เมื่อต้องขลิบปีกนก.

เริ่มโดย sk_clinic, มกราคม 03, 2010, 11:33:48 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 3 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

sk_clinic

อยากตั้งเพื่อเป็นกระทู้ในการใช้เสนอความคิดเห็นคะ..ถ้าทางเวปมาสเตอร์เห็นว่าไม่เหมาะสมอย่างไรพิจารณาได้ตามความเหมาะสมเลยนะคะ ขอบคุณคะ

เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่าจะพบกับเคสที่มาเพื่อจะให้ทำการตัดปีกนก และบ่อยครั้งที่ต้องตอบปฏิเสธไปเพราะว่าโดยตามธรรมชาติเเล้วนั้นมันไม่มีความจำเป็นในการที่จะตัดเลย เเละในบางกรณีถ้าเราตัดปีกนกไปแล้วเกิดมีปัญหาตามมาทีหลัง เช่นนกหลุดไปแล้วไม่สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ ไม่สามารถต่อสู้กับโลกภายนอกได้เนี่ยจะคุ้มกันเหรอ หรือมองว่าเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้นกหลุดบินหนีไป เเต่ว่าถึงเราจะตัดปีกนกแล้วก็ตามนกก็ยังสามารถบินได้อยู่ดีเพียงเเต่ระยะทางและความสูงจะลดลง.... ดังนั้นถ้าการตัดปีกเพื่อป้องกันไม่ให้นกบินหนีไปก็คงจะไม่ถูกซะทีเดียวหรือเปล่าคะ
 
อันนี้คงต้องบอกว่าจากประสบการณ์ของตัวเองเคยเจอเจ้าของให้ตัดปีกนกให้เนื่องจากนกกำลังหัดบินเเละก็เริ่มโผไปไกลกลัวว่านกจะหนีไปและกลัวว่าจะนกจะเกิดอันตราย...ก็เลยตกลงเเละตัดสินใจตัดให้ในวันนั้นเลยผ่านไปประมาณสองอาทิตย์เจ้าของกลับมาพร้อมกันนกที่ดูหน้าตาแปลกไปเริ่มมีขนหลุดตัวโกร๋นมาเลยก็เลยงง ถามเจ้าของว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ.........................
คำตอบคือนกเครียดมากเเละทำร้ายจิกขนตัวเองตลอดเวลาเพราะมีช่วงนึงที่เจ้าของยุ่งเลยไม่มีเวลามาเล่นกับเขา...ได้ทำการรักษา(นกและเจ้าของไปพร้อมกัน) ดูก็โอเคเเละก็รับปากว่าจะดูเเลเขาให้มากขึ้นนัดให้มาเจอกันอีกหนึ่งอาทิตย์...............................หลังจากครบอาทิตย์ที่เฝ้าคอยนกกลับมาในสภาพที่มีเเผลมากกว่าคราวที่เเล้วเรียกได้ว่าเยินมาเลยทีเดียวก็เลยถามเจ้าของว่าเกิดอะไรขึ้นคำตอบคือนกทำร้ายเจ้าของด้วยเลยต้องปล่อยเขาไว้อย่างนั้นแต่พยามหาของเล่นมาให้แล้ว....เเละสิ่งที่เจ้าของบอกคือเขาไม่มีเวลาเลี้ยงเเละดูเเลมากขนาดนั้นจะเอาไปปล่อยที่ไหนได้บ้างหรือจะทำการput to sleep ก็ได้ ฟังเเล้วก็เลยอึ้งไปพร้อมกับบอกตัวเองเสมอว่าถ้ามีเคสไหนที่ต้องการให้ตัดปีกให้ จะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเสมอเเละก็ขึ้นกับดุลพินิจเจ้าของอีกทีนึง....ไม่รู้ว่าเป็นการมองโลกในเเง่ร้ายเกินไปไหมเเต่เสียใจมากกับเรื่องคราวนั้นเพราะรู้สึกว่าเรามีส่วนร่วมด้วยส่วนหนึ่งดังนั้นถ้าไม่ใช่เพื่อการรักษาจะพยายามหลีกเลี่ยงทุกครั้งที่จะไม่ทำ

