Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Tortea'shm

#1
กระดานเสวนา / ตอบ: มูล ค่าเวป
เมษายน 30, 2011, 05:06:46 หลังเที่ยง
:)  :)  :)
#3
กระดานเสวนา / ตอบ: วัดดวง
เมษายน 21, 2011, 10:17:47 หลังเที่ยง
สุดยอดครับ  อาพุฒ :)
#4
สวนจตุจักรอะครับ
#5
ผมว่าลองไปเดินสวนฯก่อน  แล้วถูกใจตัวไหนก็ถามพันธุ์มา แล้วลองนำมาศึกษาพวกนิสัย    ...  :)
#6
กระดานเสวนา / ตอบ: อยากเลี้ยงนกยูง
เมษายน 07, 2011, 08:13:55 หลังเที่ยง
กิ เ ล ศแ ตก  
๕๕๕ ๕
+
#7
๕๕๕ ๕  ๕+
น่า รั กดี นะค รั บ .. , , เข้ า ใจ เ ลือก กิ นด้ วย  :)
#8
เวลล์ นั้นเป็นกิ้งก่าอีกชนิดหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนสีได้ตามอุณหภูมิ แสงและการเคลื่อนไหวต่างๆ มันจะเปลี่ยนเป็นสีซีดเมื่อตกใจ กลัว หรือไม่ก็อยู่ในที่มืดและเย็น แต่ในทางตรงกันข้ามเมื่ออากาศร้อนและมีแสงสว่าง มันกลับเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นบางครั้งก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ เช่นโมโห รมณ์บ่จอย ก็จะมีสีเข้ม ต้นไม้ ดอกไม้ที่อยู่ในตู้ก็มีผลเช่นกันนะครับ เพราะกิ้งก่าสามารถเปลี่ยนสีตามสิ่งของที่มันเกาะอยู่ เพื่อหลอกศัตรู มีนักเลี้ยงบางท่านดัดแปลงจากนิสัยข้อนี้ของมันโดยใช้ต้นไม้และดอกไม้ที่มีสีสดใสเพื่อให้กิ้งก่าที่เลี้ยงมีสีสวยสดงดงามตามต้นไม้ที่ใส่ไว้ในที่เลี้ยง ที่นิยมเห็นจะเป็น ไทรด่าง, สับปะรดสี, พลูด่าง เป็นต้น ซึ่งการเปลี่ยนสีของกิ้งก่านี้มีการถกเถียงกันมาก นอกจากนี้ตาของมันทั้งสองข้างยังสามารถกลอกไปมาได้ 360 องศา ทำให้มันสามารถทราบได้ถึงภัยก่อนที่จะถึงตัว เพราะตาของมันจะกลอกไปมาทั้งสองข้างอย่างไม่พร้อมกัน ทำให้มันสามารถดูสิ่งที่อยู่รอบๆตัวทั้งซ้าย ขวา หน้าและหลังได้พร้อมๆกัน ส่วนลักษณะโดยทั่วไปนั้น เวลล์จะมีหางยาวและม้วนเข้าเป็นวงตอนปลายดูคล้ายๆกับกิ้งกือเวลาที่โดนแหย่แล้วม้วนตัวนะครับ ถ้าบางคนไม่เคยเห็นก็อาจเปรียบเทียบกับม้าน้ำก็พอไหวครับ หางม้วนๆเข้าไปครับ บางครั้งก็มีเอาหางไปม้วนกับต้นไม้ กิ่งไม้บ้างเหมือนกัน ลักษณะเด่นที่สามารถแยกมันออกจากเพื่อนๆกิ้งก่าของมันได้ง่ายๆก็คือ ส่วนหลังคอที่มีติ่งยื่นออกมา ซึ่งส่วนที่ยื่นออกไปนี้จะนูนเป็นโหนกในบริเวณหัวค่อนไปทางสันหลังอย่างชัดเจน มีแถบสีเหลืองล้อมรอบลำตัวเป็นช่วงๆตลอดทั้งลำตัว สีของลำตัวนี้จะเปลี่ยนแปลงโดยขึ้นอยู่กับ อารมณ์ และปัจจัยอื่นๆตามที่กล่าวไปข้างต้น ตั้งแต่สีเขียวสดจนถึงสีน้ำเงินบางครั้งอาจมีสีเหลืองทอง, ส้ม และสีดำ มีลิ้นที่ใหญ่ หนาและยาวมาก ยาวกว่าตัวของตัวมันเสียอีก เนื่องจากมันใช้ในการจับอาหารกิน โดยยื่นลิ้นออกไปจับอาหารที่อยู่ไกลๆได้ ด้วยความรวดเร็ว แม้ว่าเราจะดูเหมือนมันเชื่องช้าก็ตาม ส่วนลำตัวมีความยาวโดยประมาณ 40-60 เซนติเมตร (14-24 นิ้ว) โดยเมื่อโตเต็มที่มีรายงานว่าขนาดใหญ่พอๆกับกิ้งก่าอีกัวน่าเลยทีเดียว แต่ตัวผมเองนั้นยังไม่เคยเห็นเวลล์ที่มีขนาดใหญ่ขนาดนั้เลยสักที การวัดนี้จะรวมส่วนหางด้วยแต่ไม่ได้รวมส่วนลิ้น โดยเพศผู้ จะโตกว่าเพศเมียเกือบเท่าตัวเพราะมีขนาดถึง 24 นิ้วในขณะที่เพศเมียมีขนาดเพียง 14 นิ้วเท่านั้นเอง เมื่ออายุได้ 6 เดือนสามารถเพาะพันธุ์ได้ แต่จะให้ดีควรมีอายุไม่น้อยกว่า 1 ปี เวลล์มีอายุเฉลี่ยประมาณ 5-6 ปี แต่เพศผู้จะมีอายุที่ยืนกว่าเพศเมีย ดูแล้วตัวผู้นี้ออกจะเอาเปรียบตัวเมียซะทุกอย่างเลย แต่บางทีเรื่องเหล่านี้อาจมีผลมาจากวิวัฒนาการเพื่อความอยู่รอดของมันก็เป็นได้ ในธรรมชาติอาจมีตัวผู้น้อยก็เลยทำให้มีอายุยืนกว่าเพื่อไม่ใไห้มันสูญพันธุ์ก็เป็นได้ ทุกสิ่งทุกอย่างมีที่มาและที่ไป มีเหตุมีผลของมันเสมอแหละครับ พวกมันมีถิ่นกำเนิดจากทะเลทรายของประเทศ เยาเมนและซาอุดิอารเบีย ดังนั้นมันจึงสามารถปรับตัวกับอุณหภูมิที่ร้อนมากและแห้งแล้ง อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 25 - 32 องศาเซลเซียสและอากาศเย็นลงในตอกลางคืน ทำให้สามารถเลี้ยงในภูมิอากาศบ้านเราได้เป็นอย่างดี ซึ่งคล้ายคลึงใน คาร์เมเลี่ยนแจ๊คสัน แต่ปัจจุบันมันกลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่พบแพร่หลายในร้านขายสัตว์เลี้ยงทั่วโลกไปแล้ว

