เล่าประสบการณ์ ที่ใคร ๆ มักไม่เล่ากัน จะเป็นเพราะความซวย หรือเพราะไม่ดีเอง

เริ่มโดย ..., กุมภาพันธ์ 18, 2008, 06:10:33 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 3 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

...

นั่งคิด  นอนคิด  มาหลาย ๆๆๆ วัน  ว่าจะเล่าดี  ไม่เล่าดี  

ลงความเห็นว่า  ขอเราแชร์ เป็นประสบการณ์ ละกันน๊ะครับ  อาจจะเป็นเพราะการดูแลไม่ดี  หรือความสับเพล่า  หรือความซวย  ก็ไม่สามารถบอกได้
 
 :cry:  :-?


ใคร ๆ มักบอกกันว่า  การป้อนอาหารด้วยวิธีการ Manual  คือใช้ช้อนบีบ  หรือ  ไซริ้ง ( แบบไม่มีไส้ไก่ ) ป้อน  เป็นเทคนิคที่ง่ายสำหรับนำมาใช้ป้อนนกกัน  สะดวก ปลอดภัย 100 %

ปล.  เดี๋ยวหาถ่ายรูปอุปกรณ์ประกอบ

...

ถ้าสำหรับนกขนาดเล็ก  จำพวก Sun / ริงเน็ท / กรีนชีค / แขกเต้า / แก้วโม่ง  / ฮั้นท์  และอื่น ๆ  

การป้อนด้วยไซริ้งค์  แบบไม่มีสาย  หรือช้อนป้อน  ถือว่าไม่น่ามีปัญหาครับ  

การป้อนด้วยไซริ้งค์  จะดีตรงสามารถรู้ปริมาณในการป้อนในแต่ละมื้อ  อาหาร  อุณหภูมิตอนชงอาหารไม่ลดลงพรวดพราด จนเย็นตัว  ในขณะป้อน  ถนัดและรวดเร็วในการป้อน

การป้อนด้วยช้อนบีบ  ดีตรงที่ขนาดของช้อนที่ใช้จะเสมือนเป็นการเรียนรูปแบบของปากพ่อแม่นก  ปริมาณในการป้อนไม่สามารถกะได้  ต้องกะจากการดูกระเพาะพักของนก  และอุณหภูมิของอาหารจะลดลงอย่างรวดเร็ว  บางครั้งอาจจะต้องใช้ถ้วยที่ชงอาหารแช่ไว้ในถ้วยน้ำร้อน  เพื่อให้คงอุณภูมิที่ต้องการ  และอาจจะไม่ถนัดช้า เลอะเทอะ



โดยบางครั้งบทความบาง WEB  บอกว่า  เป็นวิธีการป้อนที่ปลอดภัยที่สุด  แต่ถ้าเทียบข้อดี และข้อเสีย  แล้ว  วิธีการดังกล่าว  ก็อาจจะมีข้อดี และข้อเสีย  ที่เสมอ กัน  แต่ถ้านำวิธีการป้อนดังกล่าวมาใช้กับนกที่มีขนาดกลาง ถึงใหญ่  เทคนิคดังกล่าว  ( ดังจะเล่าให้ฟังในต่อไป นั้น  )  ไม่สามารถที่จะใช้ได้ดี  แม้บางครั้ง  เราคิดว่าเราปราณีตที่สุดในการดูแล และนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดแล้ว

แต่ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควรอยู่ดีละครับ  
  :cry:

sira

บางเวป ที่ว่า เข้าไปอ่านแล้วเซ็ง
คำขู่สารพัด
สำหรับคนรักนกเบื่อครับ  
เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง :-P
... ใครมาถึงเรือนชาน ต้องต้อนรับ ...

put

จะเรียกว่าความซวยหรือความสับเพล่า คงไม่ใช่หรอกครับ  เรียกว่าอุบัติเหตุดีกว่าครับ  เพราะผู้เลี้ยงนกส่วนใหญ่ ย่อมมีความรู้ในการป้อนลูกนกเป็นอย่างดีแล้ว  อุปกรณ์ในการป้อนลูกนกทุกชนิด ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย  แต่ถ้าเราใช้อุปกรณ์นั้นๆ ด้วยความรู้จริงๆ รู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า ก็ย่อมป้องกันได้และผมว่า ทุกคนป้อนลูกนกคงไม่เกิดการศูนย์เสียครับ

bios_m

ผมว่าลูกนกก็เป็นปัจจัยนึงนะครับ
ถึงได้มีหลายๆครั้งที่ใส้ไก่หลุดลงกระเพาะไป
RE-AMEMIYA : ลมป่าภูเขาไฟ

