ผมหนัก96กิโลใส่ไซค์ไหนครับ เอา1ตัวไม่โอนเงินนะครับจะไปรับเสื้อและจ่ายเงินที่ office นวมินทร์ได้ไหมครับ
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
Show posts Menuอ้างถึงnatch_ou เป็นผู้เขียน:
นำเอาประสบการณ์ตรงที่ไม่มีวันลืมมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นการเตือนใจให้ทุกท่านรอบคอบในการเลือกบุคลากรที่จะทำการตรวจรักษาให้กับสัตว์เลี้ยงของเราค่ะ
-----------
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2552 ดิฉันได้พานกสายพันธุ์ค็อกทาเคล อายุประมาณ 1-3 เดือน ไปตรวจรักษาที่คลีนิคสัตว์พิเศษ ของรพส.เกษตร เนื่องจากเห็นว่านกที่รับมาได้มีอาการซึม ไม่ค่อยทานอาหารป้อน โดยอาการโดยรวมยังคงดีอยู่ เพียงแต่ไม่ค่อยทานอาหารป้อน ทานแต่เมล็ดทานตะวันนิดหน่อย แต่เมื่อไปถึงรพส. นกกลับเริ่มรับประทานอาหารได้ ขยับปีกจะบิน และส่งเสียงร้องต้องการอาหารแล้ว แต่เพราะต้องการให้หมอตรวจให้แน่ใจเกี่ยวกับสุขภาพโดยรวมของนก เพื่อกันไว้ดีกว่าแก้ ดิฉันจึงอดทนรอตั้งแต่เวลา 9.50น. จนกระทั่งเที่ยงกว่า
เพื่อให้นกได้รับการตรวจ
โดยหมอที่ทำการตรวจ บอกผลที่ตรวจจากมูลของนกว่า มีเชื้อยีสต์ และเชื้อแบคทีเรียที่ถือว่าค่อนข้างเยอะไปนิด จึงให้ทำการเพาะเชื้อโดยไม่มีการบอกวิธีการว่าการเพาะเชื้อมีวิธีการทำอย่างไร บอกแต่เพียงว่าเพื่อจะดูว่ายาอะไรเหมาะที่จะให้กับนกตัวนี้ แต่พอถึงเวลาผู้ที่ทำการทำการรักษาได้หยิบไม้แท่งยาวที่มีสำลีพันอยู่ที่ก้าน มาแทงเข้าไปที่รูทวารของนก โดยที่ดิฉันยังคงเข้าใจว่าไม้นั้นคงใช้แค่เพียงเขี่ยเศษมูลนกออกมาเท่านั้น จากนั้นเป็นการใช้ไม้พันสำลีอีกแท่งกวาดเข้าไปที่เพดานปากของนก หลังจากเสร็จขั้นตอนทั้งหมด ดิฉันได้พานกของดิฉันขึ้นแท็กซี่กลับบ้านทันที
ด้วยความคิดที่ยังคงสงสัยว่า ไม่ว่าเจ้าของสัตว์จะถามหรือไม่ เหตุใดจึงไม่มีการบอกขั้นตอนในการเพาะเชื้อให้เจ้าของเข้าใจโดยละเอียด
โดยระหว่างทางดิฉันเห็นของเหลวใสคล้ายเจล ซึ่งคาดว่าออกมาจากรูทวาร เมื่อถึงบ้านแฟนดิฉันจึงลองดูของเหลวใสนั้น ปรากฎว่ามีจุดสีแดงคล้ายเลือดจุดเล็กๆหนึ่งจุด ปนอยู่ จึงได้ดูที่รูทวารของนก พบว่าไส้ของนกไหล
ออกมา ดิฉันจึงรีบกลับไปรพส.เกษตรทันที โดยนกต้องเข้ารับการผ่าตัด
หมอคนที่ทำการตรวจได้พูดด้วยสีหน้าไม่ยินดียินร้าย และพูดแบบไร้ความรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น โดยอ้างว่าไม่เคยพบเห็นเคสแบบนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตนหรือเป็นเพราะนกไม่สบายมาก่อนอยู่แล้ว ถ้าเป็นเพราะตนก็ขอโทษ
ด้วยแล้วกัน แต่เมื่อดิฉันถามไปถามมา จึงหลุดปากพูดว่าโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการไส้ไหลนั้นมีอยู่จริง
ดิฉันจึงถามว่าถ้ามีโอกาสเสี่ยงทำไมจึงไม่บอกกับเจ้าของสัตว์ ก่อนที่จะลงมือทำ หมอได้แต่พูดว่าเพราะไม่เคยเจอ ทำมาเยอะแต่ไม่เคยมีปัญหาอย่างนี้ ดิฉันฟังแล้วเสียใจมาก ที่นกที่ดิฉันรัก นกที่ดิฉันเพียงแค่ต้องการพามาตรวจสุขภาพเพื่อให้เค้าแข็งแรง จะต้องตายเพราะความประมาท
ของหมอคนนี้ และสุดท้ายนกของดิฉันก็ทิ้งร่างของเค้าไป ไม่มีอะไรที่ดิฉันทำได้ นอกจากโทษตัวเองที่ไว้ใจคนที่ได้คำนำหน้าชื่อว่า "สัตวแพทย์" ....
ขอฝากเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงแสนรักทุกท่าน
อย่าไว้ใจคนที่มีหน้าที่รักษาชีวิตสัตว์เสมอไป
เพราะยังมีสัตวแพทย์ที่ไร้ศักยภาพ มีความประมาทเลินเล่อ
ในการรักษาอยู่ด้วยเช่นกัน
"โปรดเลือกบุคคลที่คุณสรรหาว่าน่าจะดีที่สุด อย่าหละหลวมในเรื่องของบุคลากร บุคคลที่จะให้ทำการตรวจรักษาสัตว์เลี้ยงของท่าน"
ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์สะเทือนใจนี้
จะไม่ได้จบอยู่เพียงแค่ดิฉันเพียงคนเดียว