สามแสบ โยโย่ กะ บูบู้ และ เยโล่ ท้าหนาว เที่ยวเหนือ ปีสอง

เริ่มโดย Guest, มกราคม 05, 2010, 09:49:40 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Guest

เข้าปีที่สองแล้วสิเนี้ย ตั้งกะเลี้ยงนกเอี้ยงมาพร้อมกับคุณติ๊กในวันนั้น

อ้างถึง เที่ยวภาคเหนือปีแรก ซึ่งขณะนั้น เจ้าแสบสองตัวยังบินไม่ได้ ขนขึ้นเพิ่งจะคลุมทั้งตัว ซึ่งครั้งนั้น ไปกับคุณติ๊กและครอบครัวเจ้าแสบสองตัวก็น่าร๊ากกมากๆ ครับ ไม่บินไปใหน เปิดตะกร้า ก็ แค่โผล่หัวออกมาดู คริ ๆ   คลิ๊กดู พาโยโย่เที่ยวภาคเหนือปีแรก ที่นี่

รวดเร็วเหมือนโกหก แป๊บ ๆ ปีนึงแล้ว ความรู้สึกถึงครั้งเมื่อได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ - เชียงราย ยังวนเวียนอยู่เหมือนเพิ่งจะได้ไปมาเมื่อวานนี้นี่เอง

ปีนี้....   เปลี่ยนแนวเที่ยวหน่อย เป็น เชียงใหม่ – ปาย คราวก่อน ถึงเชียงใหม่แล้วเลี้ยวขวา คราวนี้มาเลี้ยวซ้ายกันบ้างครับ

เริ่มจาก เมื่อรวมสัมภาระเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางกันเลย แบบไม่มีแบบแผน วันก่อนเที่ยวหนึ่งวันยังทำงานอยู่เรยครับ หะ ๆ ก็ออกเดินทางจากกรุงเทพ ประมาณ ตี5 ได้ รีบจะแย่ คิดไปคิดมา แวะที่ตากก่อนจะดีกว่า เพราะหากเดินทางรวดเดียวถึงเชียงใหม่ มันจะมืดพอดี เจ้าแสบทั้งสามตัวก็ อดบินกันพอดี ใหนจะต้องอึดอัดในกรงมาตั้งเป็นวัน ๆ  ก็เลยตัดสินใจ คืนแรกเที่ยวตากกันก่อน ครับ โดยมุ่งหน้าไปที่ ตลาดริมเมย ทันทีหวังว่าจะได้ไปกินกุ้งแม่น้ำสโตง ขนาด 4 ตัวโล ราคา โลละแค่ 300 กว่าบาท  แต่ที่ใหนได้ พม่ามันขี้โกง ขึ้นราคา สองเท่าเลยครับ เลยอดกิน (กลายเป็นโลละ 600 ซะงั้น) ปูก้ โลละ 350 บาท ธ่อ ซื้อบ้านเรามหาชัยถูกกว่าอี๊กก ไม่มีขี้โคลนด้วย (ปูพม่า มันขายพร้อมขี้โคลนไม่ล้างเลยครับ )  เลยได้รังนกกรวดเกรด AA มา ครึ่งโลกะเอามาต้มน้ำตาลกินซักหน่อย เสียเงินไป 300 บาทครับ แล้วก็เดินทางมาพักแรมที่ อุทยานแห่งชาติ ตากสินมหาราช

เข้ามาถึงจุดกางเต้นท์ แรก ซึ่ง....... เต็มเจ้าหน้าที่ก็เลยพามาจุดที่สองทีไม่ค่อยมีคนมา (แต่ก็สวยน้อยกว่าเย้อะ) แต่ที่แน่ ๆ ไม่ค่อยมีคน ชอบตรงนี้แหละ เพราะจะไม่มีเสียงเอะอะ โวยวาย เด็กร้องงอแง ที่สำมะคัญ....   นกเราจะไม่ต้องไปบินไปเกาะเต้นท์ใคร ฮา


