พานกเที่ยวมาราธอน on tour ปีใหม่ ไม่กลัวภัยหนาวจ้า

เริ่มโดย tuktik2255, มกราคม 28, 2009, 12:06:59 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

tuktik2255

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็นึ้กครึ้มใจว่าไอ้ฝั่งลาวกับ กัมพูชานี่จะมีอะไรแปลก ๆ ขายป่าวน้า ก็ เลยเช่าเรือข้ามไปดูกัน



ใส่เสื้อชูชีพแล้วก็ บรืน ๆ   ไปดูฝั่งกระโน้นน เอะ นี่อะไร เห็นเค้าว่า จะกลายเป็นบ่อนแห่งใหม่ ทั้ง ๆ ที่คนไทยไปสร้างไว้ แสดงว่า คนไทยเราชอบ เอาเงินไปทิ้งต่างแดนสูง



ไปดูบ่อน แล้ว ก็ ไปฝั่งที่สองซึ่งเป็นคนละประเทศกัน นั่งเรื่อแป๊บเดียวก็ถึง



ถึงแล้วจ้า  ได้เหยียบประเทศลาวแล้ว เห็นมะ แป๊บเดียว เที่ยวสองประเทศ  ค่าเหยียบแผ่นดินเค้า คนละ 20 บาท ว๊าววว เอาเปรียบนักท่องเที่ยวนี่หว่า



ช๊อปปิ้งหาดูของแปลก ๆ เอ... แบบนี้ยังไม่แปลกเท่าใหร่ เป็น เครื่องเงิน ผ้าใหม่



ร้านนี้ก็ คลาสสิคดี ดูเผิน ๆ จะไม่เห็นอะไร ดู ๆ ไป...อู๊ยย  ของงานฝีมือทั้งนั้นเลย ติ๊กเลยซื้อตะเกียบเทพ มาชุดนึง ขาย 450 ทำด้วยไม้ แกะทั้งอัน แล้วก็ ยอดเสียบด้วย ไม่รู้หินอ่อน หรือ อะไรขาว ๆ หนัก ๆ ดี ค่ะ สวยมาก   แต่ติ๊กต่อเหลือ 300 คนขายก็ทำใจอยู่นาน วันนี้ทั้งวันไม่ได้ไรเลยก็ เลยกำขี้ดีกว่ากำตด



กล่องใส่ของเหล่านี้ทำด้วย หินค่ะ จับแล้วเย็นจัดเลยค่ะสวยมาก ๆ



เจ้าบูบูกับ โยโย่ ก็ เกาะขอบตะกร้า ชมของแปลกไปกับเค้าด้วย



และแล้วก็เจอของแปลกจนได้ค่ะ เป็นงูเอย ตะขาบเอย นกเอย....หูยย แมงป่อง โอย เย้อะค่ะ  เอามาดองเหล้า อย่างนี้ขาเหล้า ยังแหย๋ง   แต่ก็ เป็น ธรรมเนียมบ้านเค้ารับประทานกันอย่างนี้ค่ะ เหมือนบ้านเราร้องคาราโอเกะต้องมีสาว นั่นเองก๊า



เฉาก๊วยขาว ++ เล่าเรื่อง ++++ :-D

tuktik2255

เดินกันนานจัด ตกลงเราชาวไทยเอาเงินไปแลกของที่ฝั่งลาวสุทธิ ห้าคน เสียไปพันเดียวค่ะ ได้ ตะเกียบ ผ้าปูที่นอน กรอบรูปงานฝีมือสวย ๆ และของฝากสำหรับเด็ก ๆ จำพวก ที่เสียบดินสอ เป็นต้น แล้วเราก็เดินทางกลับไปลงเรือเพื่อจะกลับฝั่งไทย

แต่เอ๊ะ ... นกหนูหายไปใหนแร๊ว ทุกทีเกาะอยู่ ขอบตะกร้า อากาศเริ่มร้อนแล้ว  เปิดกล่องดู  ไอ้หย๋า.........



