เมนูอาหารใหม่...... " สารพัดถั่วสเปร๊าท์ "

เริ่มโดย C_tan, พฤษภาคม 11, 2008, 09:03:14 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

visnu

ขอถามผู้รู้หน่อยครับ ถั่วลิสงให้ดิบๆมีอัตรายกับนกหรือเปล่า
  นกที่บ้านกินทุกวันเลยต้มแล้วมันไม่กินนะครับ  ขอขอบคุณ
สำหรับคำตอบมาก  ผมเห็นฟาร์มของเพื่อนก็ให้กินดิบๆเหมือนกัน

put

อ้างถึงvisnu เป็นผู้เขียน:
ขอถามผู้รู้หน่อยครับ ถั่วลิสงให้ดิบๆมีอัตรายกับนกหรือเปล่า
  นกที่บ้านกินทุกวันเลยต้มแล้วมันไม่กินนะครับ  ขอขอบคุณ
สำหรับคำตอบมาก  ผมเห็นฟาร์มของเพื่อนก็ให้กินดิบๆเหมือนกัน
ไม่น่าจะมีปัญหาครับ ของผมก็เลี้ยงมาหลายปีแล้ว ก็ไม่มีปัญหาครับ

visnu

รอคำตอบมาหลายวันกันวนใจอยู่  ขอขอบคุณ   คุณ put ที่ช่วยตอบ
ให้สบายใจครับ

kitty75

555 นกในธรรมชาติมันคงไม่มีหม้อมาต้มถั่วเองหรอกครับ อิอิ ล้อเล่นนะครับ สบายดีใช่มั้ยครับพี่วิษณุ นกออกไข่ยังครับ

visnu

สวัสดีเฮียเล็ก อิเลคตัสออกใข่แล้วแต่ไม่มีเชื้อ ดูคอปก็ไม่มีเชื้อ
แต่ได้ฮันท์ออก3ตาย2 เหลือ 1  ผลงาน 1ปีได้ลูกฮันท์มาหนึ่งตัวเอง
ผมเป็นลูกศิษที่ไม่เอาไหนเลยนะครับอาจารย์

kitty75

ยังดีครับที่ไข่แล้ว เลี้ยงนกต้องอดทนครับ :-D  :-D  :-D  :-)  :-)

Noru

ข้อมูลโดยท่าน ทวด ทพ. ชาย ตัน


คำแนะนำในการเลี้ยงดูลูกนกแก้ว


เนื่อง จากปัจจุบัน ได้มีการเพาะขยายพันธุ์นกแก้ว เพื่อจำหน่ายเป็นสัตว์เลี้ยงกันเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งนกที่มีสายพันธุ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ และนกที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเซีย ดังนั้น ทางชมรม สยามไอเวียรี่คลับ จึงได้จัดทำเอกสารนี้ขึ้นมาเพื่อเผนแพร่ เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจได้ใช้เป็นแนวทางในการเลี้ยงดูลูกนกอย่างประสพ ความสำเร็จ เติบโตเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพ และมีโอกาสแพร่ขยายพันธุ์ต่อไป ในอนาคต

การเริ่มต้นเลี้ยงนกแก้ว โดยการหาซื้อลูกนกที่ได้รับการป้อนอาหารด้วยมือ และโตจนสามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว นั้น จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด หรือหากต้องการที่จะป้อนอาหารลูกนกด้วยตนเอง ก็ควรที่จะเลือกลูกนกที่มีเส้นขนแหลมเป็นหนาม ๆๆ ( ขนหลอด ) ขึ้นมาบ้างแล้ว จะปลอดภัยกว่า ที่จะซื้อลูกนกที่มีอายุน้อยกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ไม่เคยป้อนอาหารลูกนกมาก่อน

เลือกลูกนกที่มีดวงตาแจ่มใส นิ้วเท้าอวบอ้วน ไม่มีน้ำมูก ไม่หายใจทางปาก ปีกแนบชิดลำตัว ขนรอบ ๆ ก้น ไม่มีคราบสิ่งสกปรก ในกล่องหรือในตู้ที่ใส่ลูกนกไม่มีกลิ่นเหมืนอันเกิดจากลูกนกท้องเสีย หรือไม่มีคราบอาหารที่ลูกนกขย้อนออกมา

อาหารที่ใช้ป้อนลูกนก ( ไม่ควร ) ใช้อาหารสำหรับเด็กอ่อน เช่น ซีรีแรค ซึ่งมีส่วนผสมของนมอยู่ด้วย นกไม่ใช่สัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม จึงไม่มีเอ็นไซน์แลคเตส สำหรับย่อยนม เมื่อได้รับอาหารที่มีนม ผสม อยู่ด้วยในปริมาณที่มาก จะทำให้เกิดอาการท้องเสีย หรืออาหารไม่ย่อยได้

อาหารสำหรับลูกนกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ
1. อาหารสำเร็จรูป ส่วนใหญ่ เท่าที่เห็นกันอยู่นั้น จะเป็นอาหารสูตรจากต่างประเทศ ซึ่งจะมีราคาค่อนข้างสูง และจะมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน สำหรับลูกนกเมื่อเปรียบเทียบกับอาหาร ที่ผลิตภายในประเทศ ราคาจะต่างกันมาก ๆ
2. อาหารที่ผสมขึ้นเอง โดยใช้เมล็ดพืช เช่น ถั่วเชียว ถั่วเหลือง ฟักทอง ปลายข้าว แครอท ข้าวโพด ไข่ไก่ ต้มรวมกันจนสุกเปื่อย เติมวิตามินและเกลือแร่ ข้อดี ของอาหารประเภทนี้คือ สามารถเตรียมได้เอง ประหยัด ส่วนข้อเสีย คือ อาจไม่ได้รับสารอาหารครบถ้วนตามที่ลูกนกต้องการ
3. ผลไม้ เช่น กล้วย มะละกอ ฯลฯ

อุปกรณ์ที่ใช้ในการป้อนอาหาร มีให้เลือกใช้ดังนี้คือ
1. ไซริ้งค์ พร้อมกับสายยาง ( ไส้ไก่ จักรยาน ขนาด ยาว ประมาณ 3 – 5 นิ้ว ) วิธีการป้อน แบบนี้ ค่อนข้างสะดวก แต่ความสะดวกต่าง ๆ ก็จะแฝงถึงอันตรายสำหรับลูกนกด้วย โดยจะแหย่ปลายสายยางเข้าไปในปากลูกนก ( บริเวณด้านข้าง ) ไม่ควรแหย่ลงไปตรงกลางปากลูกนก เนื่องจาก บริเวณ ใต้โคนลิ้น ของลูนกจะเป็นหลอดลม สายยาง หรือไส้ไก่ อาจจะเข้าไปในหลอดลมได้ ( ถึงตายเชียว )
2. ไซริ้งค์ พร้อมกับสายยาง ( ชนิดป้อนลูกนกปากขอ โดยเฉพาะ ) ปกติ สลิ้ง ชนิดนี้ จะไม่ค่อยได้เห็น เข้ามาขาย ตามร้านขายนกต่าง ๆ มากมายนัก ( มีขายเฉพาะที่ ) โดยจะไม่ต้องห่วง ๆ เรื่องอาหารเข้า หลอดลม เนื่องจากอาหาร จะออกมาบริเวณ ช่องด้าน ข้างของสายยาง
3. ไซริ้งค์ อย่างเดียว โดยแหย่ ปลายไซริ้ง ที่บรรจุอาหารเข้าที่มุมปาก แล้วค่อย ๆๆ บีบ ก้านไซริ้งค์ อย่างช้า ๆ
4. ช้อนชา ที่บีบขอบทั้งสองข้าง ห้อเข้าหากัน ตักอาหารป้อนลูกนกอย่างช้า ๆ ปลอดภัย มากที่สุด แต่ค่อนข้างจะเลอะเทอะ

คำแนะนำในการป้อนอาหาร
1. อุณหภูมิของอาหารที่ใช้ป้อนลูกนก หากเป็นอาหารสำเร็จรูป ควรมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 37.7 – 43.3 องศา C ( 100 – 110 องศา F )
2. ผสมอาหารตามอัตราส่วนที่ระบุไว้ และเพียงพอต่อการใช้ในแต่ละมื้อ ปัญหาที่มักจะพบคือในกรณีที่ซื้ออาหารที่แบ่งขายเป็นถุง ๆ ขอให้สอบถามเรื่องอัตราส่วนผสมที่ชัดเจนด้วย ซึ่งจะแตกต่างกันไปแล้วแต่ละยี่ห้อ
3. หากเป็นผลไม้ ใช้ช้อนขูด ๆ ให้นกกินทีละน้อย ควรใช้ผลไม้ที่ใหม่สดอยู่เสมอ
4. ความถี่ ในการป้อนอาหาร
แรกเกิด ให้ทุก ๆ 2 ชั่วโมง ( 9 – 10 ครั้ง ต่อ วัน )
เมื่อถึงวันที่ 8 ให้ทุก ๆ 3.5 – 4 ชั่วโมง ( 5 – 6 ครั้ง ต่อ วัน )
เมื่อถึงวันที่ 14 ให้ทุก ๆ 5 ชม. ( 4 ครั้ง ต่อวัน )
เมื่อถึงวันที่ 24 – 30 ให้ทุก 8 ชม. ( 3 ครั้ง ต่อวัน )
เมื่อถึงช่วงที่น้ำหนักตัวของลูกนกขึ้นถึงจุดสูงสุด 2 ครั้งต่อวัน