จากภาพบน จะเห็นว่า เค้าเอารังนอนของมันมาด้วยย  เห็นมั้ยเอ่ย กล่องไม้ บนหลังคา (เอามาเซอร์ไพรซ์ พวกมัน) ระหว่างที่เรากำลังวุ่นอยู่กับการกางเต้นท์ เราก็ปล่อยไอ้แสบออกมาเผชิญความหนาวได้แล้ว จากที่อยู่ในรถ มันแค่เย็น ๆ จากแอร์


เมืองไทยเดี๋ยวนี้แปลก  พอหมดแดดปุ๊บ....   มันก็ เย็นลงปั๊บ หนาวขึ้นๆ   ทุกนาที ๆ เลยครับ เจ้าแสบสามตัวก็ กำลังปรับสภาพ ซึ่งเจ้าบูบู้ กะ โยโย้นั้นไม่ห่วงเพราะเคยไปร่อนบนเขาใหญ่ มาแล้ว ห่วงก็แต่ เจ้าเยโล่สมาชิกใหม่ นั่นเอง..


ออกมาก็ ให้อาหารกินรองท้องเสียก่อนเพราะระหว่างเดินทางก็ ให้กินมื้อเช้ามาเพียงมื้อเดียว


วันแรกนั้น พวกก็ บินได้แบบหนำใจทีเดียวเพราะพื้นที่มันกว้าง และสามารถบินได้สูงงงมาก เจ้าหน้าที่อุทยานก็ ตกใจว่า อุ๊ย นกมา นกมา  ก็ชี้นิ้วขึ้นฟ้ากันใหญ่ ส่วนเจ้าแสบก็ เหมือนนกรู้ มีคนดูก็ บินร่อนไม่หยุดเลย  จนผ่านไปสัก สิบนาที พวกมันคงเริ่มเหนื่อยแหละ (ไม่ได้บินติดต่อกันสิบนาทีน้ะ แต่ บินสักนาที แล้วไปเกาะต้นไม้โชว์ตัว แล้วบินต่อ) พอเริ่มเหนื่อยก็มาเกาะคอนที่เต้นท์ ที่เตรียมไว้ให้ เจ้าหน้าที่ก็เลยร้องอ๋ออ....  แล้วก็เข้ามาเยี่ยมชม..  ส่วนไอ้เราก็ เกร็งเต็มที่เลย (กรูจะโดนปรับมั้ยวะเนี้ย) เห็นเพื่อนสมาชิกมาเตือนไว้แล้วในกระทู้ไปเขาใหญ่ อีกทั้งอ่านเจอเองที่บอร์ดก่อนเข้าอุทยาน.....  ที่ใหนได้ .....
โป๊ะเช๊ะ....


ยิ้มแฉ่งมาเชียว ดูพี่เค้าชอบนกมากกกก   + เจ้าสามตัวนี้ก็ ดูท่าจะชอบเค้าด้วย เพราะอยู่ ๆ ก็ บินเข้าไปหาเค้าโดยมิทำอันตรายใด ๆ กับพี่เค้าเลย.....  (ดีแล้วลูกเอ๋ยย  )  


แต่ในวันหลัง ๆ กับคนอื่น ๆ บางคนมันก็ดูเหมือนจะเกลียดเค้า เดินมาใกล้ ๆ ไม่ได้ มีขู่ ทำตัวฟู อ้าปาก  อุ ๆ ดูแล้วขำ ๆ แต่ ขำได้ไม่นาน พวกเล่นบินไปกัดหูเค้าถึงเต้นท์ ....อูววว กูจะซวยเอา  ดีที่เค้าก็ชอบนกเหมือนกัน อิ ๆ  วิ่งไปหยิบนกแทบไม่ทัน พร้อมกับ ดีด ๆ ๆ ๆ  ๆ ทำโทษซะ ก็หง๋อยไปแป๊บนึง

ฟ้ามืดเร็วมาก เพราะกว่าจะมาถึงก็ ห้าโมงแล้ว หกโมงปุ๊ป พระอาทืตยหายปั๊บ  พวกตัวแสบก็ ทยอยกันเข้ารังไม้ที่พกมาอย่างที่คาดเอาไว้เชียว  แต่ก่อนเข้าก็ ทำเป็นสำรวจดูก่อนว่า...เอ... ที่นี่มันคุ้น ๆ เหมือนเคยมานอน ...  อิ ๆ  พอพวกมันเข้าไปเท่านั้นแหละ คงจะพบกับกลิ่นเดิม   เลยพากันเข้าไปกันหมดเลยครับ  (ผ้าไม่ได้ซักเลย อยู่ ๆ ก็ยกมาจากผนังบ้านติดรถมาด้วย)