คุณแม่ เห็นแล้วก็สงสัยเอานิ้วไปจิ้มๆ ดูว่าตายยัง



อุ๊ย ยังตอบสนองอยู่ ยังค่ะ ยังไม่ตาย คริ ๆ คุณแม่น้องติ๊ก อุทาน



เสร็จจากสามเหลี่ยมทองคำแล้ว ประมาณ เกือบ ๆ จะบ่ายสองวันใช้เวลาสำหรับที่นี่ประมาณ สี่ ชม. รวมรับประทานอาหาร ก็ออกเดินทางไปยังภูชี้ฟ้า ค่ะ อยากไปมาก ๆ ครั้งหนึ่งอยากไปดูทะเลหมอก หน้าตามันเป็นยังไง เคยเห็นแต่ในรูป ใบเล็ก ๆ

ก็ ออกเดินทางโดยใช้ทางลัดมาโดยตลอด  โชคดีที่พก gps มาได้ ประโยชน์ จริงๆ  ทางที่ไม่เห็นในแผนที่ (กระดาษ) จะมองเห็นใน gps นี่ ใช้คุ้มมาก เพราะไม่งั้นเราจะต้องเดินทางเลาะตะเข็บประเทศไทยไปจนถึงแถว ๆ ฐานริมฟ้าไทยนั่นเองค่ะ



แต่เส้นทางที่ไปทางลัดนี้ ใช้ความเร็วไม่ค่อยได้ เพราะ gps พาผ่านหมู่บ้าน เด็กเล็ก เลิกเรียนกัน นั่งเล่น หมากเก็บกันแทบจะริมถนนเลยส่วนใหญ่ก็ เป็นชาวเขาค่ะ น่ารักหมวย ๆ ตี๋ ๆ ทั้งนั้นเลย
โชคดีที่เอา vigo preruner มาเพราะทาง หลุม ใหญ่มาก ๆ ถ้าเอารถยนต์ มาคงจะแย่  (จริงๆ ไม่มีค่ะ รถเก๋งที่ว่านั่น) อิๆ
เฉาก๊วยขาว ++ เล่าเรื่อง ++++ :-D

tuktik2255

ถึงแล้วภูชี้ฟ้า...... เดินทางด้วยความยากลำบาก


เส้นทางขึนภูชี้ฟ้า ไม่ค่อยชันมากเท่าใหร่ เดินทางเกียร์สามสบายมากค่ะ ติดตรงโค้ง เลาะเขานี่ น่ากลัวดีชะมัดค่ะ แต่ บ่ยั่น เพราะขับโดย นักแข่งมือกระจอก อย่างพี่เบียร์ค่ะ  ถึงแล้วก็ ค้างที่นั่นวันนึงทำกับข้าวกินได้ ข้างรถเลย (เป็นที่แรกที่เอารถไปจอดใกล้รถได้ค่ะ สะดวกมาก ๆ แต่ทางลงนี่ แบบ พอดีคัน น่ากลัวดี แต่คืนนี้สบายค่ะ มีแสงสว่างจากกองฟืนที่ เจ้าหน้าที่เอามาจำหน่ายให้ กองละห้าสิบบาท พร้อม ตะเกียง ขวดลิโพ ขวดละ ยี่สิบ คืนนี้ รับประทานอาหารอร่อย ค่ะ มีสตรอเบอรรี่ จิบพร้อมไวน์ลูกหม่อน อร่อย ดีพิลึก กินไก่ย่างสด ๆ ทำกับข้าวแบบพอมีพอกินแต่ ตรงนี้ไม่มีภาพค่ะ มืดมาก ถึงเต้นท์ก็ หิวกัน มาก ๆ รีบทำกับข้าวกินกันแล้วก็นอน

ตื่นมาก็ มาชมยอดภูชี้ฟ้า ว่าหน้าตาจะเป็นยังไงค่ะ
นั่งรถขึ้นมาจากจุดกางเต้นท์ ประมาณ กิโลนึง แล้วก็ เดินอีก 700 เมตรค่ะ  ทางขึ้นชัน ราว ๆ 35องศา ทำให้ ระยะเหมือนจะถูกยืดเป็น กิโลก่วา ๆ

