  15  นาที    พวกเราจึงค่อย ๆ บอกเค้าว่าถ้าเค้าทนไหวจนถึง 6  โมงเย็น  เพื่อจะได้ไปพบคุณหมอที่ช่วยชีวิตน้องไว้  ก็ให้น้องอดทนไว้นะ  เพราะวันนี้คุณนัดฉีดยาอีกเป็นครั้งที่ 3  ตอน  6  โมงเย็น  แต่ถ้าน้องอยู่สู้ไม่ไหวแล้ว   มันทรมานมากแล้ว   ก็ขอให้น้องหลับและไปให้สบายนะลูกนะ  น้องจะไม่เหนื่อย  ไม่ทรมานอีกแล้ว  เราคอยหันไปมองนาฬิกาอยู่ตลอดว่าเค้าจะอยู่ถึง  5  โมงเย็นมั๊ย   ถ้าอยู่ถึงเราก็จะรีบพาเค้าไปรอคุณหมอที่คลินิกเลย   เวลา 16.20 น. แล้ว ปรากฏว่าเค้ายังอยู่  พวกเราเลยรีบจัดของขึ้นรถ  แล้วบอกน้องว่าไปหาคุณหมอกันนะลูกนะ   ไม่น่าเชื่อว่าน้องแอ๊ะแอ๋ทำตาโตแป๋วเลย  เหมือนดีใจที่ได้ไปหาคุณหมอ  และระหว่างการเดินทางน้องก็ไม่ชักเลย   ทั้งที่ก่อนหน้านี้อาการเค้าก็ไม่ดีอยู่แล้ว    พอถึงคลีนิคคุณหมอก็รีบฉีดยาแก้ชัก พร้อมทั้งให้ดมยาและให้ออกซิเยนแก่น้องโดยทันที   ระหว่างที่น้องดมยาและให้ออกซิเยนอยู่น้องก็มีอาการชักเป็นพัก ๆ  แต่การหายใจของเค้าเริ่มดีขึ้น หายใจสะดวกขึ้น   จมูกและเท้าที่เริ่มซีดมากตอนมาถึงก็ค่อย ๆ ดีขึ้น    ระหว่างอยู่ในห้องกับน้องแอ๊ะแอ๋เราหันมองนาฬิกาว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว  เป็นเวลา  18.40 น.  เราต้องป้อนยาน้องแล้ว  ก็รีบไปหยิบยามาป้อนน้องอีกครั้ง  น้องกินง่าย ไม่ปฏิเสธเลยสักนิด  เราก็บอกรักน้องว่า  รักน้องมาก ๆ นะ  น้องเก่งมาก ๆ  คำว่าเก่งมาก ๆ เป็นคำพูดที่มาจากเค้านั่นแหละ  เวลาเค้าทำพฤติกรรมอะไรก็ฉลาดและแสนรู้  เราก็มักจะถามเค้าว่า "ใครเก่ง" เค้าตอบว่า  " แอ๋  "   เราก็ถามต่อว่า  " แล้วน้องเก่งมากมั๊ย  " เค้าก็ตอบว่า  " เก่งมาก  เก่งมาก ๆ "  นี่แหละคือที่มาของคำว่า  " เก่งมาก ๆ  "    ซึ่งน้องแอ๊ะแอ๋เค้าก็เก่งมาก ๆ จริง ๆ  ที่อดทนต่อความเจ็บปวด และทรมานกับอาการที่เค้าเป็นมาได้นานขนาดนี้   ถือว่าทั้งเก่ง และอดทนมาก ๆ จริง ๆ    เวลา  19.10 น.  คุณหมออีกท่านที่ดูแล case ของน้องอยู่มาถึง   คุณหมอมาดูน้องน้องก็ชักให้คุณหมอดูทันทีเลย  เราและน้องสาวก็สอบถามคุณหมอถึงอาการชักของเค้าว่าเกิดจากอะไร  คุณหมอก็อธิบายว่า  เชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายแล้วมีทั้งชนิดที่อยู่ในกระแสเลือด ซึ่งมียาที่สามารถเข้าไปยับยั้งเชื้อโรคตัวนั่นได้   แต่ถ้าเชื้อโรคเข้าสู่สมองเมื่อไหร่ก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้  ทำให้แค่เพียงการให้ยาระงับอาการชัก  เพราะอาการชักเกิดจากเชื้อโรคเข้าสู่สมองแล้ว   