Guest

หลังจากภาพสุดท้ายด้านบนนั้น ก็ ปาไปสี่ทุ่มกว่า ก็เลยหยิบกล่องไม้นั่นไปไว้ในเต็นท์ แล้วนอนด้วยกัน

   เช้าวันใหม่ เริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ้า บูบู้ ต้วแสบตื่นก่อน ตอนสักประมาณ 7 โมงแล้วก็ บินมาปลุกเหมือนตอนอยู่บ้านเปี๊ยบ !!  โอยย เราก็งัวเงีย ตื่นอย่างเสียไม่ได้ เจ้าสามแสบคงอยากจะออกข้างนอกกันแล้ว ก็เลยเปิดเต้นท์ เอาพวกมันไปไว้บนคอนฉบับกระเป๋า ของคุณติ๊กนั่นเอง แต่... ตัวที่ตื่น มีแค่สองตัว คือโยโย่ และบูบู้ เท่านั้น อีกตัวไปใหนหว่า.....   ก้มลงไปดูในรู..อ่อ  ยัง คอพับอยู่เลย ก็เลยไม่ได้กวนมันปล่อยให้มันนอนไปก่อนละกัน
ทีนี้... ก็มากวนคนต้มน้ำ คือคุณแม่ผมเองหะ ๆ  “กินข้าว ๆ ๆ  ๆ”  ถ้ามันพูดได้นะ  คริ ๆ
แม่ครัวเตรียมทำอาหารแล้ว


โยโย่ ยืนรอแดดออก เมื่อใหร่ จะออกไปร่อนซักที หนาวฉิบ
 

ขณะนี้แดดยังไม่ออก ก็ยังไม่สามารถบินกันได้ครั บ  หนาวว มาก  


แดดเริ่มออกแล้วจ้า .....  ค่อยรู้สึกอุ่นขึ้นมาทันที


อากาศที่ตากหนาวเย็น และ ชื้นแบบมีน้ำค้างเหมือนที่เขาใหญ่เลย แต่ โหดร้ายกว่า
คือ... วางของไว้ไม่ได้ แป๊บเดียวเปียกเลยครับ

ทันใดนั้น เจ้าเยโล่ก็ตื่นพอดีบินออกมา เผชิญความหนาว หนแรก !  ในชีวิตของเค้า ! (ก็เค้าอยู่แต่ในกรงอะ  กรุงเทพด้วยเอาที่ใหนมาเย็นหว่า)


หลังจากนั้นก็ ให้ข้าวกินเป็นเคยที่นั่นแหละครับ อาหารชนิดนี้ มีประโยชน์มาก ๆ ใช้ควบคุมปริมาณอาหารและน้ำได้อย่างแน่นอน เวลาเดินทางไกล ๆ นี่ กะเอาได้เลยว่าอีกกี่ชม.จะหิว  


เรื่องแปลกแต่จริงก็คือ เจ้าบูบู้ กินเย้อะมากกกก  10cc (แต่ก็ปรกตินี่นา บู้มันก็ตะกละแบบนี้มาตลอด)  เจ้าเยโล่ ก็ กินเย้อะ...มากกกก!  เกือบ10 cc ทั้ง ๆที่เป็นนกโต  แต่ก็อีกแหละ มันคงหิว...    (บูบู้ ปรกติกิน6 cc และ โยโย่ 4-5 cc)

เจ้าโยโย่..... ไม่กิน..!!     เอ๊า กรรมชงไว้เหลือสิเนี้ย  ก็ต้องเททิ้งตามระเบียบ เนื่องจากกระทู้น้องคนหนึ่งด้วยความเสียดายจึงใส่ตู้เย็นแล้วเอามาอุ่นป้อนตอนเย็นอีก   ....    สุดท้าย นกตาย   กรรมแท้  ก็เลยไม่กล้าเก็บไว้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