ทั้งหมดทั้งมวลนี้เลยอยากได้ความคิดเห็นของผู้ที่มีประสบการณ์และผู้ที่ให้ความสนใจเพื่อเป็นข้อเเนะนำและข้อคิดในการตัดสินใจในครั้งต่อๆไป
ขอบคุณคะ
ปล.สวัสดีปีใหม่คะขอให้นกทุกตัวสุขภาพเเข็งเเรงตลอดปีตลอดไปและให้เจ้าของเฮงๆๆและร่ำรวยกันทุกคนคะ
ขาว ดำ หรือเทา มุมมองที่เปลี่ยนไป ทำให้ได้สีที่ต่างกัน

boat

ผมไม่เห็นด้วยกับการที่ขลิบปีกนกครับ นกเป็นสัตว์ที่มีปีกไว้บิน ถ้านกบินไม่ได้ แล้วจะเรียกว่านกเหรอครับ ผมมี b&g , sunconure ไม่เคยขลิบปีกเลยครับ ดูเค้าบินเป็นอิสระ มีความสุขครับ ผมว่าเสน่ห์ของนกก็อยู่ที่เค้าบินนี้แหละครับ ถึงแม้มันจะมีอันตรายกับนกบ้าง เช่น บินไปชนกระจก หรือจะบินหนีก็ตาม แต่เราก็เป็นเหมือนพ่อแม่ของเค้านะครับ ต้องดูแลความปลอดภัยของเค้า อีกอย่างถ้าเราไม่ทำให้เค้าตกใจ เค้าก็ไม่บินหนีหรอกครับ คนรักนกปล่อยให้เค้าบินแบบอิสระตั้งมากมาย ยกตัวอย่างคนในนี้็ก็ได้ครับ ฝึกเค้า สอนเค้า ไว้ใจเค้าให้เค้าไว้ใจเรา รักเค้า ดูแลเอาใจใส่เค้ามากๆ เค้าก็ไม่ไปไหนหรอกครับ  ขอบคุณครับ

Gemz

มานั่งรอความคิดเห็นจากเพื่อนๆ ค่ะ ^______^"

กำลังว่าจะตัดพอดี...แต่ฟังเรื่องที่หมอเล่าแล้วเปลี่ยนใจ
คิดถึงกล้วยหอม...กระซิกๆๆๆ T_T

P L A thong

ต้องลองนึกดูนะค่ะ ถ้าคลิปแร้วเขาเดินเล่นอยู่พอแมวมา เขาก็บินไม่ถนัด ไม่สูงอาจจะโดนแมวทำร้ายเอาก็ได้ค่ะ อาจจะเสียนำไปเร้ยก้ได้ค่ะ


เอาเปงว่าให้เค้ารักเราแระอยูกะเราดีกว่า ถ้าเขาจะบินเราก็ ต้องหากลยยุทธมามัดใจเขาเองจะดีกว่านะค่ะ
จงกล้า เพื่ออิสระของชีวิต ทุกสรรพสิ่งเกิดมาเพื่อการอิสระ มนุษย์ยังต้องการ แล้วนกละ คุณเค

"จิ" พัทยา

ก่อนอื่น ต้องขออภัยค่ะ ถ้าหากความเห็น ไม่ตรงใจใครหลายๆคน

ต้องบอกว่าการจะตัดสินใจ ขลิปปีกนก หรือไม่ขลิปนั้น มันจะต้องดูหลายปัจจัย  ที่บ้าน มีทั้งขลิปและไม่ขลิป

1. เลิฟเบิร์ดที่บ้านเลี้ยงแบบปล่อยเชื่อง อยู่มาวันนึง เขาบินขึ้นไป สูงแล้ว โดนพัดลมเพดาน ขาเจ็บ ดีที่ไม่ตาย  เอามากินยา ทายา แต่เขาก็ยังจะบิน อันนี้ เลยต้อง ขลิปปีกค่ะ ไม่งั้น นกอาจจะได้รับบาดเจ็บจนถึงเสียชีวิตได้

2. เลิฟเบิร์ดเหมือนกัน เป็นนกของลูกสาวคนเล็ก เลี้ยงแบบเชื่องมากๆๆๆๆและ ไม่ได้ขลิปปีก  แต่ นกก็คือนก พอรู้ว่า บินได้ก็บิน ไปโดนพัดลมเพดาน คราวนี้ เสียชีวิตค่ะ   เศร้าไหมคะ  ถ้าหากจะด่าว่า แม่มันดูแลลูกไม่ดี  ก็ด่าได้ค่ะ แต่ ต้องบอกว่า คนเรา มีงานมีการทำ  จะนั่งเฝ้าลูกๆเล่นนก ตลอดเวลา คงลำบาก