แลวในที่สุด..........    เห็นแล้ววววว !!  ดีจัยค่ะ ถ่ายรูปมาฝากกัน



ดูจน ปากซีด (อากาศน้อยค่ะ เดินนิ๊ด ๆ ก็เหนือยแล้ว) หายใจแรง ๆ กันทั้งกลุมเลย เหมือนสูดเท่าใหร่ก็ ไม่เต็มปอดซักที กลับมาที่เต้นท์ ก็ นำ น.นก มาสูดอากาศ เล่นดีก่า ตอนนอน นี่ออกจะเครียด ๆ เพราะไม่มี ไฟกก กลัวนกจะหนาว เอามาซุกในเสื้อหนาวก็กลัว จะนอนทับมันตาย ก็เลยเอา ผ้า ห่ม หนา ๆ คลุมตัวมันตรง ๆ เลย ไม่ต้องขยับกัน หะ  ๆตื่นเช้ามา ท่าใหนก็ ท่านั้น ไม่กระดิกค่ะ ร้องกรี๊ด ๆ เป็นที่เรียกความสนใจ

ก็เลยเอาออกมาสูดอากาศซักหน่อย



หนาวววมักค่ะ น่าจะไม่เกิน 10 องศา หรือ+ นิ๊ดหน่อย แต่...
หนู ๆ ก็อยู่กันได้จ้า บ่ ย่าน   ที่กล้าเอาออกมาเพราะเห็นนกท้องถิ่น ได้แก่ นกปรอดหัวจุกบินเล่นกัน เย้อะมาก ๆ ก็เลยเอาออกมาเดินเล่นกัน ทำขนฟูกันอย่างที่เห็น



เอ้า ๆ ฟีดอาหารหน่อยจ้า เมี้ยว  ๆ ๆ ๆ   เด็ก ๆ ก็เดินมากินกันโดยดี


วิธีป้อนอาหารน้องติ๊กไม่นิยมใช้สายใส้ไก่ค่ะ เพราะหวังผลสองอย่าง อย่างแรก ป้องกันไม่ให้ มันหลุดลงไปในท้อง (เคยหลุดลงไปแล้วค่ะ ตั้งแต่นั้นมาเลิกเลยค่ะ กินได้ก็กิน แล้วกันนะหนู  ) ซึ่งก็ดูเหมือนเค้าจะชอบแบบนี้มากกว่าเพราะได้ลิ้มรสชาติ เมล็ดธัญพืชต่าง ๆ ที่ติ๊กได้บรรจงใส่ลงไปด้วย พร้อมกัน กับ  "เกสรผึ้ง" ซึ่งระบุสรรพคุณไว้อ่ย่างดี ว่ามีฤทธิ น่าอรรศจรรย์หากท่านลองรับประทานตอนเช้า สัก 1 ช้อนชาเท่านั้น เหอะ ๆ มิน่าหละ นกน้องติ๊ก ถึงได้คึ้กครื้น กันจริง ๆ ทนหนาวไม่ทนร้อนค่ะ  หะ ๆ



อ้อ ๆ วันนี้นี่เอง เจ้าบูบู้ ได้เริ่มหัดบินเป็นครั้งแรกค่ะ หลังจากป้อนอาหารเสร็จแล้วอิ้ม จนพอใจ แดดเริ่มออก เครื่องก็เริ่มร้อนอยากจะบินค่ะ แต่ การบินครั้งแรกนี่  น่ากลัวค่ะ เหมือนเค้ายังบังคับปีกตัวเองยังไม่ได้ กลับลำไม่เป็น ตรงลิ่ว ๆ ๆ ๆ ลงเหวอย่างเดียวเลยค่ะ อูยยยย (ลานกางเต้นท์ จะเป็นลักษณะขั้นบรรได ไปประมาณ ห้าหกชั้นแล้วก็ เป็น หน้าผา)
เฉาก๊วยขาว ++ เล่าเรื่อง ++++ :-D

tuktik2255

เสร็จจากภูชี้ฟ้าแล้ว ก็คิดกันอยู่นานว่าจะไปใหนดี ใจก็กะจะไปนอน ดอยอินทนนท์ เพราะ เคยไปแล้วบรรยากาศดี ถนนก็ดี ไม่ชันเกินไป (ยกเว้นตอนจะไปจุดสูงสุดของประเทศตรงนั้น เห็นคลัชใหม้ไปหลายคัน สำหรับปีนี้)