จากนี้เป็นภาพติดเรท....  ดอเด็กต่ำกว่า 15 ปีควรได้รับคำแนะนำ
--------------------------------
นี่ไงเล่า.....  อ้อล้อจริงๆ นะเจ้าโยโย่เอ๊ยย  ทำเป็นไม่กินกะเราแล้วไปรับอ้วกกะ เยโล่


แหม๋....   เด๋วก็มีตัวโน้นมาป้อน เด๋วก็มีตัวนี้มาป้อน เนื้อหอมจริงน้ะ


ออเซาะขอเค้ากิน ทำเป็นก้มต่ำ ๆ ตัวฟู ๆ กระพือปีกเหมือนลูกนกขอข้าวแม่กินเชีย


อ่า......สุดท้ายอิ่ม... ภาพนี้สีสวยเน้อะ....  แล้วก็แยกย้ายกันไปบินเล่นกันไกลๆ  


หลังจากนกกินเสร็จ คนก็กินเสร็จเช่นกัน โดยตากล้อง นายเบียร์กินเสร็จเป็นคนสุดท้ายเพราะมัวแต่ส่องนกมันจ้องจะกินอ้วกของกันและกัน  (อิ ๆ เรียกตามใครไม่รู้ “กินอ้วก”  ดูน่ากินดี)

Guest

เก็บสัมภาระเสร็จก็ราว ๆ 10 โมงโดย เจ้าบูบู้ เล่นตัวไม่ยอมลงมาเข้ากรง ต้องนั่งรอมันจนกว่าจะลง...เสียเวลาไป อีกครึ่งชั่วโมง

จากนั้นก็ไปดูต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยกันสักหน่อย ต้นอะไรน้า


เค้าเรียก  “ต้นกระบากใหญ่” โอ้วว ใหญ่จริง ๆ เทียบกะแม่เบียร์แล้ว ....  ดูตัวเล็กไปเลย


สภาพป่าโดยรอบ ชุ่มชื้น น่าดูชมมาก ๆ เลยครับ ตรงมุมลึก ๆ ตรงนั้นเป็นเหมือนตาน้ำครับ


จุดนี้ห่างออกจากตาน้ำราว ๆ 20 เมตร ก็เริ่มกลายเป็นลำธารสายเล็ก ๆ แล้ว   น้ำใสมาก ๆ พยายามถ่ายให้ติดน้ำน้ำเนี้ย เหมือนถ่ายก้อนหินเปล่า ๆ มาให้ดูเลย ตรงนี้น้ำลึกราว ๆ สองฝ่ามือวางราบ มีกุ้งตัวน้อยยย อยู่ตัวนึงไม่รู้มายังไง แต่...คงไม่มีใครอุตริเอามาปล่อยหรอกจริงม้ะ


พอดีขาลงเนี้ย มันชันมาก ขาขึ้น ก็ ท่าจะเหนื่อยกว่า สามเท่า ก็เลย มาพักก่อน ใครได้มาเห็นที่นี่แล้วรับรอง...คุ้ม..
คุณแม่ผมที่โบกมือให้นี่ ไม่ใช่ว่า ยังใหวนะ..หะ ๆ   จะแย่แร๊วว


วิวป่าที่ยังสมบูรณ์  ถ้าโย่ กะ บู้ หลุดไปตอนนี้ คาดว่า กว่าจะกลับคงจะเกือบค่ำ  หะ  ๆ  เพราะมันทึบเหลือเกิน พี่แกคงจะสนุกกับ การไปขบอะไรต่อมิอะไร   แต่จริงๆ กลัวจะหลงกันมากกว่า




จากนั้นก็ เป็นเวลาราว ๆ เที่ยงแล้วต้องรีบออกจากตากแล้วหละ เพราะมัวแต่เที่ยวเพลิน ลืมไปเลยว่า คืนต่อไปต้องไปอ่างขาง เส้นทางอีกยาวไกล กลัวจะถึงลานกางเต้นท์ค่ำ ๆ แล้วจะไม่สะดวก  (จริง ๆ ห่วงนกไม่ได้บินอีกแหละ เทคนิคของเบียร์คือ วันแรกให้เค้าได้เห็นสภาพแวดล้อมก่อน เค้าจะบินระยะใกล้ ๆ กิ่งนี้ไปกิ่งนั้นทำความรู้จักกับต้นไม้ต่าง ๆ ก่อน หลังจากนั้น วันรุ่งขึ้น เค้าจะออกบินรอบใหญ่ กันทีเดียว)