3. ฮันท์ มาคอว์ ตัวนี้ ขลิปตอนได้มาใหม่ๆ (ตอนนี้ไม่ได้ขลิป)ให้ยืนคอน ไม่ล่ามโซ่ จนปัจจุบัน ถ่ายขนเต็มแล้ว บินได้ แต่ นกฉลาด บินได้ โดยไม่โดนพัดลม  

... ขอถามว่า  ผิดไหม ที่ขลิปปีกนก และผิดไหม ที่ไม่ขลิปปีกนก

ต่างคน ต่างความคิด ต่างสภาวะแวดล้อม ต่างสถานการณ์ ทุกคนรักนกเหมือนกัน  ไม่มีใครผิดใครถูก ตราบใดที่ นกของคุณ ยังเป็นที่รักของคุณ .....

naþat³

เรื่องแบบนี้ ถ้าคิดแบบเป็นเหตุเป็นผล แล้ว ผม ว่า คง ไม่มี อะไร ดี 100% มั้งครับ  เมื่อต้องเลือก ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ ย่อมเสียข้อดี ของ อีกอย่างนึงที่ไม่ได้เลือกทำไป  การขลิบปีก หรือไม่ ขลิบนั้น ผมว่า มันก็ มี ข้อดีข้อเสีย หักล้างกันได้ ไม่รู้จบ นะครับ อันนี้ ก็ต้อง ขึ้นอยู่กับ การตัดสินใจ ของ ท่านเจ้าของแต่ละท่านเอง ละครับ ทุกๆคน ต่างก็ มี วิธีจัดการ เรื่องต่างๆ ต่างกันออกไปครับ  บางครั้งมันอยู่ที่ สภาพแวดล้อม ที่นกอยู่ด้วย อยู่ที่ สถานะของผู้เลี้ยง สถานะของนก ว่า เหมาะสม กับการที่จะ จัดการ กับนกด้วยวิธีไหน ซึ่งแน่นอนว่า ท่านที่มีกรงใหญ่ๆ คงจะข้ามปัญหาเรื่อง ขลิปไม่ขลิปไปได้เลย กลับกัน ท่านทีมี พื้นที่จำกัด สภาพแวดล้อมไม่อำนวยมากนัก ก็ต้องมาดูเรื่อง ขลิปไม่ขลิป และแน่นอน นกอาจจะเสียโอกาสที่จะบิน แต่ก็ แลกมาด้วย เหตุผลข้อดี หลายๆด้านด้วยเช่นกัน  วิธีที่ดีของท่านอาจจะไม่ดีสำหรับคนอื่น  วิธีที่ดีของคนอื่นอาจไม่ดีสำหรับท่าน มันอยู่ที่ว่า มองเรื่องนี้จากมุมไหนและ สถานะของท่าน เหมาะที่จะ จัดการ กับนกด้วยวิธีไหน น่ะครับ
ปล. นกที่ คุณ หมอ เล่ามา ไม่ทราบว่าเป็น พันธุ์ อะไร ครับ (อันนี้ อยากทราบๆ ครับผม)
 การ put to sleep ถ้านกไม่ได้ป่วยร้ายแรง โรคติดต่อร้ายแรง หรือ เป็นโรคอะไรที่ทรมานต่อตัวนกมากๆ ก็ไม่น่าทำเลยครับ (ขออึ้งกับคุณหมอด้วยครับ) และ ความจริงปัญหา นี้ เกิดจาก ผลข้างเคียง จากสิ่งที่ ผู้เลี้ยงได้เลือกเอง (ซึ่งบางทีอาจเกิดจาก การดูแลเอาใจใส่การให้เวลาที่ไม่เพียงพอ เพราะจากประสบการณ์ ส่วนตัวที่เคย ขลิปปีกนกมา ไม่มีตัวไหน ที่ จะทำร้ายตัวเอง) ผู้เลี้ยง น่าจะ รับผิดชอบ เลี้ยงดูให้ดีที่สุดต่อไป พอเกิดปัญหา ก็จะ put to sleep อย่างงี้ ฟังดูแล้วน่าเศร้าใจยิ่ง.....