หมายเหตุ : น้ำหนัก นกต้องขึ้นทุกวัน เพียงแต่ว่า จะขึ้นมากหรือน้อย เท่านั้น จะไม่มีการลดลง

ช่วง อายุที่ลูกนกมีน้ำหนักสูงสุดนี้จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละสายพันธุ์ เมื่อถึงตอนนั้น ลูกนกจะมีน้ำหนักตัวมากกว่า พ่อแม่นก และหลังจากนั้นจะกินอาหารน้อยลง น้ำหนักตัวจะค่อย ๆ ลดลง ๆ และได้เวลาที่จะเริ่มฝึกกินอาหารด้วยตนเอง

การป้อนอาหารนกมีเรื่อง ที่พึงต้องระมัดระวังคือ การรักษาความสะอาด ทำบันทึกการให้อาหารและน้ำหนักตัวของลูกนก ใช้อุปกรณ์ในการป้อน และชนิดของอาหารที่เหมาะสม ในกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้น จะแสดงออกดังนี้คือ
1. น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นน้อยมาก หรือลดลง
2. อาหารที่ป้อนใช้เวลานานมากกวาจะย่อยหมดไปจากกระเพาะ
3. ปฏิกริยาตอบสนองต่อการป้อนอาหารต่ำมาก

การที่ลูกนกมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นน้อยมาก หรือลดลง อาจจะมีสาเหตุดังนี้
1. นกได้รับอาหารในปริมาณที่น้อยเกินไป การป้อนไม่จำเป็นต้องรอจนอาหารในกระเพาะหมดเกลี้ยงแล้วถึงเริ่มป้อนมื้อต่อ ไป ในรอบยี่สิบสี่ชั่วโมง จะมีช่วงที่กระเพาะของลูกนกว่างเปล่าคือ ตอนเช้า
2. ชนิดของอาหารไม่เหมาะสมกับพันธุ์ของนกนั้น ๆ พวกลูกนกแก้วขนาดใหญ่เช่น กระตั้ว มาร์คอ ต้องการอาหารที่มีปริมาณไขมันที่สูงกว่า นกชนิดอื่น ๆ
3. อุณหภูมิในการเลี้ยงดูลูกนกไม่เหมาะสม หากต่ำกว่าที่ควร ระบบการย่อยอาหารจะทำงานล่าช้าลงมาก
- ลูกนกแรกเกิดควรได้รับความอบอุ่นที่อุณหภูมิ 36.6 องศา C
- เมื่ออายุ 5 – 12 วัน อุณหภูมิ 35 – 31.6 องศา C
- เมื่ออายุ 12 วัน ถึงระยะขนขึ้น เป็น ขนหนาม อุณหภูมิ 31 – 28 องศา C
- เมื่อมีขนคลุมเกือบทั่วทั้งตัว อุณหภูมิ 26.5 องศา C

4. อุณหภูมิของอาหารที่ไม่เหมาะสม หากสูงเกินไป ความร้อนของอาหารจะลวกเนื้อเยื้อที่บุกกระเพาะจนกลายเป็นเนื้อตาย หากต่ำกว่า ไป การย่อยจะช้ามาก จนกระทั่งเกิดการบูดเน่าอยู่ภายในกระเพาะอาหาร
5. ความเครียดจากสภาพแวดล้อม
6. เกิดจากการติดเชื้อ เช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรียที่พบได้บ่อยได้ แก่ เชื้อซาลโมเนลล่า ซึ่งทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหาร ส่วนเชื้อรา ได้แก่ พวกแคนดิด้า อัลบิแคน มักพบในช่องปาก และผนังของเยื่อบุกระเพาะอาหาร
7. การสำลักอาหารหากไม่มากนัก ลูกนกจะแสดงอาการไอ และจามเพื่อขับเอาอาหารที่สำลักออกมาประมาณหนึ่งถึงสองชั่วโมง แล้วจะค่อยทุเลาลง ในกรณีที่มีอาหารเข้าไปในหลอดลม เป็นจำนวนมาก จะหายใจลำบาก เกิดการติดเชื้อในปอด หรือ อาจตายอย่างเฉพียงพลัน เพื่อหลีกเลี้ยงกรณีดังกล่าว การป้อนอาหารจึงควรกระทำอย่างช้า ๆ และด้วยความระมัดระวัง
8. กระเพาะอาหารอักเสบ เกิดจากอาหารที่ไม่เหมาะสมกับลูกนก อาหารที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารระยะเวลานานเกินไป จนทำให้เกิดการหมัก ลูกนกจะแสดงอาการขย้อนอาหารนั้นออกมา การแก้ไขโดยใช้ยา Kaopectate จนอาการดีขึ้น จึงกลับมาป้อนอาหารตามปกติ

Guest

กราบขอบพระคุณอย่างสูงครับที่แบ่งปันข้อมูล
ด้วยความเคารพ
ป็อป-ชลบุรี