เวลาผ่านไปยาววนาน  ยังไม่ถึงเชียงใหม่ ... หกโมงแล้ว....  วันนี้ แกไม่ได้บินแล้วหละโยโย่ คิดไปคิดมา ขับรถกลางคืนท่าจะไม่ดีแน่ ก็เลย เปลี่ยนใจไปดอยอินทนนท์กันแทน  กว่าจะถึงลานกางเต้นท์ ก็ ทุ่มนึงแล้ว คนก็แออัดมาก รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวสบายใจเท่าใหร่ ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปอะไรมา (มืดแล้วด้วยหละ ไม่เห็นอะไรเลยแต่......) มีสิ่งนี้


สวย ๆ เหมือนมียานอวกาศมาจอดใกล้ ๆ หรือ เหมือนพวกรัง เอเลี่ยน เลย หะ ๆ ไฟยาววว ๆ  เป็นชั้น ๆ ซึ่งก็คือ แปลงดอกไม้นั่นเอง


เดิน ๆ สำรวจรอบ ๆ  ก็มีของจากชาวเขามาขายราคาย่อมเยาว์ แครอทหวาน (จริง ๆ) กำละ20บาท สตรอเบอรี่ ดอย โลละ 160 บาทเอง ถูกชะมัด ซื้อมาโลนึง หวานน้อยกว่า สตรอเบอรรี่พันธ์พระราชทาน ที่อ่างขางนิ๊ดนึง แต่ด้วยราคาและขนาดแล้ว...โอววคุ้ม


เช้าแล้ว...ตื่นมาก็ ตกใจ กับภาพที่เห็นตรงหน้าเต้นท์  ที่มาของเสียงซ่า ตลอดคืน


มองไปทางด้านข้างก็...โอ๊วว  ทะเลหมอก ย่อม ๆ


เจ้าแสบตื่นแล้วเช่นกัน ออกมารอรับแดดแรก


ไม่รู้ว่า นกโดนแดด จะได้รับวิตามิน D เหมือนคนหรือเปล่าน้า


ช่วงนี้ โยโย่ หันมาออเซาะกับ สมาชิกใหม่ บ่อยขึ้น อยู่เป็นคู่ ๆ ส่วนเจ้าบูบู้ ก็.......กลายเป็นหมาหัวเน่า


ลูกสาวจ้ะ


ขอแดดหน่อยค๊าบบบ  หนาววจัง  (หมาหัวเน่าไม่มีใครคบแล้วเจ้าบู้ ฮะฮา)


หลังจากตื่นกันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งคนและนก...   ก็ ไปต้มน้ำชงข้าวมื้อเช้าให้กินตามระเบียบ หลังจากกินอาหารหลักเสร็จก็ ตามด้วยอาหารหวานและผลไม้


แดดออกแล้ว หมอกนั่นยังไม่จางไปใหนเลยพิสูจน์ว่า มันเย็นจริง ๆ ครับ แต่เย็นคนละแบบกับที่ ตาก เพราะที่นี่สูงกว่าจุดที่น้ำค้างจะลงแล้วครับ (หนาวแห้ง) หมอกข้างล่างนั่นก็น่าจะเป็นน้ำค้างกระมัง... อุ้ยๆ  เค้าถ่ายภาพวิว อยู ๆ  ก็ มีใครมาบินปาดหน้ากล้องฟระ  .... ฮึ่ม..!


นี่คือต้นท้อ... ที่เอามาทำบ้วยนั่นเอง.. ในฤดูหนาว ใบมันจะร่วงหมด จำได้ ม้งบอก


ผมเดิน ๆ ไปด้านหน้า เห็นชาวเขาเค้าปิ้งข้าวโพดกันก็เลยซื้อแบบดิบ ๆ มาหักให้เจ้าพวกนี้กินกัน
เห็นชอบกันใหญ่ก็เลยลองกินบ้าง......อุ๊ยย ดิบ ๆ มันก็หวานนี่หว่า !