พูดคุย เรื่องนก บรรยากาศเป็น กันเอง สบายๆ

"จิ" พัทยา

เหมือนกันกับน้อง napat นะคะ นกที่ขลิปปีกที่บ้านก็ไม่มีตัวไหน ทำร้ายตัวเองเลยซักตัวเดียว ตั้งแต่เลี้ยงนกมาเข้าปีที่ 8 ปี เนี่ยค่ะ

sparrow

ขออนุญาตแสดงความเห็นด้วยคนนะครับ

วิธีการป้องกันการบินในนกในความรู้ของผมมีดังนี้ครับ

1. การตัดกระดูกบริเวณปลายปีก   วิธีนี้จะทำการตัดกระดูกบริเวณปลายปีกข้างใดข้างหนึ่ง  จะทำให้กระดูกสั้นลงทำให้นกไม่สามารบินได้สูง (บินได้ต่ำๆเลียดพื้น)   หากนกไม่กางปีกก็จะมองไม่เห็นโดยส่วนตัวผมคิดว่าวิธีนี้เหมาะกับนกขนาดใหญ่ที่ไม่ได้มีกรงขังครับ  เช่นในสวนสัตว์เป็นต้น  ผมมีคนรู้จักที่คุ้นเคยกันดีเป็นฟาร์มหงษ์  เขามีที่ (บ่อน้ำ)  กว้างมากเพื่อปล่อยหงให้ใช้ชีวิตอยู่อย่างอิสระ  ซึ่งเขาเลือกที่จะตัดปลายปีกเพื่อป้องกันการบิน (ไม่งั้นบินหนีไปหมดแน่ๆ)  อันนี้ผมคิดว่าเหมาะสมครับ  โดยทางฟาร์มเลือกที่จะตัดตั้งแต่อายุน้อยมากๆ  ซึ่งทำได้ง่ายๆและแผลหายเร็ว

2. การตัดเอ็นบริเวณที่ข้อปีกส่วนปลาย  วิธีนี้ความยาวของปีกนกจะยังเหมือนเดิม  แต่นกไม่สามารถบินได้เนื่องจากเอ็นขาดไป  และมีข้อเสียคือบางครั้งนกอาจจะแสดงอาการปีกห้อย  ไม่สมารถพยุงปีกได้      ส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบวิธีนี้มากที่สุด

3. การตัดขนปีก  เป็นวิธีที่นิยมที่สุดในหมู่คนเลี้ยงนก โดยเฉพาะนกขนาดเล็ก นกไม่เจ็บปวดทรมาน แต่หากนกกางปีกก็อาจจะดูไม่สวย  ผมเคยทดลองตัดขนปีกอยู่หลายวิธี  บางวิธีก็ได้ผลดี  คือนกยังบินได้  แต่ไม่สูงนัก  บางวิธีนกก็บินได้    บางวิธีอาจได้ผลกับนกชนิดหนึ่ง  แต่ก็อาจจะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควรกับนกอีกชนิดหนึ่ง    นกผมเองก็เคยบินหนีไปเพราะการตัดปีกที่ไม่เหมาะสมกับชนิดนก  และวิธีนี้ก็เป็นการป้องกันการบินแบบไม่ถาวร

โดยส่วนตัวผมเคยทำมาแล้วทุกวีธี  ผมชอบวิธีสุดท้ายที่สุด  เพราะไม่ทรมานสัตว์   แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น  ผมคิดว่าก็คงแล้วแต่บริบทนะครับ   ขึ้นกับความจำเป็นครับ
laboratory of Animal Reproductive Biotechnology
รับบริจาคนกที่สิ้นชีวิตแล้วเพื่อการศึกษา......เป็นวิทยาทานนะคร้าบบบบบบบบ

Noru

:-)  :-)  :-)  :-) แล้วแต่ใครชอบแบบไหน เจ้าค่ะ

Guest

ไม่มีอะไรจะพูดมากแล้ว นอกจากสนับสนุนความคิดของคุณ sk_clinic

และผมเชื่อว่าอีกหลาย ๆ ท่าน ก็คงจะสนับสนุนเช่นกัน แต่...ต่างกรรมต่างวาระครับ  ความสุขของการมีนกมันต่างกัน


บางคน  อยากได้เห็นเค้าบินเหมือนผม  

บางคน อยากได้เพื่อนเล่น ที่ต้องอยู่กับเค้าไปตลอด "ห้ามบิน" (เลี้ยงเพื่อบำบัดอาการเหงาของผู้สูงอายุหรืออื่น ๆ )

