หนึ่งในหมอรพส.เกษตร ถ้าคุณไว้ใจ..คุณจะเสียใจ

เริ่มโดย natch_ou, เมษายน 12, 2009, 08:57:36 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

natch_ou

นำเอาประสบการณ์ตรงที่ไม่มีวันลืมมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นการเตือนใจให้ทุกท่านรอบคอบในการเลือกบุคลากรที่จะทำการตรวจรักษาให้กับสัตว์เลี้ยงของเราค่ะ
-----------

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2552 ดิฉันได้พานกสายพันธุ์ค็อกทาเคล อายุประมาณ 1-3 เดือน ไปตรวจรักษาที่คลีนิคสัตว์พิเศษ ของรพส.เกษตร เนื่องจากเห็นว่านกที่รับมาได้มีอาการซึม ไม่ค่อยทานอาหารป้อน โดยอาการโดยรวมยังคงดีอยู่ เพียงแต่ไม่ค่อยทานอาหารป้อน ทานแต่เมล็ดทานตะวันนิดหน่อย แต่เมื่อไปถึงรพส. นกกลับเริ่มรับประทานอาหารได้ ขยับปีกจะบิน และส่งเสียงร้องต้องการอาหารแล้ว แต่เพราะต้องการให้หมอตรวจให้แน่ใจเกี่ยวกับสุขภาพโดยรวมของนก เพื่อกันไว้ดีกว่าแก้  ดิฉันจึงอดทนรอตั้งแต่เวลา 9.50น. จนกระทั่งเที่ยงกว่า
เพื่อให้นกได้รับการตรวจ
โดยหมอที่ทำการตรวจ บอกผลที่ตรวจจากมูลของนกว่า มีเชื้อยีสต์ และเชื้อแบคทีเรียที่ถือว่าค่อนข้างเยอะไปนิด จึงให้ทำการเพาะเชื้อโดยไม่มีการบอกวิธีการว่าการเพาะเชื้อมีวิธีการทำอย่างไร บอกแต่เพียงว่าเพื่อจะดูว่ายาอะไรเหมาะที่จะให้กับนกตัวนี้ แต่พอถึงเวลาผู้ที่ทำการทำการรักษาได้หยิบไม้แท่งยาวที่มีสำลีพันอยู่ที่ก้าน มาแทงเข้าไปที่รูทวารของนก โดยที่ดิฉันยังคงเข้าใจว่าไม้นั้นคงใช้แค่เพียงเขี่ยเศษมูลนกออกมาเท่านั้น จากนั้นเป็นการใช้ไม้พันสำลีอีกแท่งกวาดเข้าไปที่เพดานปากของนก หลังจากเสร็จขั้นตอนทั้งหมด ดิฉันได้พานกของดิฉันขึ้นแท็กซี่กลับบ้านทันที
ด้วยความคิดที่ยังคงสงสัยว่า ไม่ว่าเจ้าของสัตว์จะถามหรือไม่ เหตุใดจึงไม่มีการบอกขั้นตอนในการเพาะเชื้อให้เจ้าของเข้าใจโดยละเอียด
โดยระหว่างทางดิฉันเห็นของเหลวใสคล้ายเจล ซึ่งคาดว่าออกมาจากรูทวาร เมื่อถึงบ้านแฟนดิฉันจึงลองดูของเหลวใสนั้น ปรากฎว่ามีจุดสีแดงคล้ายเลือดจุดเล็กๆหนึ่งจุด ปนอยู่ จึงได้ดูที่รูทวารของนก พบว่าไส้ของนกไหล
ออกมา ดิฉันจึงรีบกลับไปรพส.เกษตรทันที โดยนกต้องเข้ารับการผ่าตัด
หมอคนที่ทำการตรวจได้พูดด้วยสีหน้าไม่ยินดียินร้าย และพูดแบบไร้ความรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น โดยอ้างว่าไม่เคยพบเห็นเคสแบบนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตนหรือเป็นเพราะนกไม่สบายมาก่อนอยู่แล้ว ถ้าเป็นเพราะตนก็ขอโทษ
ด้วยแล้วกัน แต่เมื่อดิฉันถามไปถามมา จึงหลุดปากพูดว่าโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการไส้ไหลนั้นมีอยู่จริง
ดิฉันจึงถามว่าถ้ามีโอกาสเสี่ยงทำไมจึงไม่บอกกับเจ้าของสัตว์ ก่อนที่จะลงมือทำ หมอได้แต่พูดว่าเพราะไม่เคยเจอ ทำมาเยอะแต่ไม่เคยมีปัญหาอย่างนี้ ดิฉันฟังแล้วเสียใจมาก ที่นกที่ดิฉันรัก นกที่ดิฉันเพียงแค่ต้องการพามาตรวจสุขภาพเพื่อให้เค้าแข็งแรง จะต้องตายเพราะความประมาท
ของหมอคนนี้ และสุดท้ายนกของดิฉันก็ทิ้งร่างของเค้าไป ไม่มีอะไรที่ดิฉันทำได้ นอกจากโทษตัวเองที่ไว้ใจคนที่ได้คำนำหน้าชื่อว่า "สัตวแพทย์" ....

ขอฝากเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงแสนรักทุกท่าน
อย่าไว้ใจคนที่มีหน้าที่รักษาชีวิตสัตว์เสมอไป
เพราะยังมีสัตวแพทย์ที่ไร้ศักยภาพ มีความประมาทเลินเล่อ
ในการรักษาอยู่ด้วยเช่นกัน
"โปรดเลือกบุคคลที่คุณสรรหาว่าน่าจะดีที่สุด อย่าหละหลวมในเรื่องของบุคลากร บุคคลที่จะให้ทำการตรวจรักษาสัตว์เลี้ยงของท่าน"
ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์สะเทือนใจนี้
จะไม่ได้จบอยู่เพียงแค่ดิฉันเพียงคนเดียว
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
RIP. "ALBINO".. "AECHO".. "GAMO".. "DUAL".. & "DUO"
ลูกจะอยู่ในความทรงจำแห่งรักของพ่อและแม่ตลอดไป
------<<@
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

bios_m

เสียใจด้วยครับ

ผมคนนึงก็เคยพาเจ้ากัสโตไปรักษาที่นี่ แต่เคสของผมคือการป้อนอาหารที่ร้อนให้เขา จนทำให้กระเพาะเหมือนโดนน้ำร้อนลวก ก่อนจะพาไปที่เกษตรผมได้ปรึกษาทางพี่ put พี่เขาแนะ ร.พ.ทั้ง 2 ที่ ระหว่างเกษตรกับจุฬา แต่ผมไม่มีข้อมูลเรื่องหมอที่ตรงกับสัตว์ ลองหาข้อมูลดูและรู้ว่าที่เกษตร มีหมอตรงกับนกผมเลยพาไป ในวันที่ผมพาไปเจ้ากัสโตอาการเริ่มไม่ดีแล้ว คือซึมๆ ผมไปจากศาลายาไปถึงเกษตรก็ 9.30 กว่าจะทำบัตรนั่งรอ ผมก็อยากให้เขาตรวจเร็วๆเพราะใจร้อน รู้อยู่แล้วว่ายังไงต้อผ่าตัดเจ้ากัสโต พอถึงคิวผมตรวจ มีหมอผู้ชายเขาก็อธิบายวิธีพาตัด สาเหตุของอาการ และดึงขนนกไปตรวจหาเชื้อโรค ระหว่างนั้นหมอก็โทรจองห้องผ่าตัดให้แบบลัดคิวเลย ระหว่างที่นำเจ้ากัสโตไปผ่าตัด น.ศ.แพทย์ก็ช่วยนำเจ้ากัสโตไปเข้าห้องผ่าเลยไม่ต้องรออะไร ผ่านไปสักครึ่ง ช.ม.ก็เสร็จ ก่อนกลับ น.ศ. แพทย์ยังแนะนำวิธีดูแล รักษาการให้อาหารและการให้ยา ด้วย ผมประทับใจมากกับการรักษาครั้งนี้ครับ