แต่คุณแม่ก็ยังไม่ได้เห็น สวนสตรอเบอรรี่เลย แถม สตรอเบอรี่ก็ยังหาซื้อไม่ได้อีกต่างหาก มีแต่น้ำสตรอเบอรี่ซึ่งกินน้ำแดงแฟนต้าอร่อยกว่า  ก็เลยตัดสินใจ ข้ามทวีบไป ดอยอ่างข่างค่ะ



จาก ขวาสุดไปซ้ายสุด ไม่รู้คิดยังไงแต่ก็ ด้วยความอยากเห็น และความที่ว่า เมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ค่ะ ก็เลย ไปโดย เลือก เอาทางลัดที่สุดเช่นเดียวกัน แต่ลัดได้ไม่นานค่ะ เปลี่ยนใจ เพราะพี่ทั่นเล่นพาลงทางแบบ off road เลยค่ะ ล่อหินโดด ทางโคลน พื้นชันและลื่น +โค้ง แบบ ที่ชลอไม่ได้ หะ ๆ เป้นยังไงอะหรอ คนขับเค้าเล่าให้ฟังว่า ทางเข้า มันมีป้ายบอกว่า ผ่านได้เฉพาะรถขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นป้ายทางหลวงที่ปักเตือนไว้ไม่ใช่ป้ายเขียนด้วยสีทาบ้านเหมือนที่ภูชี้ฟ้า  ก็เลยเปรี้ยว ท้าทายเข้าไปทั้ง ๆ ที่รถตัวเองเป็น preruner ขับสองล้อ แต่มีดีที่ติดตั้ง ระบบ LSD. ลงไปด้วย ที่เฟืองท้าย ทำให้ สองล้อเป็นสองล้อจริง ๆ มิใช่ ล้อข้างหนึ่งลอย ก็ ไปไม่ได้ เสียแล้วหรือเรียกว่า ติดหล่มนั่นเองค่ะ

ทางที่ชันมาก และเป็น ทางหินโดด (ก้อนหินก้อนใหญ่ ที่ฝ้งใต้พื้นแล้วโผล่แพลมออกมาครึ่งก้อน ขนาดสัก ครึ่งเมตรถึงหนึ่งเมตรค่ะ) พร้อมกรวดลูกรัง แบบ ชื้น ๆ พร้อมที่จะล้อฟรีได้เสมอ ทางชันเกือบจะ 45 ย้ำค่ะ ว่าเกือบจะ 45 จริง ๆ ขาลง น้องติ๊กนั่งกระบะท้าย นี่เกือบจะยืนได้เลย แต่ขาขึ้น น่ากลัวกว่า พี่เค้าเหยียบ ๆ ๆ  แบบ ไม่ยั้ง เจอทางเลี้ยวแบบหักศอก แต่ความชันไม่ลดเลย ก็จำใจต้อง เหยียบส่ง พร้อมเลี้ยวขึ้นไปพร้อม ๆ กัน เห็นว่า ถ้า ท้ายปัดไปกระแทกเนินดินก็ต้องยอมดีกว่า อยู่กินข้าวลิง (ใบไม้)  ที่นี่  