บางคน..  ต้องการความปลอดภัยให้ลูกรัก



ไม่ต่างจากการเลี้ยงลูกเลย    ผมเองเลี้ยงลูก (บุตรจริง ๆ) ด้วยการให้เค้าได้สัมผัสประสบการณ์ต่าง ๆ เลวร้ายหรือ สนุก ได้ด้วยตนเอง โดยหากเป็นพวกที่มีความเสี่ยง  ก็จะยืนดูอยู่ใกล้ ๆ  เช่น อยากจับเตาไฟ  ก็ เอาอันที่ร้อนน้อยหน่อย แล้วให้ลองจับ  อยากจิ้มปลักไฟ  ก็เอาไฟ 12 โวลต์ มาสปาร์คให้ดูแล้วให้ัจับ  (อิ ๆ น้องเค้าเห็นไฟแลบก็ไม่จับแว๊วว)  กะว่า ถ้าจับอีก จะเอา 220 มาสปาร์ก ให้ดู แต่กลัวอะ เสียงมันดังหะ ๆ

แต่กะบางคน อาจจะต้องการดูแลลูกให้มีผิวพรรณ์ดี ไม่อยากให้ออกไปวิ่ง ไม่อยากให้ไปตากฝนเพราะไม่อยากให้เป็นหวัดเป็นต้นจ้า
มีอะไรต่าง ๆ ที่ดี โดยการ "ห้าม" ทุกอย่าง


ฉะนั้น   แนวคิดต่างหากที่จะสรุปได้ คล้ายกับ  "คนป้อนอาหารด้วยสายยางนั้น ป่าเถือน"  อิ  ๆ  ผมเองก็สนับสนุน แต่จริง แล้ว คนตั้งกระทู้นั้นเพียงอยากรณรงค์ ไม่อยากให้เกิดเรื่องร้ายเท่านั้นเอง แต่....  มันใช้ไม่ได้กับการเลี้ยงนกจำนวนมาก ๆ ก็มีท่านที่ให้เหตุผลว่า ถ้าไม่ใช้จะเสียเวลามาก ป้อนนก 10 ตัว ตัวที่ 10 อาจจะได้กินข้าวช้ากว่าเป็นชั่วโมง อาจจะตายได้ (ลูกกกก นกอ่อน ๆ) เป็นต้นจ้ะ


ต่อมาคุณติ๊กได้ออกมาพูดสนับสนุนแนวทางนี้ซึ่งผมก็เห็นด้วย นั้นก็คือ

"เลี้ยงนกจำนวนน้อย หรือแบบไม่พาณิชย์  ไม่ต้องใช้ใส้ไก่"

ปัจจุับันนี้คุณติ๊กไปอยู่ใหนแล้วน้าา จำได้ว่า แนวคิดนี้ จะมีใส่ลงไปในกระทู้ที่มีผู้เลี้ยงหน้าใหม่ เสมอ  ไม่รู้ว่า ป่านนี้จะได้ผลบ้างหรือเปล่า.   ผมเชื่อว่า ได้ผล..

mika

ขอแสดงความคิดเห็นนิดนึงค่ะ  เราเองก็เคยเลี้ยงนกปล่อยไม่ขลิป ก็อยู่ได้เป็นปีทั้งสามตัว จนกระทั่งนกตกใจเสียงเฮลิคอปเตอร์เลยพากันบินเตลิด  ซันสองตัวกลับมาแต่โฟโต้คนสวย ไปลับไม่กลับมา ตามหาก็ไม่เจอ สองอาทิตย์ต่อมาซันสองตัวก็พากันบินไปไม่กลับมาอีกเลย ตามหาอยู่เป็นเดือนจนไปเจอโฟโต้แทน อยู่ในกรงใหญ่ของมหาลัย ผอมโซเพราะเขาเลี้ยงรวม ให้กินแต่เมล็ดทานตะวันกับน้ำ ไม่มีผลไม้ ไปติดต่่อขอรับคืน เลยต้องขลิปให้เธอบินได้แต่ไม่ไกล แต่เธอก็แฮปปี้กับการเดินมากๆ เธอจะเดินรอบบ้าน ปีนขึ้นหลังคา วิ่งบนหลังคา บินนิดหน่อยเฉพาะเวลาจะลงจากคอนเข้าห้องนอนเท่านั้นแหละ กับตอนที่เราทำความสะอาดบ้านเธอ เธอหวงบ้านสุดๆ จะรีบบินมาจิกไม่ให้เราทำความสะอาด   และเราเคยเลี้ยงนกหนึ่งตัวแบบไม่ใช้ใส้ไก่ กว่าจะป้อนเสร็จอาหารก็เย็นแล้ว  ทำให้กระเพาะพักนกไม่ย่อยจนสุดท้ายติดเชื้อ กระเพาะไม่ทำงาน ป้อนอะไรไปก็อยู่ยังงั้นจนตายไป เห็นด้วยกับความคิดของคุณ sparrow คุณจิ คุณ napat  และคุณแม่เลี้ยงnoru ค่ะ