         อาหารการกินก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเลี้ยง เวลล์กินสัตว์เป็อาหาร เช่น แมลง หนอนแว๊ก หนูแดง และกินพืชได้เล็กน้อย ดังนั้นถ้าคิดจะเลี้ยงแล้วจะต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย ว่าการหาอาหารให้มันกินนั้นเกินความสามารถของเราหรือเปล่า เพราะกิ้งก่าเหล่านี้ไม่สามารถฝึกให้กินอาหารเม็ดได้เหมือนกับเต่า โดยส่วนใหญ่นิยมให้กินจิ้งหรีด ซึ่งในกิ้งก่าที่ตัวเล็กก็จะต้องให้กินลูกจิ้งหรีดตัวเล็กๆ แต่เมื่อโตขึ้นก็ต้องเปลี่ยนเป็นจิ้งหรีดขนาดใหญ่ขึ้น ควรคำนึงถึงว่าอาหารที่ให้จะต้องมีขนาดเหมาะสมกับกิ้งก่า ในกรณีที่เวลล์มีอาการเซื่องซึมหรือไม่ยอมกินอาหาร ควรเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้น ซึ่งสามารถวัดด้วยการติดเทอร์โมมิเตอร์ไว้ในที่เลี้ยง นอกจากนี้ในการเลี้ยงควรฉีดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น หรือใช้ระบบสเปรย์น้ำ เรื่องนี้ก็จำเป็นเช่นกัน ในธรรมชาตินั้นกิ้งก่าจะกินน้ำค้างที่เกาะตามใบไม้หรือยอดหญ้าในตอนเช้า การวางถาดน้ำจึงไม่มีความจำเป็นเพราะมันจะไม่กิน การสเปรย์น้ำต้องทำทุกวันโดยเสปรย์น้ำไปที่หญ้าหรือต้นไม้ ไม่ควรฉีดลงไปที่ตัวกิ้งก่าโดยตรง หากไม่มีเวลาก็สามารถทำเป็นที่ให้น้ำติดไว้ด้านข้างเป็นแบบน้ำหยดติ๋งๆเอาไว้ก็ได้ครับ