GoGuy

จริงครับ การป้อนกับไซริง มีข้อเด่นตรงที่เราสามารถกำหนดปริมาณอาหรในแต่ละครั้งได้อย่างแม่นยำ  และอีกข้อคือ ไซริงหย่าย ป้อนได้ครั้งละหลายตัว

ถ้าเป็นนกใหญ่ ผมมักจะใช้สายออกซิเจนปลาอย่างนิ่ม(เน้นอย่างนิ่มนะครับ) วัดให้เท่าจากปากถึงก้น แล้วตัดให้เลยมาอีก 3-4นิ้ว ส่วนที่ต้องแหย่เข้าไปในปากนกก็ให้เอาตะไบเล็บขัดให้มน  พอป้อนมันก็จะเหลือยาวออกมาจากปากนกพอควรเลยครับ

นกเล็กก็ใช้ใส้ไก่หรือสายน้ำเกลือเอา

นี่อาจจะเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามความเห็นของคุณพี่หลายคน(ผมเดาเอานะ) แต่ว่าผมถนัดแบบนี้อ่ะ



โดย นายโด้ เมื่อ 2008/2/18 6:29:35

โดยบางครั้งบทความบาง WEB บอกว่า เป็นวิธีการป้อนที่ปลอดภัยที่สุด แต่ถ้าเทียบข้อดี และข้อเสีย แล้ว วิธีการดังกล่าว ก็อาจจะมีข้อดี และข้อเสีย ที่เสมอ กัน แต่ถ้านำวิธีการป้อนดังกล่าวมาใช้กับนกที่มีขนาดกลาง ถึงใหญ่ เทคนิคดังกล่าว ( ดังจะเล่าให้ฟังในต่อไป นั้น ) ไม่สามารถที่จะใช้ได้ดี แม้บางครั้ง เราคิดว่าเราปราณีตที่สุดในการดูแล และนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดแล้ว

แต่ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควรอยู่ดีละครับ :cry:


โดย sira เมื่อ 2008/2/18 7:41:02

บางเวป ที่ว่า เข้าไปอ่านแล้วเซ็ง
คำขู่สารพัด
สำหรับคนรักนกเบื่อครับ
เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง


บางครั้งบางเวบคนเขียนอาจจะเล่ามาจากประสบการณ์ที่แย่ของเขาเอง อาจจะป้อนแค่ไม่กี่ตัวแล้วไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหวังก็ได้ครับ


โดย put เมื่อ 2008/2/18 8:52:48

จะเรียกว่าความซวยหรือความสับเพล่า คงไม่ใช่หรอกครับ เรียกว่าอุบัติเหตุดีกว่าครับ เพราะผู้เลี้ยงนกส่วนใหญ่ ย่อมมีความรู้ในการป้อนลูกนกเป็นอย่างดีแล้ว อุปกรณ์ในการป้อนลูกนกทุกชนิด ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ถ้าเราใช้อุปกรณ์นั้นๆ ด้วยความรู้จริงๆ รู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า ก็ย่อมป้องกันได้และผมว่า ทุกคนป้อนลูกนกคงไม่เกิดการศูนย์เสียครับ


ช่ายๆ อุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทั้งที่เราได้ป้องกันไว้แล้ว แต่เราต้องตั้งสติเพื่อสิ่งเดียวครับ คือเพื่อลูกนกน้อยของเราเอง
[img align=left]http://mobile-sg.com/images/chicken-little.gif[/img]






ยิ้มกว้างๆหน่อยสิ....

