อาการนกจามเนี่ยเป็นเรื่องปรกติ
ก็อย่างที่บอก จขกท ไปใน กท แรก
ว่าไม่จำเป็นต้องให้ยา ยาเนี่ยถ้าป่วยจริงค่อยให้
ไม่ใช่คิดว่าป่วยก็ให้ อันนี้เป็นวิธีการของพ่อค้าสัตว์
อัดยาให้นกรอดในมือ จะมีผลเสียอย่างไรก็ช่าง อายุจะสั้นก็ช่าง
จะรอดไปได้อีกกี่วันก็ช่าง ขอให้ขายพ้นมือไปก่อน
แล้วคนที่เลี้ยงก็ไม่รู้จุดประสงค์แบบนั้น เค้าบอกว่าแบบนี้ๆๆดี
ก็เอามาใช้กันต่อๆๆ โดยหารู้ไม่ว่าขนาดยาและวิธีที่เค้าให้กันนั้น
ประสงค์แค่ให้สัตว์หาย แต่ไม่คำนึงถึงผลที่เกิด
และก็มียาตัวนึงใช้กันมากในหมู่ค้าสัตว์ ใช้กันมาเป็นสิบๆปี
ลองไปถามตามพวกร้านขายสัตว์ดูสิจะบอกแต่ชื่อเดียว
เหมือนเป็นยาเทวดา รักษาทุกโรค
แต่จริงแล้วใช้เป็นแต่ตัวนั้น อันอื่นไม่เคยลองกัน
เพราะพอร้านนี้ป่วย ข้างร้านก็แนะไอ้นี่ดีที่สุด
ก็ปากต่อปากไปเรื่อย แต่เราไม่เคยใช้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
และนกที่เลี้ยงก็ไม่เคยป่วยเลยด้วย เพราะการเลี้ยงที่ถูกวิธี
อย่างกรณีนี้ ถ้ารู้ว่ายามีผลต่อตัวนกก็ไม่็ควรใช้
หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องใช้ในจำนวนน้อยที่สุดต่อครั้ง
และควบคุม เวลา และ จำนวนครั้งที่ให้
ที่เรารู้เพราะเราเลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่จำความได้
และก็อยู่ในแวดวงค้าสัตว์มานานนนนน
ไม่ว่าจะสัตว์ปีก สัตว์บก-น้ำ สัตว์ป่า
ถึงได้เตือนสติว่าคิดดูให้ดีก่อนจะให้ยา ว่าเค้าป่วยรึเปล่าว
ไม่ได้บอกว่าถึงป่วยก็ไม่ต้องกินยา
จำไว้ว่าวิธีของผู้เลี้ยง กับ ผู้ค้า นั้นไม่เหมือนกัน
ผู้ค้าสนแต่ทำยังไงก็ได้ไม่ให้ขาดทุน ทำยังไงก็ได้ให้ต้นทุนต่ำ
บางเรื่องก็จะบอกเราว่าต้องแบบนี้ดี แต่ที่ไหนได้
เอาประหยัด ง่าย เร็ว เข้าว่า ไม่อยากเอ่ยว่าอะไรบ้าง
แล้วใครจะกล้าตอบล่ะว่า อ๋อ แบบนี้ประหยัดดี
นกเหรอมันไม่เจ็บหรอก ยังงี้ล่ะเร็วดี กินไม่ลงก็ยัดให้มันเลย
ที่ผ่านมาก็ไม่อยากจะพูดออกมาตรงๆ เพราะบางคนคงเคืองหลาย
ถ้าเราเป็นผู้เลี้ยงควรจะพิจารณาในสิ่งต่างๆที่รู้มาก่อนปฎิบัติ
เราก็เหนื่อยจะตามแก้ไขความเข้าใจในสิ่งต่างๆแล้วเหมือนกัน
เพราะแนะอะไรไปก็มีแต่คนทักท้วง ไม่เชื่อ ก็ช่างเหอะไม่ใช่นกเรา
ก็จะปล่อยโลกของพวกคุณหมุนแบบเอียงๆต่อไปละกันค่ะ
เราขออยู่บนดวงจันทร์นั่งมองโลกดีกว่า เหนื่อยแระ
ก็อย่างที่คุณจอมมารว่า ตำราไม่ได้มีแค่เล่มเดียว
เผอิญเราเรียนมาจากของจริง วิธีก็เลยไม่เหมือนในตำราค่ะ
อ้อ ขอเตือนว่ามีอีกหลายเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่ไม่อยากพูดถึง
เพราะบางคนอาจเอาไปใช้เพื่อการค้าได้
จะกลายเป็นเราชี้ช่องให้ทำร้ายสัตว์แทน