และอีกวิธีที่ต้องทำควบคู่กันคือ  การให้ยาบำรุงสมอง  เพื่อเข้าไปต้านเชื้อโรคนั้น ๆ ไม่ไห้แข็งแรงไปกว่าร่างกายที่เราเป็นอยู่ในสภาพปกติ  นี่คืออาการที่คุณหมอสันนิษฐานว่า  น้องแอ๊ะแอ๋  น่าจะได้รับเชื้อที่เค้าเป็นในปริมาณที่มาก หรืออยู่ในระดับที่ยาไม่สามารถควบคุมได้หมดทุกจุดโดยเฉพาะที่สมอง  ซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้  แต่พอจะควบคุมได้ด้วยวิธีข้างต้น หลังจากที่คุณหมออธิบายให้เราและน้องสาวเข้าใจในกระบวนการแพร่เชื้อของเชื้อโรคแล้วนั้น   คุณหมอก็เริ่มฉีดยาแก้ชักให้น้องแอ๊ะแอ๋   พอฉีดยาเสร็จยาก็เริ่มออกฤทธิ์ทันที  น้องแอ๊ะแอ๋ค่อย ๆ นิ่งไป  แต่หายใจอยู่  เหมือนสลบแต่ยังรู้สึกตัว แค่ไม่ดิ้นโวยวาย  เพราะคุณหมอกำลังจะให้น้ำเกลือแก่เค้า  ถ้าเค้าดิ้นก็จะเจาะเข็มให้น้ำเกลือไม่ได้   เวลา  19.25 น.  คุณหมอเริ่มให้น้ำเกลือแก่น้องแอ๊ะแอ๋ และบอกเรากับน้องว่า  เดี๋ยวจะให้น้ำเกลือกลับบ้านไปด้วย  พร้อมทั้งให้ยาแก่ชักด้วย  ให้คอยป้อนเค้าตามปริมาณที่กำหนด  แต่ถ้ามีการชักก็จะมีการเพิ่มความถี่ในการให้มาไปเรื่อยตามลำดับ  แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาดูกันว่าเป็นยังไง  น้องจะดีขึ้นมั๊ย    พอคุณหมออธิบายเสร็จพวกเราก็สบายใจคิดว่าน้องน่าจะมีความหวังมากขึ้น  เวลา 19.30 น. เราพาแม่ไปทานข้าวร้านอาหารข้างๆ คลินิกนี่แหละ แต่น้องเราเค้าไม่ไปก็เลยนั่งเฝ้าน้องให้น้ำเกลืออยู่ เวลา 19.50 น.   เรากำลังนั่งกินข้าวอยู่กับแม่ในร้าน  และกินด้วยความรีบร้อน  เพราะเป็นห่วงน้องแอ๊ะแอ๋อย่างรีบกลับไปเฝ้าเค้าเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  น้องเราบอกว่าให้รีบมาดูน้อง  น้องแอ๊ะแอ๋เค้าจะไปแล้ว  เรารีบวิ่งออกจากร้านไปที่คลีนิคซึ่งอยู่ถัดกัน 2-3 ห้อง พอเห็นสภาพน้องแอ๊ะแอ๋น้ำตาก็ไหลและร้องไห้ชนิดที่ว่าแทบขาดใจเลยทีเดียว  คุณหมอกำลังนวดหัวใจเค้า  เรารีบโทรบอกแม่ให้รีบมาดูใจน้องทันที  แม่ก็รีบวิ่งมา  เรารีบโทรหาแฟนเราเพราะเค้าก็รักน้องแอ๊ะแอ๋และดูแลเค้าอยู่ทุกวัน  น้องสาวเราเล่าว่าเค้าหายใจแรง และดังเฮือก ๆ  3  ครั้ง  แล้วก็อึออกมา  แล้วก็นิ่งไป  คุณหมอฉีดยากระตุ้นหัวใจ  นวดหัวใจ  แล้วเค้าก็กลับมาแบบรวยระรินเต็มที  คุณหมอบอกให้ทุกคนบอกลาน้องแอ๊ะแอ๋ซะเค้ากำลังจะไปแล้ว  เราและน้องสาวบอกลาน้องและจูบลาน้องเป็นครั้งสุดท้าย  เราเปิดลำโพงให้แฟนเราได้บอกลาน้องเป็นครั้งสุดท้าย  แม่ร้องไห้และบอกลาน้อง  และคนสุดท้ายก็คือคุณหมอที่รักและเป็นห่วงน้องคอยดูแลน้องและให้การรักษาน้องอย่างดีที่สุด  ทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยชีวิตเค้าไว้  ถึงแม้ด้วยเวลาที่รู้จักกันมันสั้นนิดเดียว  คุณหมอก็ยังรู้สึกรักน้องแอ๊ะแอ๋เลย   คุณหมอบอกลาน้องด้วยน้ำตาไม่ต่างไปจากพวกเราทุกคน  