อนุกรมวิธาน
          Class Reptilia
              Order Squamata (Lizards and snakes)
                   Family Chamaeleontidae (chameleons)
                        Genus Chamaeleo
                              Species calyptorarus
การเลี้ยง อ้างอิงจาก ร้าน Kassinba Hut (โดยคุณหนุ่ม)
1. อาหารที่ให้ก็เป็นแมลงและหนอนทุกชนิดการให้อาหารควรให้ตอนที่มีแสงแดด ซึ่งจะกระตุ้นการกินอาหารของคาร์เมเลี่ยนชนิดนี้เป็นอย่างดี
2. การเสริมวิตามินในแมลงและหนอนควรคลุกเคล้าวิตามิน และให้ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ วิตามินที่ควรเสริมได้แก่ วิตามิน เอ ดี และแคลเซี่ยม
3. อุณหภูมิในการเลี้ยงลูกที่มีอายุระหว่าง 1 เดือนถึง 3 เดือน อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 24 – 28 องศาเซลเซียส, อายุระหว่าง 6 เดือนถึง 1 ปี อยู่ระหว่าง 27 – 32 องศาเซลเซียส ส่วนตัวเต็มวัยอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปอยู่อุณหภูมิระหว่าง 28 – 35 องศาเซลเซียส
4. ความชื้นที่เหมาะสมจะอยู่ในช่วง 50 – 65 เปอร์เซ็นต์ ถ้ามีความชื้นมากเกินไปอาจเป็นผลเสียต่อคาร์เมเลี่ยนชนิดนี้ได้
5. สำหรับตัวเมียที่ตั้งท้องพร้อมที่ผสมพันธุ์ควรอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป และจะอยู่อุณหภูมิที่เหมาะสมที่อุณหภูมิเฉลี่ย 28 – 35 องศาเซลเซียส และความชื้น 55 – 60 เปอร์เซ็นต์
6. การให้น้ำควรสเปรย์น้ำ 1 ครั้งตอนเช้า เป็นเวลา 30 นาที
7. แสงสว่างควรให้อย่างน้อยเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ภายใน 1 วัน

การเพาะพันธุ์

           ขั้นแรก หลังจากที่กิ้งก่ามีอายุได้ 1 ปี แล้ว มันจะเริ่มส่งเสียงร้อง(ประมาณปีละ 3 ครั้ง) โดยช่วงที่ไม่ได้เพาะพันธุ์ควรเลี้ยงแยกเพศ ไม่ควรเลี้ยงเพศผู้กับเพศเมียร่วมกัน เมื่อพร้อมแล้วจึงนำมารวมกันเพื่อให้กิ้งก่าผสมพันธุ์กัน เมื่อเพศผู้เจอกับเพศเมียจะแสดงสีสันที่สดใส มีการส่ายลำตัวไปมา และส่งสัญญาณกับเพศเมียว่าต้องการผสมพันธุ์ หลังจากที่ส่งสัญญาณแล้วเพศเมียจะตอบรับหรือไม่ก็จะแสดงอาการออกมา หากเพศเมียที่ไม่เต็มใจจะเปลี่ยนสีให้เข้มขึ้น และพยายามถอยหนี ส่วนเพศเมียที่พร้อมจะผสมพันธุ์จะมีสีสันสดใสเป็นพิเศษเพื่อเรียกร้องความสนใจ เมื่อผสมพันธุ์เรียบร้อยแล้วทำการแยกออกจากกัน โดยเลี้ยงไว้คนละกรงเช่นเดิม เพศเมียที่ได้รับเชื้อจากเพศผู้ก็จะมีไข่อยู่ในท้อง แล้วรอประมาณ 25-30 วัน เพศเมียจะวางไข่ประมาณ 50 ฟอง ไข่ที่ได้นี้จะแยกไปฟัก โดยนำไข่ไปไว้ในภาชนะขนาดประมาณ 5 แกลลอน ที่ปูพื้นด้วยทรายเปียกหมาดๆ หรือกากมะพร้าว เรียงไข่ไว้ในภาชนะเกือบมิดฟอง แล้วนำไปบ่มหรือฟักที่อุณหภูมิ 30-32 องศาเซลเซียส ประมาณ 6 เดือน เมื่อไข่ฟักเป็นตัวให้อาหารลูกกิ้งก่าด้วยหนอนผลไม้ หรือจิ้งหรีดตัวเล็กๆ ซึ่งลูกกิ้งก่าจะโตเร็วมากอย่างไม่น่าเชื่อ
#9
คาร์เมเลี่ยน เวลล์ ( Chamaeleo calyptratus )