ตรงนี้ไม่มีรูปค่ะ เพราะรอดออกมาได้ นี่ก็ดีใจมาก ๆ คราวหน้าจะเอา 4*4 ของจริงมาล้างแค้นค่ะเส้นนี้ เหอะ ๆ
เฉาก๊วยขาว ++ เล่าเรื่อง ++++ :-D

tuktik2255

วันนี้ออกเดินทางกันตั้งแต่หัววัน  (10 โมงเหมือนเดิมแหละค่ะ) ไม่เคยเช้ากว่านี้ซักทีกว่าจะเก็บเต้นท์ หม้อให ล้างจาน กันเรียบร้อยก็เหนือยพอดี เดินทางข้ามทวีบครั้งนี้ ใช้เวลาค่อนข้างนาน คือราว ๆ 5 ชม.แต่ก็ คุ้มค่าค่ะ อ่างขางสวยมาก ๆ ติ๊กไปแวะลานกางเต้นของศูนย์ กางเต้นท์แถวนั้น บรรยากาศดี ไม่ค่อยมีคน เพราะแห่กันกลับไปหมดแล้วพร้อมกับร้านรวงที่ ปิดหนีคนไปล่วงหน้า



ต้นสนเย้อะมากค่ะ ทำให้ดูร่มรื่น ต้นพญาเสือโคร่งก็เบ่งบาน คล้ายกับซากุระ ญี่ปุ่น ตลอดทาง ดูสวยงามมาก ๆ



วันนี้เป็นวันแรกตลอดเจ็ดวันที่ได้ มีโอกาศกางเต้นท์ ในขณะที่มีแสงอยู่  และได้ทำกับข้าวแบบที่ไม่ลำบากนักเพราะมีทั้งฟืนและ ถ่านไฟ พร้อมโต้ะกินข้าวทำจากไม้ หรูหราเชียว ถือเป็นวันที่ เพอเฟกที่สุดค่ะ



เริ่มเย็นลงก็ยิ่งอากาศเย็นมากขึ้น เย็นลงเรื่อย ๆ แค่ ทุ่มเดียวอากาศเย็นลงถึง 8 องศา โอววว ถือว่าหนาว ทีเดียว ค่ะ



หลานสาวก็ แอบเอากล้องไปดักถ่ายสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ดูไม่ออกเลย เห็นดูดีรูปนี้รูปเดียวที่เหมือนโฆษณาหนัง เรื่อง แบลวิช โพรเจค  อิๆ

สองทุ่มแล้ว เย็นลงเรื่อย ๆ ค่ะ  


ขนาดแมวเหมียวยังมานอนชิดไฟขนาดนี้ ยังไม่ร้อน คิดดูเอาแล้วกัน



คืนนี้..... เย็นที่สุด อาจจะลงต่ำกว่า 1 องศา เพราะตื่นเช้ามา รีบขึ้นไปดูเทอโมมิเตอร์ ชี้ไปที่ 1 องศา ซึ่งเทอโมมิเตอร์ที่นี่ดูง่ายมาก เพราะ อุณภูมิร้อนสุดที่ เครื่องนี้จะแสดงผลได้คือ 4 องศา  และเย็นสุด -4 องศา ค่ะ  

โย่โย่ และบูบู้ ที่ 1 องศาค่ะ  


เช้านี้ ตื่นแล้ว ทำอาหารกินกัน แล้วก็ เดินทางไปชม การเกษตรหลวงที่ศูนย์ เกษตรอ่างขาง เพื่อไปชม พันธ์พืชแปลก ๆ ค่ะ



ซากุระ (จริง ๆ )  เป็นอย่างนี้


หรือจะเป็นพญาเสือโคร่งหว่า หุ ๆ  ดูออกยาก เห็นที่โคนเค้าแปะไว้ว่า ซากุระ

ชมสวนกันเสร็จแล้ว เป็นที่น่าเสียดาย เพราะฤดูนี้เป็นฤดูไม้ผลัดใบ สวนที่เห็นก็จะมีแต่กิ่ง เพรียว ๆ ไม่สวยงามเอาซะเลย ได้เห็นต้นบ้วย ต้น ซากุระ (ซึ่งบานแข่งกับ พยาเสือโคร่งบ้านเรา) ต้นถัวแม็กคาเดเมี่ย  และ สวนสตรอเบอรรี่ที่ยังไม่มี ลูก

ก็เลยถาม เจ้าหน้าที่ว่าอยากไปดูสวนสตรอเบอร์รี่นี่ต้องไปดูที่ใหน เจ้าหน้าที่บอกให้ไปที่ ดอยมูเซอ จะเจอเพียบเรย ก็เลยออกเดินทางไปกันซึ่งไกลประมาณ 3 กม.