artz

ผมว่านะครับ มันเกิดจากหลายๆปัจจัย กรณีใส้ไก่หลุดเข้ากระเพาะ อาจจะมาจากเราเอง ที่ต่อใส้ไก่ไม่แน่น หรือใส้ไก่ยืด เสื่อมสภาพ หรือแม้แต่ใส้ไก่คุณภาพต่ำ บีบไซริงค์เเรงไปจนดันใส้ไก่หลุดออกไปด้วย หรืออาหารข้นไป ยังคนไม่เข้ากันดีจนอุดตันที่ไส้ไก่ พอออกเเรงบีบอีก ก็หลุดเลยไส้ไก่ลงคอนกไป หรืออาจจะเป็นที่ตัวนกที่มีการกัดเเละพยายามขยอกเอาใส้ไก่ลงไปด้วย ปัญหานี้จะพบในกรณีที่ใส้ไก่สั้นเกินไป พอหลุดเข้าปากนกทำให้เราดึงกลับมาไม่ทัน
  แต่โดยส่วนตัวผมไปซื้อไซริงค์กับใส้ไก่(ไม่รู้จะเรียกใส้ไก่หรือเปล่า)ที่ร้านเวชภัณท์ครับ
ตัวไซริงค์จะมีปลายขนาดใหญ่และสามารถสวมเข้ากับหลอดคาเทเตอร์ (คล้ายๆไส้ไก่ครับ) ท่อนี้จะยาวมากหน่อย จริงๆแล้วท่อนี้ทางการแพทย์ผลิตมาเพื่อดูดของเหลวที่คั่งอยู่ตามจุดต่างๆของร่างกายออกทิ้ง แต่ก็สามารถเอามาป้อนกับนกได้อย่างไม่มีปัญหา ทนความร้อนได้ดี อ่อนนุ่มไม่ค่อยระคายเคืองนัก
  นานาปัญหากับการป้อนครับ บางครั้งใช้ช้อนค่อยๆป้อน นกยังมีอาการคล้ายๆสำลักเลยทั้งๆที่คิดว่าป้อนปราณีตสุดๆแล้ว พอใช้ไซริงค์ไม่ต่อใส้ไก่ ก็มีปัญหาลงหลอดลมนิดๆตามมาอีก(สำหรับลูกนกเล็กมากๆ) พอต่อใส้ไก่ ก็มีปัญหาหลุดลงกระเพาะ หรือที่เลวร้ายก็คือการสอดไส้ไก่ผิดจุด กลายเป็นสอดลงหลอดลม เท่ากับว่าเราได้ฉีดอาหารลงหลอดลมไป ทำให้นกเสียชิวิตในเวลาอันรวดเร็ว(ชนิดคามือก็ว่าได้)
  ผมมองว่า มือใหม่บางคนที่ยังไม่เคยป้อนนกมาก่อน และ/หรือ ยังไม่เคยเข้ามาในเวปสยามฟินิกซ์นี้ พอป้อนครั้งเเรกๆ มักจะเจอปัญหาเหล่านี้ เลยโพสไว้ตามเวปต่างๆ เลยกลายเป็นที่มาว่า การป้อนนกเนี่ยป้อนยาก แต่หากเขาเหล่านั้นได้เข้ามาสัมผัสที่เวปนี้ และตั้งกระทู้ถาม ก็จะได้ข้อมูลที่ค่อนข้างแจ่มชัดกลับไป เพื่อเป็นเเนวทางในการจัดการ
  อนึ่ง ตัวผมเองมิได้พาดพิงไปถึงเวปอื่นใดไม่ แต่เท่าที่เห็น เมื่อมีการโพสถามปัญหาต่างๆเกี่ยวกับนกตามเวปต่างๆ ที่ไม่ใช่เวปนกโดยเฉพาะ มักจะไม่มีผู้ที่มาให้คำตอบ หรือวิธีการแก้ไขที่กระจ่างนัก ส่วนมากจะเป็นคำตอบแบบผ่านๆ ซึ่งมักจะได้ข้อมูลน้อยมาก ไม่ส่ามารถที่จะเเก้ปัญหาได้ทั้งหมด
เนื่องจากการเลี้ยงนก หรือการป้อนลูกนกกล่าวได้ว่ามิใช่ของง่ายที่ใครๆทำครั้งเเรกโดยที่ไม่มีคำแนะนำแล้วจะไม่เกิดปัญหา
   พี่ๆท่านใดมีเเนวทางเฉพาะ หรือเเบบฉบับส่วนตัว ก็ลองแชร์ประสพการณ์กันครับ เพื่อว่า ผู้ที่สนใจจะเริ่มเลี้ยงนกจากลูกป้อน ที่ยังไม่ได้สมัครสมาชิก ได้เเวะเวียนเข้ามาอ่าน จะได้ความรู้ไม่มากก็น้อย เพื่อไปใช้ได้ครับ
CERBERUS ARE HERE
Electric Sound Product

...