Surasak

^
^
^
แดงแปร้ด ดีใจด้วยนะครับที่พบ !!!~

สายลม

มันขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆและสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวนกนะครับ

สำหรับผม  ถ้านกตัวไหนที่เลี้ยงเชื่องมากๆและไม่ได้ปล่อยอิสระตลอดเวลา ผมจะไม่ขลิบครับ  
แต่ถ้าจะเลือกปล่อยบินในบ้าน  คงจะต้องขลิบออกไปบ้าง เพื่อลดโอกาสในการสูญเสียครับ

แต่จากอาการที่เจ้าของกระทู้เล่ามา  สาเหตุที่ทำให้นกกัดขนตัวเองไม่น่าจะมาจากการตัดปีกครับ

pjm

อ้างถึงสายลม เป็นผู้เขียน:
มันขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆและสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวนกนะครับ

สำหรับผม  ถ้านกตัวไหนที่เลี้ยงเชื่องมากๆและไม่ได้ปล่อยอิสระตลอดเวลา ผมจะไม่ขลิบครับ  
แต่ถ้าจะเลือกปล่อยบินในบ้าน  คงจะต้องขลิบออกไปบ้าง เพื่อลดโอกาสในการสูญเสียครับ

แต่จากอาการที่เจ้าของกระทู้เล่ามา  สาเหตุที่ทำให้นกกัดขนตัวเองไม่น่าจะมาจากการตัดปีกครับ

เห็นด้วยกับคุณสายลม

ไม่ยากขลิบขนปีก  แต่เพื่อลดความเสี่ยงทั้งปวง ก็ต้องขลิบ

นกทุกตัวต้องบิน  มันเป็นเรื่องจริง  แต่การขลิบขนปีกมันก็ทำให้นกบินได้นะครับ  แต่ไม่สูงและไม่ไกล

sk_clinic

ขอบคุณคะสำหรับทุกคนที่เข้ามาร่วมเเสดงความคิดเห็น

ก่อนอื่นคงต้องขอตอบก่อนคะว่าเป็นนกBG คะ ส่วนในเรื่องที่ว่าสงสัยว่าเกิดจากปัญหาอื่นได้ไหมตอนนั้นก็คิดคะพยายามซักประวัติโดยตลอดเเละคำตอบก็เป็นไปตามนั้นคะ คือเจ้าของไม่ได้เปลี่ยนเเปลงอะไรเลยเพียงเเต่แค่พอมาตัดขนที่ปีกเท่านั้นร่วมกับช่วงหลังที่เจ้าของไม่มีเวลาว่างมาเล่นกับเขาด้วยนะคะ

ดังนั้นจึงคิดว่าส่วนหนึ่งอาจเกิดมาจากการที่ไปตัดปีกนกเเละมีผลทำให้นกเขาเครียดได้นะคะ เเต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ตัดเลยนะคะอย่างที่บอกคะเวลาจะทำจะอธิบายก่อนเเละถ้าเจ้าของโอเคก็ทำให้คะ

เคสที่เล่าให้ฟังนั้นหลังจากนั้นไม่ได้เจอกันอีกเลยก็เลยไม่เเน่ใจว่าเป็นอย่างไรต่อบ้าง

ปล.ได้ทำการรักษาทางยาไปแล้วคะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของไร ตรวจขนเพื่อหาการติดเชื้ออื่นๆๆ เเต่บริเวณที่ขนร่วงก็พบว่าจะมีเเต่ตำแหน่งที่นกหันไปจิกกัดได้คะ เเละพบว่าบางส่วนจะเริ่มมีขนอ่อนขึ้นได้บ้างคะ การให้ในเรื่องของยาบำรุงขนเเละการเสริมวิตามินก็ทำคะ เเต่อาจจะเป็นเพราะระยะเวลายังไม่เพียงพอหรือป่าวไม่เเน่ใจคะหรือเจ้าของไม่ได้ทำตามก็ไม่รู้ได้จริงๆๆ

ขออ้างอิงถึงเวปไซต์นี้ด้วยนะคะ http://www.cookietalkie.com/handbook/hb_feather_picking.asp
ขาว ดำ หรือเทา มุมมองที่เปลี่ยนไป ทำให้ได้สีที่ต่างกัน