เคสของคุณอาจจะแตกต่างกับผม
RE-AMEMIYA : ลมป่าภูเขาไฟ

aong1

สัตวแพทย์ในเมืองไทยกว่า80% ผมว่าไม่เก่งครับ อย่างสุนัขที่บ้านเป็นโรคไตเรื่อรัง แทนที่จะให้น้ำเกลือเวลาพาไปรักษา แต่นี่กลับไม่ให้ ผมจึงเปลี่ยนไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ใน มข. แพทย์ที่นั้น(เป็นอาจารย์)ถามผมว่าพาสุนัขไปรักษาที่ไหนมา ที่นั้นได้ให้น้ำเกลือบ้างรึปล่าว ผมเลยบอกว่าไม่ได้ให้ อาจารย์ที่นั้นเลยพูดขึ้นว่า ทำไมไม่ให้หนอ!!!!ผลสุดท้ายรักษาไม่ทันแล้วเพราะอาการทรุดหนักมาก ปล.โรคไตรักษาไม่หายแต่สามารถยืดอายุได้นานมากถ้ารักษาดีฯ  อีกเคสนึ่ง สุนัขตัวนี้เคยโดนรถชนจนกระดูกบั้นท้ายหัก พอไปรักษา เค้าบอกต้องผ่าตัดไม่อย่างนั้นสุนัขจะไม่สามารถเดินได้อีก ผมจึงอนุญาติให้ผ่าได้ พอกำลังจะเอาเข้าห้องผ่าก็มีฝรั่งคนนึ่งเดินมาดู(มารู้ทีหลังว่าเป็นศาสตราจาร์)แล้วพูดว่าจะพาสุนัขไปไหน สัตวแพทย์ที่นั้นบอกจะพาไปผ่าตัด ฝรั่งคนนั้นจึงดูฟิล์มเอ็กซเรย์แล้วพูดขึ้นว่า ไม่ต้องผ่า จะผ่าไปทำไมแค่1เดือนเดี๋ยวก็หายแถมกลับมาเดินได้เหมือนเดิม
มือใหม่ในวันนี้...คือเซียนนกในวันข้างหน้า :pint:

sparrow

ขอแสดงความเสียใจกับเจ้าของนกด้วยนะครับ  ที่ผ่านมาก็ถือเป็นประสบการณ์นะครับ  อย่าเพิ่งมีอคติกับสัตวแพทย์  

อุบัติเหตุที่เกิดจากการรักษาอาจเกิดขึ้นได้  แต่คงไม่มีใครอยากให้เกิด  การสื่อสารก็เป็นเรื่องสำคัญ   สำหรับคนที่เคยมีประสบการณ์ไม่ดีก็อย่าเพิ่งมองสัตวแพทย์ในแง่ลบเกินไป   ยังมีหมออีกหลายท่านที่เก่งและมีความรู้  เพียงแต่ส่วนใหญ่แล้วเวลารักษาหายก็มักไม่มีใครพูดถึงซักเท่าไหร่
laboratory of Animal Reproductive Biotechnology
รับบริจาคนกที่สิ้นชีวิตแล้วเพื่อการศึกษา......เป็นวิทยาทานนะคร้าบบบบบบบบ

coco

คลีนิคสัตว์พิเศษที่เกษตรนี่ ที่คุ้นเคยเลยค่ะ  ที่เคยไปมีหมอผู้ชาย2คน (คนนึงรูปร่างสูงใหญ่ ค่าตรวจ50บ.   อีกคนดูบางกว่า ค่าตรวจ100 บ. ) มีผู้หญิง 1คน ค่าตรวจ50บ.   บอกได้แค่นี้อ่ะไม่เคยรู้ชื่อหมอเล้ย  ไม่ทราบว่า  natch_ou เจอหมอคนไหนคะ เหตุไม่คาดคิดมีโอกาสเกิดได้เสมอจะได้ระวังไว้บ้างค่ะ
แต่ที่เคยรักษามานับว่าประทับใจค่ะ  แล้วหมอก็เก่งนะคะ ลูกๆที่เลี้ยงทั้งสองตัวผ่านกรรมวิธีที่คุณ natch_ou เล่ามาหมดแล้วค่ะโชคดีที่ไม่เป็นเหมือนคุณ natch_ou  ยิ่งตอนเลี้ยงอิเล็คตัสเนี่ย เฉลี่ย1สัปดาห์/1ครั้งที่ต้องไปพบหมอ  ผ่านการแยงก้นมาแล้ว2-3ครั้งค่ะ มีครั้งนึงก้านไม้พันสำลีเนี่ยหักคาปากเจ้าอิเล็คตัสเลย โชคดีที่ไม่เป็นอะไร ตอนเห็นไม้หักก็ตกใจเหมือนกัน  แต่ที่นี่เค้าก็รักษาจนหายจากเชื้อรา ยีสต์และอื่นๆอีกมากมายที่มีมากเกินเหตุในตัวลูกเราจนหายค่ะ
นี่มันแอฟริกันเกรย์  หรือแอฟริกันเกเรเนี่ย

natch_ou

ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจไว้ ณ ที่นี้เลยนะคะ
(เกรงว่าจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดอ่ะค่ะ)

ว่าการตั้งกระทู้นี้ เพียงเพื่อให้ทุกท่านระมัดระวังในการเลือกสรรบุคลากรที่จะทำการรักษาให้กับสัตว์เลี้ยงของเรา