ความจริงที่ผมมากล่าวในนี้  ใช่ว่าผมจะเป็นผู้ชำนาญการณ์  เพียงแต่ว่าประสบการส่วนนึงของผม  ได้จากการเลี้ยงนกเองน๊ะครับ  ( นกที่บ้าน ) นกจากพี่ ๆ ฝากเลี้ยง  และมีบ้างที่ซื้อเข้ามาเลี้ยงน๊ะครับ  

แล้วผมจะเล่าให้ฟัง  ว่าการป้อนด้วยช้อน  ไซริ้ง  แล้ว  มันเกิดเหตุการณ์ ขนาดไหน  

ขนาดรวดเร็ว ทันตา  แต่ไม่ถึงตาย  ( ปรึกษาท่านทวด ทพ. ชาย ตัน ) เสียเครียดเลยครับ  หุ หุ


ปล. เป็นแชร์ความรู้ครับ  ไม่ใช่จงใจจะไปกัดใครครับ  อย่าคิดเป็นอื่น  กับการเล่าเรื่องที่ถึงพริก ถึงขิง  หุ หุ [/b]

...

ครั้งแรก  กับประสบการณ์การป้อน  ลูกนกปากขอ

คงต้องย้อนหลังกลับไปเมื่อครั้งอดีต  เมื่อสัก 10 กว่าปี ที่ผ่านมา  กับการเลี้ยงนกในครั้งแรก ......  ( นกปากขอ )  แต่เดิมก็เลี้ยงบ้างแต่แบบไม่จริงจังสักเท่าใด   :lol:

ตอนนั้นเรียกได้ว่า  ประสบการณ์ในการเลี้ยงนกปากขอ  แทบจะไม่มีเลยครับ  นกแก้วไทย  ในขณะนั้น  เป็นคู่แรกที่ซื้อตอนไปเดินซื้อของที่ตลาดพระประแดง  เห็นน่ารักดี  ใส่ตระกร้าขาย  ใจตอนนั้นคิดว่า  จะเลี้ยงได้ไหม  จะหาข้อมูลจากที่ไหน  เรียกได้ว่า  ตอนนั้น  เอาไงเอากันว๊ะ  ลองเลี้ยงดู  จะหมู่  จะจ่า  เดี๋ยว ก็รู้กันครับ    :-o  :evil:


ตอนนั้น  ไม่รู้จะหาความรู้มาอ่านประกอบ  จากที่ไหน  ลังแต่ฟังจากคนขายว่า  อาหารที่ใช้ป้อนคือ  " ซีรีแล็ค "  

วิธีการป้อน ก็ผสมให้ข้นแล้วใช้ไซริ้งดูดขึ้นมา  แล้ว ป้อน    

เราก็ลองทำลองป้อน ดู  นกก็ยอมกินดี  คงเป็นเพราะนกหิวมั้งครับ  ก็คิดในใจว่า  ดีแล้ว  ป้อนถูกแล้ว ......  นกร่าเริงแจ่มใส .....   :-D

ในใจตอนนั้นคิดว่า  โอ๊ย .... เราเก่ง  เราเลี้ยงได้สบาย .....  นกเริ่มโต  สุขภาพแข็งแรงร่าเริง   แต่พอมาหลัง ๆๆๆ  กลับมองว่า  เอ !!!!  นกทำไมไม่ค่อยกิน .....  พยายามที่จะป้อน  แต่นกไม่ยอมที่จะกิน  นกเริ่มดูเหงาหงอย  ......  ถ่ายมีสีดำ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  

จึงพาไปพบหมอที่คลีนิคสัตว์แพทย์ตรงราชบูรณะ  หมอบอกว่า  มีการติดเชื้อทางกระเพาะอาหาร  .... ถ่ายมีกลิ่นไม่ดี ....  หมอก็ให้ยามา ... เลี้ยงได้อยู่อีก 2 - 3 วัน  ก็เริ่มตายทีละตัว  :-o  :-D

เป็นอันว่า  ครั้งแรกกับการเริ่มเลี้ยงนกปากขอ  มีอันต้องยุบโครงการลงไป
 :cry:  :cry:

...