เวลา 20.00 น.  หัวใจน้องหยุดเต้น  คุณหมอฟังหัวใจอีกครั้ง และน้องแอ๊ะแอ๋ น้องรักของพวกเราทุกคนก็จากไปอย่างสงบ และไม่มีวันกลับ  แต่เค้าดูเหมือนนอนหลับไปอย่างสบาย ไม่ทุกทรมานร่างกายอีกต่อไป  และคำที่ทุกคนพูดให้แก่เค้าเป็นครั้งสุดท้าย ก็คือ  " ขอให้น้องแอ๊ะแอ๋  หลับให้สบายนะ  น้องไม่ต้องทรมานอีกแล้ว  หมดเวรหมดกรรมกันซะที  น้องน่ารักมาก ๆ  น้องเข้มแข็งมาก ๆ    น้องอดทนมาก ๆ  และน้องเก่งมาก ๆ  เก่งมากจริง ๆ  ขอให้น้องไปสู่สุคตินะลูกนะ... หวังว่าความรักและความผูกพันที่พวกเรามีให้แก่น้อง  จงดลบันดาลให้น้องได้กลับมาเจอ และมาอยู่กับครอบครัวของพวกเรา   มาสร้างความรัก   สร้างความสุข   สร้างความสนุก และสร้างความผูกพันดี ๆ   เหมือนที่น้องได้ทำไว้กับพวกเราทุกคนในชาตินี้อีกนะ       พวกเราทุกคนจะรอน้องนะ  " น้องแอ๊ะแอ๋ " ทุกคนรักน้องมาก ๆ  รักน้องที่สุดเลย....ลาก่อนนะน้องรัก "
วันที่ 6  ตุลาคม 2552  วันนี้เป็นวันเกิดพี่อุ๊  พวกเราทุกคนตั้งใจจะใส่บาตรเพื่อทำบุญวันเกิด  แต่กลับกลายเป็นว่าต้องใส่บาตรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้น้องแอ๊ะแอ๋ด้วย  พวกเราทุกคนตื้นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวใส่บาตร และไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันนี้จะไม่มีน้องอยู่ด้วยแล้ว  น้องจากเราไปเร็วมาก   เร็วเกินกว่าที่จะทำใจได้เลย  เหงามากเลย  ใจหายมาก   เพราะมองไปทางไหนก็คิดถึง  นึกถึงน้องตลอดเวลา  ที่ที่น้องเคยเล่น  เคยกิน  เคยนอน  เคยไปเกาะแล้วร้องเรียกพวกเรา  วันนี้มองไปกลับว่างเปล่าไม่มีเสียงน้องร้องเรียก  ไม่มีเสียงน้องบินไปมา  ไม่มีน้องมาเกาะที่แขนให้พาไปอาบน้ำ  ไม่มีน้องมาเกาะที่ไหล่เพื่อเวลาเราไปไหนเคาขอไปด้วย  ไม่มีน้องมายืนบนหัวคอยเล่นที่ติดผม   ไม่มีน้องให้พวกเรากอด   ไม่มีน้องให้พวกเราได้จุ๊บ และบอกรักอีกต่อไปแล้ว   วันนี้น้ำตาร่วงไม่รู้ก็รอบแล้วที่นึกถึงน้อง และจะเป็นอย่างนี้ไปอีกกี่วันไม่รู้  เพราะพวกเราทุกคนคิดถึงน้องมาก ๆ   แต่พวกเราทุกคนมีอะไรบ้างอย่างที่อยากจะบอกน้อง  น้องจงฟังและรับรู้ไว้นะ  แม้ว่าวันนี้น้องจะไม่มีตัวตนให้พวกเราได้เห็น  ได้สัมผัสน้องอีกแล้ว พวกเราทุกคนจะคงยังรักน้องต่อไป  รักน้องมากขึ้นทุกวัน และรักน้องมากจริง ๆ  น้องจะอยู่ในใจของพวกเราตลอดไป  และวันนั้นวันที่น้องกลับมาหา  กลับมาอยู่กลับพวกเรา  คงเป็นวันที่พวกเราทุกคนมีความสุขมาก ๆ  พวกเราจะรอน้องนะ  "น้องแอ๊ะแอ๋ "  