แล้วก็ เริ่มออกบิน ระยะใกล้ ๆ เพราะเมื่อคืนไม่ได้ สำรวจเส้นทาง  (วันนี้ทั้งวันไม่ได้บินไกล ๆ เลย) ได้แต่ บินไปต้นโน้น โฉบมาต้นนี้


หลังจากกินอาหารเช้ากันเรียบร้อย ปิ้งหมูปิ้งไก่ ผัดผัก ทอดหมูยอ  .. โอวว หิวอีกรอบแล้วเนี้ย  ก็เก็บสัมภาระขึ้นรถ ....   อิจฉาละซี นอนท่ามกลางเสียงน้ำตกและพงไพร...ฮา.....  ก็เพิ่งรู้ว่ามีน้ำตกเอาตอนเช้านี่แหละ


ตัวนี้ไม่รู้ใครแฮ้ะ แยกไม่ออก ระหว่าง โย่ กะ เยโล่  มันเหลืองสะท้อนแสงแสบตา


อะห์ ซูมให้ดูน้ำตกอีกที ถ่ายด้วย 70-200 F4 L   ที่ช่วง 200 F 18  ชัดใส


มาดูสองตัวแสบกันบ้างทำไรอยู่ .....  เรียกตั้งนานไม่ตอบ จน อยู่ ๆ ก็มีอะไรร่วงใส่หัว.... ธ่อบนหัวเราเลยนี่เอง นี่มันต้นอะไรน่ะ


เจ้าเยโล่ ยังบินไม่เก่ง ต้นไม้บ้านั่นกิ่งก้านมันเย้อะ บินเข้าไปตรง ๆ ไม่ได้ (เจ้าเยโล่ นี่ ทักษะการบินแย่เอามาก ๆ แต่ไม่ว่ากัน ค่อย ๆ ฝึกไป ก็เพิ่งได้บินไม่นานนี้เองนิ) ก็เลย มารอตรงโคนต้น


มองไปมองมา อ๊อออ... มันคือมะขามป้อมนี่เอง  ...   ฝาด ๆ เปรี้ยวๆ  พออม ๆ แล้วน้ำลายจะหวาน


ได้กางเต้นท์ ท้ายรถเลย สะดวกมาก ๆ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การที่ได้กางเต้นท์ ที่ท้ายรถตัวเองเพราะจะเอาอะไรก็ ลุกไปหยิบได้เลย ไม่ต้องขนและเดินไกล


และไอ้ที่เหมือนยานอวกาศ เมื่อคืนนั้น ตอนกลางวันก็ เป็นแบบนี้


เมื่อทุกอย่าง พร้อมแล้ว เหลือแค่ เต้นท์ สองหลังที่ยังไม่ได้เก็บ


นกเราไปเกาะใคร ความรักเกิดขึ้นที่นั่น  กล้อง ๆ ๆ ๆ  ถ่ายเร็ว เด๋วมันไป


ออกจากดอยสุเทพแล้ว ทีแรกว่าจะขึ้นไปชมวิวจุดสูงสุดของไทยสักหน่อย.... แต่.. รถเย้อะ มาก +  คนขับรถไม่เก่งเย้อะ ก็เลยเปลี่ยนใจลงเขาเลยดีกว่า ระหว่างทางก็ ขอถ่ายภาพคู่กับซากุระเมืองไทยซักหน่อย (แท้จริงคือต้น พญาเสือโคร่ง ดอกจะมี 6  กลีบ ขณะที่ ซากุระแท้ ๆ จะมีแค่ 5 กลีบนั่นเอง  แต่มันก็ขึ้นผสม ๆ กันนั่นแหละครับ มีแท้มีเทียม ใบมันเหมือนกัน ต้องรอมันโต ถึงจะรู้


แล้วก็ เดินทางลงเขามุ่งหน้าสู่ เมืองปาย   จะอินเลิฟหรือไม่นั่นก็ ค่อยว่ากันอีกที แต่...... ผู้โดยสารทุกท่าน รับประทานยาแก้เมาท่านละ 2 เม็ด ด่วน ๆ ๆ ๆ