ก็อย่างที่บอก จขกท ไปใน กท แรก
ว่าไม่จำเป็นต้องให้ยา ยาเนี่ยถ้าป่วยจริงค่อยให้
ไม่ใช่คิดว่าป่วยก็ให้ อันนี้เป็นวิธีการของพ่อค้าสัตว์
อัดยาให้นกรอดในมือ จะมีผลเสียอย่างไรก็ช่าง อายุจะสั้นก็ช่าง
จะรอดไปได้อีกกี่วันก็ช่าง ขอให้ขายพ้นมือไปก่อน
แล้วคนที่เลี้ยงก็ไม่รู้จุดประสงค์แบบนั้น เค้าบอกว่าแบบนี้ๆๆดี
ก็เอามาใช้กันต่อๆๆ โดยหารู้ไม่ว่าขนาดยาและวิธีที่เค้าให้กันนั้น
ประสงค์แค่ให้สัตว์หาย แต่ไม่คำนึงถึงผลที่เกิด
และก็มียาตัวนึงใช้กันมากในหมู่ค้าสัตว์ ใช้กันมาเป็นสิบๆปี
ลองไปถามตามพวกร้านขายสัตว์ดูสิจะบอกแต่ชื่อเดียว
เหมือนเป็นยาเทวดา รักษาทุกโรค
แต่จริงแล้วใช้เป็นแต่ตัวนั้น อันอื่นไม่เคยลองกัน
เพราะพอร้านนี้ป่วย ข้างร้านก็แนะไอ้นี่ดีที่สุด
ก็ปากต่อปากไปเรื่อย แต่เราไม่เคยใช้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
และนกที่เลี้ยงก็ไม่เคยป่วยเลยด้วย เพราะการเลี้ยงที่ถูกวิธี
อย่างกรณีนี้ ถ้ารู้ว่ายามีผลต่อตัวนกก็ไม่็ควรใช้
หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องใช้ในจำนวนน้อยที่สุดต่อครั้ง
และควบคุม เวลา และ จำนวนครั้งที่ให้
ที่เรารู้เพราะเราเลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่จำความได้
และก็อยู่ในแวดวงค้าสัตว์มานานนนนน
ไม่ว่าจะสัตว์ปีก สัตว์บก-น้ำ สัตว์ป่า
ถึงได้เตือนสติว่าคิดดูให้ดีก่อนจะให้ยา ว่าเค้าป่วยรึเปล่าว
ไม่ได้บอกว่าถึงป่วยก็ไม่ต้องกินยา
จำไว้ว่าวิธีของผู้เลี้ยง กับ ผู้ค้า นั้นไม่เหมือนกัน
ผู้ค้าสนแต่ทำยังไงก็ได้ไม่ให้ขาดทุน ทำยังไงก็ได้ให้ต้นทุนต่ำ
บางเรื่องก็จะบอกเราว่าต้องแบบนี้ดี แต่ที่ไหนได้
เอาประหยัด ง่าย เร็ว เข้าว่า ไม่อยากเอ่ยว่าอะไรบ้าง
แล้วใครจะกล้าตอบล่ะว่า อ๋อ แบบนี้ประหยัดดี
นกเหรอมันไม่เจ็บหรอก ยังงี้ล่ะเร็วดี กินไม่ลงก็ยัดให้มันเลย
ที่ผ่านมาก็ไม่อยากจะพูดออกมาตรงๆ เพราะบางคนคงเคืองหลาย
ถ้าเราเป็นผู้เลี้ยงควรจะพิจารณาในสิ่งต่างๆที่รู้มาก่อนปฎิบัติ
เราก็เหนื่อยจะตามแก้ไขความเข้าใจในสิ่งต่างๆแล้วเหมือนกัน
เพราะแนะอะไรไปก็มีแต่คนทักท้วง ไม่เชื่อ ก็ช่างเหอะไม่ใช่นกเรา
ก็จะปล่อยโลกของพวกคุณหมุนแบบเอียงๆต่อไปละกันค่ะ
เราขออยู่บนดวงจันทร์นั่งมองโลกดีกว่า เหนื่อยแระ
ก็อย่างที่คุณจอมมารว่า ตำราไม่ได้มีแค่เล่มเดียว
เผอิญเราเรียนมาจากของจริง วิธีก็เลยไม่เหมือนในตำราค่ะ
อ้อ ขอเตือนว่ามีอีกหลายเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่ไม่อยากพูดถึง
เพราะบางคนอาจเอาไปใช้เพื่อการค้าได้
จะกลายเป็นเราชี้ช่องให้ทำร้ายสัตว์แทน