1. การให้อาหารควรให้ตอนที่มีแสงแดด ซึ่งจะกระตุ้นการกินอาหารของคาร์เมเลี่ยนชนิดนี้เป็นอย่างดี อาหารที่ให้ก็เป็นแมลงและหนอนทุกชนิด

2. การเสริมวิตามินในแมลงและหนอนควรคลุกเคล้าวิตามิน และให้ 2 ครั้งต่อสัปดาห์

3. อุณหภูมิในการเลี้ยงลูกที่มีอายุระหว่าง 1 เดือนถึง 3 เดือน อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 24 – 28 องศาเซลเซียส, อายุระหว่าง 6 เดือนถึง 1 ปี อยู่ระหว่าง 27 – 32 องศาเซลเซียส ส่วนตัวเต็มวัยอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปอยู่อุณหภูมิระหว่าง 28 – 35 องศาเซลเซียส

4. ความชื้นที่เหมาะสมจะอยู่ในช่วง 50 – 65 เปอร์เซ็นต์ ถ้ามีความชื้นมากเกินไปอาจเป็นผลเสียต่อคาร์เมเลี่ยนชนิดนี้ได้

5. สำหรับตัวเมียที่ตั้งท้องพร้อมที่ผสมพันธุ์ควรอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป และจะอยู่อุณหภูมิที่เหมาะสมที่อุณหภูมิเฉลี่ย 28 – 35 องศาเซลเซียส และความชื้น 55 – 60 เปอร์เซ็นต์

6. การให้น้ำควรสเปรย์น้ำ 1 ครั้งตอนเช้า เป็นเวลา 30 นาที

7. แสงสว่างควรให้อย่างน้อยเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ภายใน 1 วัน




ปล.ข้อมูลจาก www.siamreptile.com  รูปจาก Google  ครับ
#10
กระดานเสวนา / ตอบ: ลูกป้อนซันคอร์นัว
กุมภาพันธ์ 08, 2011, 08:36:26 หลังเที่ยง
น่ารักมากครับ  :)
#11
ก็เล่นกับเขาบ่อยๆ  ครับ   ใช้เวลาร่วมกันนานๆๆ :')
#12
กระดานเสวนา / ตอบ: ไปพบ เวปนก ใหม่เอามาฝากกัน ค่ะ
กุมภาพันธ์ 06, 2011, 06:45:50 หลังเที่ยง
:-D  :-D  :-D  :-D  :-D  :-D
#13
กระดานเสวนา / ตอบ: //--- เเอฟริกันกร์ย อาบน้ำ ---\\
กุมภาพันธ์ 03, 2011, 09:39:24 หลังเที่ยง
ถ้านกโตแล้วจะอาบก็อาบได้ครับ  และสามารถอาบได้หลายแบบ  บางคนก็ให้อาบฝักบัว  บางคนก็เอาน้ำใส่ถ้วยแล้วให้นกอาบเอง ...

พื้นกรง ก็แล้วแต่ครับ บางคนก็ อาทิตย์ล่ะครั้ง  บางคนก็ 2อาทิตย์ครั้ง   บางคนก็นานๆครั้ง   ตามความสะดวกครับ

และถ้าอยากให้มันมีไข่  อย่างแรกคือ "ต้องมีคู่" และหาที่เงียบๆน่าจะเหมาะกว่า   เพราะถ้ามีคนเดินผ่านไปมานกอาจจะติดคนซะมากกว่า ที่จะสนใจการผสมพันธุ์ อะครับ  :)
#14
แสดงความเสียใจด้วยนะครับ
#15
กระดานเสวนา / ตอบ: รู้สึกเราไม่ดีเลย
มกราคม 28, 2011, 07:44:57 หลังเที่ยง
เสียใจด้วยนะครับ  ...