ครั้งต่อมา  .....  คราวนี้ก็ประสบการณ์ คงคล้ายเช่นเดิม  ยังเป็นนกบ้านเรา เมืองเราอยู่น๊ะขอรับกระผม  :-D

เดินเล่นเพลิน ๆๆๆๆ  สายตาเหลือบไปเห็นลูกนกปากแดง ๆๆๆ อยู่ในตู้กระจก  ที่บริเวณพื้นตู้รองด้วย  ขี้เลื่อย + หนังสือพิมพ์ฉีก ๆๆๆ  

แต่ประสบการณ์อันเก่าก่อน ก็แว๊บเข้ามาในความคิดส่วนนึงว่า  ถ้าเอามาเลี้ยงแล้ว  จะเป็นเช่นใด ......  จะรอดไปได้ถึงโตไหม ... ( ขณะนั้น อย่าพูดถึงมองไปยาวถึงการเพาะพันธุ์เลยครับ )  
 :-(

คนขายพูดกรอกหูอยู่ข้าง ๆๆๆๆ ว่า พูดได้  พูดเก่ง  กินอาหารเก่ง  กินง่าย  ( แต่ใจความโดยรวม  เน้นเรื่องพูดเก่ง  สุขภาพแข็งแรงครับกระผม )   :-)

ซึ่งถือว่าตอนนั้นในใจส่วนลึก ๆๆ  ก็ยังอยากที่จะเริ่มเลี้ยงใหม่อีกสักตัวน๊ะครับ  ......

เป็นอันว่า  ตกลงครับ   :-o  :lol:

โดยก่อนนำมาเลี้ยงได้สอบถามกับผู้ขายแล้วว่าให้กินอะไร  .....  คราวนี้  จากที่ครั้งแรกกับผู้ขายคนก่อน  บอกว่าให้ป้อน " ซีลีแร็ค "  ก็กลับกลายเป็น  อาหารสีออกน้ำตาลอ่อน ๆ  ขนาดถุง 2 - 3 ขีด  ถุงละ 100 บาท  โดยหน้าถุง  มีรูปลูกนก  มีตัวภาษาจีนระบุรายละเอียด และสรรพคุณ บริเวณหน้าถุง

และอุปกรณ์การป้อน  ซื้อไซริ้ง + ไส้ไก่  

วิธีการที่คนขายแนะนำคือ  ใช้อาหารของเมืองจีน  ผสมในน้ำร้อน  คนให้เข้ากัน  แล้วป้อนโดยใช้ไซริ้งสอดเข้าไปในปากป้อน .......  :-x  :-?

พอเริ่มโตแล้ว  ให้ยัดป้อนปากโดยการ  บิกล้วยเป็นคำ ๆ ป้อนยัดทางปาก ครับ  ( ซึ่งดูตอนนั้น ง่ายเน๊อาะ  ) นกอะไรกินแต่กล้วยน้ำว้า หุ หุ

โดยในขณะนั้น  คิดเพียงแต่ว่า  โอ๊ย !!!!  คงไม่ยากเย็นหรอก ....  โดยพ่อค้าลองผสมอาหารและป้อนให้ดู ว่าจะทำอย่างไร  โดยจับนกแหกปาก  สอดไส้ไก่เข้าไปในปาก  แล้วก็บีบ พรวด ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  หมดหลอด  เป็นอันเสร็จ .................

กลับมาบ้าน  ปล่อยลูกนกไว้ในตระกร้า ที่รองบริเวณก้นตระกร้าด้วยหนังสือพิมพ์ฉีก ๆๆ ฝอย ๆ  

ลองชงอาหารดูครับ  อาหารลูกป้อน ( เมืองจีน )  ที่มาตอนหลังมักเรียกว่า  อาหาร " TT "

 :lol:

ผสมในน้ำร้อน ลองคนดู ....  เย้ย !!!!  ยิ่งคน  ก็ยิ่งไม่เข้ากัน  ตอนคนก็เข้ากันดูดี  พอปล่อยไว้สักพัก  ....  เนื้อ กาก น้ำ  ไหงแยกกัน  เป็นชั้น ๆ เลยขอรับกระผม  หุ หุ  .....  หรือเราชงผิดหว่า  ไหงอาหารไม่เห็นน่าจะเข้ากันได้  เนียน .....  :lol:

ลองดูครับ  เป็นไงเป็นกัน ......  พออาหารอุ่นแล้วก็ป้อนครับ  

ณ ขณะนั้น  คิดในใจเพียงว่า  โอ๊ย !!!!  เทคนิคต่าง ๆ ไม่เห็นยุ่งยากเลย  แค่ป้อน  วันนึง 3 - 4 ครั้ง[/b
]

panpan

อ้างถึง Post ของคุณ Sira   จริง ๆ แล้วเค้าคงไม่ได้ขู่หรอกคะ  ถ้ามองด้วยใจเป็นธรรม  Web ที่คุณพูดถึงก็เปรียบได้กับกฎหมายที่คอยปราบ หรือให้คนยับยั้งชั่งใจในการจะอุปการะ ชีวิตสักหนึ่งชีวิต ที่พวกเค้ามองว่ามันเป็นชีวิตที่มีคุณค่าเหมือนกัน  มีความเท่าเทียมกัน มีสิทธิที่จะใช้ชีวิตได้อย่างเสรีเหมือนกันนะคะ

...