ถึงแล้ว ดอยมูเซอร์ หมู่บ้านเจริญทีเดียวค่ะ มีหมูเลี้ยงแทบทุกบ้าน แต่เป็นหมูป่านะค้ะ



แล้วก็ ได้เห็นสวนสตรอเบอร์รี่สมใจคะ แต่...ไม่ได้ซื้อกลับเพราะยังไม่สุกเลย แบบเพิ่งออกได้ ไม่นาน เสียดายมาก เพราะเดือนที่แล้วเค้าบอกว่ามีฝน ลูกก็เลยไม่ออก หรือออกน้อยมาก ก็จะมีแม่ค้ามาซื้อไปหมดแล้ว



และ น.นกของน้องติ๊ก อีกสองตัวก็ ชมสวนอย่าง ว่าง่าย ไม่บินออกไปใหนอีก



แต่ขาลง ก็ได้พบกับ สตรอเบอร์รี่ ค่ะ  ขาลงจากอ่างขางขายคู่กับ ส้ม ไม่แว๊กซ์เปลือกและ องุ่นทำไวน์ เปรี้ยวหวานเข้มมาก อร่อยค่ะ

อ้อ ขอโฆษณานะค้ะ เผือใครยังไม่รู้ สตรอเบอรรี่ที่อ่างขางนี่ จะเป็นสตรอเบอร์รี่ที่อร่อยที่สุด จะในโลกหรือเปล่าไม่รู้ แต่ เป็นเพราะ ชื่อพันธ์  คือ พันธ์พระราชทาน 06  หรือ จำโค้ดรุ่นมาผิดเนี้ยแหละ เอาเป็นว่า เป็นพันธ์ พระราชทาน ที่นักวิจัยได้คิดค้น ผลิดผสม คัดแยกสายพันท์ เหมือนข้าวสารของเราให้รสออกมาหวานฉ่ำ เปรี้ยวเรื่อ ๆ ที่สำคัญ สีแดงสดถึงใส้ในเลยค่ะ ลูกใหญ่ ไม่เป้นลูกแฝดอย่างที่ซื้อกินกันในกรุงเทพ   คนอื่นที่โดยสารมาด้วยไม่เชื่อ ก็เลยลงมาซื้อตรงแถว ๆ ขากลับ จาก เชียงใหม่ อีก คนละสามสี่โล  (น้องติ๊กซื้อ บนอ่างขางมา สิบโล)  กินเปรียบกันดู........



โอววว ของอ่างขางอร่อยกว่าจริง ๆ ค่ะ หวานทุกลูก เนื้อแดงเงาจนถึงข้างใน ลูกเป่ง อ้วนกว่ามาก  

ส่วน ที่ซื้อข้างทางนั้น ถ้าลูกใหญ่ ก็จะกลายเป็น ลูกแฝด หรือมากกว่า ขายราคาพอ ๆ กัน แต่รส ไม่หวาน ส่วนใหญ่ เปรี้ยวโดดเพียงอย่างเดียว ต้องจิ้มพริกเกลือถึงจะพออร่อย แต่ ที่ของอ่างขาง กินแบบไม่ต้องจิ้มกันเลยทีเดียวค่ะ  



เอาหละ เฉาก้วยขาวเล่าเรื่องก็ขอจบลงเพียงเท่านี้จ้า....เดินทาง ถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ  

อีกอาทิตย์ถัดมา ไปแพต่อ ที่แพนี่จะมีการสอนเจ้าโย่ และบู้ บินด้วย ติดตามกันด้วยนะค้า บ้ายบาย
เฉาก๊วยขาว ++ เล่าเรื่อง ++++ :-D