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องแอ๊ะแอ๋ครั้งนี้ ขอให้เป็นอุทาหรณ์และเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่เลี้ยงนกซันคอนัวร์ทุกคน  เพื่อเป็นการเตือนให้ทุกคนได้ระวังในการดูแลเค้าให้มาก ๆ และการคัดเลือกนกมาเลี้ยงด้วยว่าเค้ามีความสมบูรณ์ทางร่างกายมากน้อยเพียงใด  แม้เราไม่สามารถดูรายละเอียดภายในร่างกายเค้าได้  แต่เราต้องสามารถดูเค้าได้จากลักษณะบ่งบอกความปกติ หรือไม่ปกติของเค้าได้ หากคุณถ้าคิดจะเลี้ยงนกพันธุ์อะไรก็ตาม หรือสัตว์อะไรก็ตามมาเลี้ยง  ควรจะทำการศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวกับสัตว์เหล่านั้นมาบ้าง  เพื่อง่ายต่อการเลือกซื้อสัตว์ที่สมบูรณ์แข็งแรง  ไม่มีโรคประจำตัว  หรือโรคติดต่อร้ายแรงมาแพร่เชื้อต่อสัตว์ชนิดเดียวกัน และสัตว์อื่น ๆ ได้     หวังว่าความรู้ที่มอบให้นี้จะส่งผลให้น้องแอ๊ะแอ๋ได้รับผลบุญที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือนกตัวอื่น ๆ  ที่มีอาการแบบนี้ หรือมีอาการที่ใกล้เคียงแบบนี้  ขอให้เค้าได้เป็นส่วนหนึ่งที่มีโอกาสทำประโยชน์แก่นก และสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ บ้าง  ถึงแม้วันนี้เค้าจะไม่มีลมหายใจอยู่แล้วก็ตาม  จงช่วยเหลือเค้าก่อนที่อาการต่าง ๆ จะลุกลาม และรุนแรงมากจนสายเกินไปอย่างที่น้องแอ๊ะแอ๋เป็น  ขอให้วิญญาณน้องแอ๊ะแอ๋น้องรักของพวกเราทุกๆ คนไปสู่สุคติ  น้องคงหมดเวรหมดกรรมแล้วนะลูกชาตินี้น้องเกิดมาทำให้ทุกคนได้มีความสุข    และทุกคนได้ให้ความรักแก่น้องมาก ถึงมากที่สุด    เหมือนน้องเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพวกเราทุกคน เท่านี้ก็ถือว่าน้องได้ทำบุญกับพวกเรามากแล้วที่ทำให้พวกเราได้มีความสุขตลอดระยะเวลาที่น้องอยู่กับพวกเรา  ขอบคุณน้องแอ๊ะแอ๋มาก ๆ นะลูก  รักน้องที่สุด และคิดถึงน้องที่สุดเลย....หลับให้สบายนะลูก...
สุดท้ายนี้  ขอขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ช่วยชีวิตเค้าขณะที่เค้าอยู่ในภาวะที่แย่และวิกฤตเต็มที  ช่วยให้เค้ากลับมา  กลับมาทำให้ทุกคนมีความสุขถึงแม้จะเป็นวันเดียว คือวันอาทิตย์ที่ 4 ต.ค.52  เพราะวันนี้เค้าดูอาการดีขึ้นมากแล้ว  ขอบคุ