หุ หุ    ผมพูดถึง WEB ไหนหว่า  5555

แล้ว คุณ sira  และคุณ panpan  พูดถึง WEB ไหนหว่า  ......

อะ อะ  ไม่มีอะไรหรอกครับ  คือที่กล่าวไป  ก็เพราะการให้ข้อมูลข่าวสาร  มันก็ยังเป็นเพียงข้อมูลข่าวสารครับ  ผมเลี้ยงเพียงน้อยนิด  แต่กลับมีปัญหานานับประการ  มาให้ปวดใจ  คิดแล้ว คิดอีก  ถึงเอามาเล่าให้ฟังกัน ................

พ่อค้า  แม่ขาย  เจ้าของฟาร์ม  และผู้ที่เลี้ยงเยอะกว่าผม  ทำไมไม่เกิดปัญหาแบบผมเกิดละครับ  ......  จึงเป็นที่มา ของการนำประสบการณ์เพียงน้อยนิดของตัวเอง  มาเล่าให้ฟัง  เหมือนเป็นการเล่านิทานครับ  ....  แต่บางครั้ง  ข้อมูลของผม อาจจะตรงใจใครหลาย ๆ คนเหมือนกัน  หรือไปทิ่มแทงใครหลาย ๆ คนเหมือนกันครับกระผม

แค่ยึดมาช่างใจ  ก่อนปฏิบัติ น๊ะครับ  ว่ามันอาจจะเป็น แบบนั้น  แบบโน้น  แบบนี้  ตามที่กระผมจะกล่าวไปเรื่อย ๆ ได้น๊ะครับกระผม  อาจจะเพียงเล็กน้อย  หรือน้อยนิดครับ

...

ผมก็เลี้ยงจนนกตัวนั้น โตขึ้นมา สามารถเกาะคอนได้ครับ  ......  จะเพาะสูตรอาหารที่ใช้ป้อน  ( สูตรอาหารประเทศจีน TT ) หรือเพราะจำใจต้องโต  ก็ไม่รู้ได้  หุ หุ .......

แล้วก็เลี้ยงมาอีกสักระยะ  ตอนนั้น  คิดในใจน๊ะครับ  นกแก้ว  ต้องเกาะคอน ....  เอาออกไปเดินเล่น  เกาะบ่า  คงต้องหาห่วงโซ่  มาใส่ให้เขาดีกว่า  รวมถึง จับขลิบขนปีก  ก็เลยไปเดินจตุจักร  ซื้อโซ่ผูกข้อเท้า

รวมถึงหาคอนมาให้เขาเกาะ .....  โดยใส่โซ่ข้อเท้าให้เขา   เวลาพาไปไหนมาไหน  ก็มีโซ่ข้อเท้า  ติดไปเสมอ  กันเขาหลุด  ซึ่งเขาเองเราก็ขลิบขนปีกเขาเอาไว้แล้วน๊ะ ........

ตอนอยู่บ้าน ก็ปล่อยให้เขาเกาะอยู่บนคอน โดยมีโซ่คล้องอยู่บริเวณข้อเท้า ...............

และแล้ว เหตุการณ์ก็เกิดขึ้น .................  


panpan

จริง ๆ แล้วคุณโด้ มีประสบการณ์ที่ผ่านมาในการเลี้ยงนก น่าจะเปิดอบรมสำหรับมือใหม่ที่คิดอยากจะเลี้ยงนกนะคะ  ใครอยากเข้าฟังและเห็นวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้องก็สมัครเข้ามา แล้วคุณโด้ก็เป็นวิทยากรบรรยายให้ฟังแล้วก็สาธิตให้ดูด้วยก็น่าจะดีนะคะ  พวกมือใหม่จะได้ไม่ทำลูกนกตายอีก บาปกรรม