ไม่ได้หมายถึงว่า
สัตวแพทย์ทุกคนจะไม่สามารถทำการรักษาอย่างมีคุณภาพได้

------

ตอบคุณ coco นะคะ

ผู้ที่ทำการตรวจให้เจ้านกน้อยของดิฉันวันนั้น
.
เป็นผู้ชาย รูปร่างอ้วนๆ ขาวๆ ใส่แว่นตาค่ะ

ส่วนคุณหมอผู้หญิงที่คุณ coco บอกว่าค่าตรวจ 50 บาท

ดิฉันคิดว่าน่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่เคยพาน้องกระต่ายไปรักษาค่ะ

คุณหมอผู้หญิงตรวจและวินิจฉัยมูลของกระต่าย และบอกถึงความเป็นไปได้ที่ทำให้น้องกระต่ายท้องเสีย
แถมยังใส่ใจรายละเอียดต่างๆ ดีมากๆเลยค่ะ หน้าตาก็น่ารักด้วย ^^
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
RIP. "ALBINO".. "AECHO".. "GAMO".. "DUAL".. & "DUO"
ลูกจะอยู่ในความทรงจำแห่งรักของพ่อและแม่ตลอดไป
------<<@
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

badpig

การเพาะเชื้อนะครับ คือการนำเอาเชื้อไปใส่อาหารเลี้ยงเชื้อที่มียาแต่ละชนิดอยู่เพื่อดูว่ายาตัวไหนใช้ได้ผลครับ (คราวๆนะครับ)
อ้างถึงnatch_ou เป็นผู้เขียน:
นำเอาประสบการณ์ตรงที่ไม่มีวันลืมมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นการเตือนใจให้ทุกท่านรอบคอบในการเลือกบุคลากรที่จะทำการตรวจรักษาให้กับสัตว์เลี้ยงของเราค่ะ
-----------

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2552 ดิฉันได้พานกสายพันธุ์ค็อกทาเคล อายุประมาณ 1-3 เดือน ไปตรวจรักษาที่คลีนิคสัตว์พิเศษ ของรพส.เกษตร เนื่องจากเห็นว่านกที่รับมาได้มีอาการซึม ไม่ค่อยทานอาหารป้อน โดยอาการโดยรวมยังคงดีอยู่ เพียงแต่ไม่ค่อยทานอาหารป้อน ทานแต่เมล็ดทานตะวันนิดหน่อย แต่เมื่อไปถึงรพส. นกกลับเริ่มรับประทานอาหารได้ ขยับปีกจะบิน และส่งเสียงร้องต้องการอาหารแล้ว แต่เพราะต้องการให้หมอตรวจให้แน่ใจเกี่ยวกับสุขภาพโดยรวมของนก เพื่อกันไว้ดีกว่าแก้  ดิฉันจึงอดทนรอตั้งแต่เวลา 9.50น. จนกระทั่งเที่ยงกว่า
เพื่อให้นกได้รับการตรวจ
โดยหมอที่ทำการตรวจ บอกผลที่ตรวจจากมูลของนกว่า มีเชื้อยีสต์ และเชื้อแบคทีเรียที่ถือว่าค่อนข้างเยอะไปนิด จึงให้ทำการเพาะเชื้อโดยไม่มีการบอกวิธีการว่าการเพาะเชื้อมีวิธีการทำอย่างไร บอกแต่เพียงว่าเพื่อจะดูว่ายาอะไรเหมาะที่จะให้กับนกตัวนี้ แต่พอถึงเวลาผู้ที่ทำการทำการรักษาได้หยิบไม้แท่งยาวที่มีสำลีพันอยู่ที่ก้าน มาแทงเข้าไปที่รูทวารของนก โดยที่ดิฉันยังคงเข้าใจว่าไม้นั้นคงใช้แค่เพียงเขี่ยเศษมูลนกออกมาเท่านั้น จากนั้นเป็นการใช้ไม้พันสำลีอีกแท่งกวาดเข้าไปที่เพดานปากของนก หลังจากเสร็จขั้นตอนทั้งหมด ดิฉันได้พานกของดิฉันขึ้นแท็กซี่กลับบ้านทันที
ด้วยความคิดที่ยังคงสงสัยว่า ไม่ว่าเจ้าของสัตว์จะถามหรือไม่ เหตุใดจึงไม่มีการบอกขั้นตอนในการเพาะเชื้อให้เจ้าของเข้าใจโดยละเอียด
โดยระหว่างทางดิฉันเห็นของเหลวใสคล้ายเจล ซึ่งคาดว่าออกมาจากรูทวาร เมื่อถึงบ้านแฟนดิฉันจึงลองดูของเหลวใสนั้น ปรากฎว่ามีจุดสีแดงคล้ายเลือดจุดเล็กๆหนึ่งจุด ปนอยู่ จึงได้ดูที่รูทวารของนก พบว่าไส้ของนกไหล
ออกมา ดิฉันจึงรีบกลับไปรพส.เกษตรทันที โดยนกต้องเข้ารับการผ่าตัด
หมอคนที่ทำการตรวจได้พูดด้วยสีหน้าไม่ยินดียินร้าย และพูดแบบไร้ความรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น โดยอ้างว่าไม่เคยพบเห็นเคสแบบนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตนหรือเป็นเพราะนกไม่สบายมาก่อนอยู่แล้ว ถ้าเป็นเพราะตนก็ขอโทษ
ด้วยแล้วกัน แต่เมื่อดิฉันถามไปถามมา จึงหลุดปากพูดว่าโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการไส้ไหลนั้นมีอยู่จริง
ดิฉันจึงถามว่าถ้ามีโอกาสเสี่ยงทำไมจึงไม่บอกกับเจ้าของสัตว์ ก่อนที่จะลงมือทำ หมอได้แต่พูดว่าเพราะไม่เคยเจอ ทำมาเยอะแต่ไม่เคยมีปัญหาอย่างนี้ ดิฉันฟังแล้วเสียใจมาก ที่นกที่ดิฉันรัก นกที่ดิฉันเพียงแค่ต้องการพามาตรวจสุขภาพเพื่อให้เค้าแข็งแรง จะต้องตายเพราะความประมาท
ของหมอคนนี้ และสุดท้ายนกของดิฉันก็ทิ้งร่างของเค้าไป ไม่มีอะไรที่ดิฉันทำได้ นอกจากโทษตัวเองที่ไว้ใจคนที่ได้คำนำหน้าชื่อว่า "สัตวแพทย์" ....

ขอฝากเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงแสนรักทุกท่าน
อย่าไว้ใจคนที่มีหน้าที่รักษาชีวิตสัตว์เสมอไป
เพราะยังมีสัตวแพทย์ที่ไร้ศักยภาพ มีความประมาทเลินเล่อ
ในการรักษาอยู่ด้วยเช่นกัน
"โปรดเลือกบุคคลที่คุณสรรหาว่าน่าจะดีที่สุด อย่าหละหลวมในเรื่องของบุคลากร บุคคลที่จะให้ทำการตรวจรักษาสัตว์เลี้ยงของท่าน"
ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์สะเทือนใจนี้
จะไม่ได้จบอยู่เพียงแค่ดิฉันเพียงคนเดียว

coco

อ้างถึงnatch_ou เป็นผู้เขียน:
ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจไว้ ณ ที่นี้เลยนะคะ
(เกรงว่าจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดอ่ะค่ะ)

ว่าการตั้งกระทู้นี้ เพียงเพื่อให้ทุกท่านระมัดระวังในการเลือกสรรบุคลากรที่จะทำการรักษาให้กับสัตว์เลี้ยงของเรา

ไม่ได้หมายถึงว่า
สัตวแพทย์ทุกคนจะไม่สามารถทำการรักษาอย่างมีคุณภาพได้

------

ตอบคุณ coco นะคะ

ผู้ที่ทำการตรวจให้เจ้านกน้อยของดิฉันวันนั้น
.
เป็นผู้ชาย รูปร่างอ้วนๆ ขาวๆ ใส่แว่นตาค่ะ

ส่วนคุณหมอผู้หญิงที่คุณ coco บอกว่าค่าตรวจ 50 บาท

ดิฉันคิดว่าน่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่เคยพาน้องกระต่ายไปรักษาค่ะ

คุณหมอผู้หญิงตรวจและวินิจฉัยมูลของกระต่าย และบอกถึงความเป็นไปได้ที่ทำให้น้องกระต่ายท้องเสีย
แถมยังใส่ใจรายละเอียดต่างๆ ดีมากๆเลยค่ะ หน้าตาก็น่ารักด้วย ^^

ขอบคุณค่ะทราบแล้วว่าคนไหน แต่ก่อนจะเจอหมอคนนี้วันเสาร์อาทิตย์ไปวันธรรมดาไม่เคยเจอ แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้ออกตรวจวันธรรมดาด้วยป่าว
ส่วนคุณหมอผู้หญิงนี่ดีค่ะน่ารักมากๆ ที่รักษาให้อิเล็คตัสก็คนนี้แหละค่ะดูกันจนหมอจำชื่อนกได้ไปเลย ไปบ๋อยบ่อย
นี่มันแอฟริกันเกรย์  หรือแอฟริกันเกเรเนี่ย