Guest

โพสมานานแระ ยังไม่ได้ เห็นมันบินซักที  เบือกันยัง... หะ ๆ

ง่วงแระ เด๋วเอาทีเด็ดมาให้ดูก่อนละกัน พรุ่งนี้ค่อยมาโพสต่อ
เอ้า  ภาพนี้จาก ลานกางเต้นท์ ห้วยน้ำดัง เป็นลานกว้างและหน้าผาสูงชัน  เจ้าแสบชอบมากกก !!  บินได้ แบบ ไกลจนสุดลูกหูลูกตาจริงๆ  






Eee

คุณเบียร์  ถ่ายรูปมาสวยๆ ทั้งนั้นเลยครับ
โดยเฉพาะรูป  ที่เจ้าบุูบู้เค้าอ้อนขออาหารบนกิ่งไม้นั้น สวยมากๆๆ  เห็นแล้วก็อยากฝึกให้ได้แบบนี้บ้างจัง....
และก็รูปน้ำตก  รูปแครอท  สวยจริงๆครับ
อ้างถึง
###@@@@@ .....กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา.... @@@@@###


Guest

อีกหลายชั่วโมงผ่านไป เดินทางเข้าสู่เมืองเชียงใหม่ ใช้เวลา ราว ๆ 2 ชั่วโมง (ลงเขา 1 ชั่วโมงและ เข้าเมืองอีก 80 โล วิ่ง 1 ชัวโมงเพราะผ่านในเมืองรถเย้อะมาก ๆ )  

ถึงตัวเมืองแล้วแวะซื้อขนมเค้กที่เค้าว่าอร่อยนักอร่อยหนา ที่ร้าน Love @ first bite ซักหน่อย เคยกินครั้งแรกเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ตอนนั้น เค้กชิ้นนิ๊ดเดียว ราคาปาไปหกสิบบาท บ้าไปแล้ว ดีที่ไม่ได้ซื้อกินเอง หะ ๆ  แต่......  ณ. บัดนี้  ไอ้เค้กชิ้นเท่าเดิมนั่นแหละ แต่ราคาปาไป 80-90 บาท ว๊ากกก !!   แต่เอ๊า  ซื้อมา ห้าอย่าง เช็คบิล อูววว ห้าร้อยกว่า... โหดใช่ย่อย  





จบเรื่องเค้กแล้วก็ มุ่งหน้าสู่เส้นทางอันโหดร้ายไปยังปาย   โย๊ววว....
....................
....................
...................

สองชั่วโมงครึ่งผ่านไป... ยังเดินทางไปได้เพียงครึ่งทาง   รถเย้อะมาก  พวกขับรถ เอ่อ...  (ขอโทษน้ะขอด่าแรง ๆ “พวกโง” )  ก็เย้อะมากๆ  ขับขึ้นเขา บ้าไปแล้ว ลากเกียร์ 1 ขึ้นเขา รอบเครื่องนี้ สะท้านมายันข้างหลัง กลิ่นคลัช ไหม้ เบรคใหม้ ก็ กระจาย เหม็นฉิบ  ลากรอบ7-8 พันรอบ ความเร็วไม่ถึง 30.......    สาธุ ไม่นานหรอก ฮีท  ที่ต้องว่าเค้าเพราะว่า รู้ตัวว่าช้า.... แต่ไม่ยักกะยอมให้แซง วิ่งปิดเลน ปิดไลน์ ตลอดเลย เราก็แซงยากอยู่แล้วไม่รู้ว่าจะประสานงากะคันที่สวนลงมาหรือเปล่า เฮ้ออ....

ส่วนผู้โดยสารก็ ทยอยกัน เอาอาหารภายในร่างกาย ออกมาใส่ถุงกันเป็นแถว ๆ ทั้ง ๆ (ก่อนขึ้นดันลืมกินยาแก้เมา) ก็เลย ไม่ใหวแระ ครึ่งทางก็ ได้พักแรมกันที่ อุทยานแห่งชาติ ห้วยน้ำดัง ไปก่อนละกัน....

สภาพด้านบน คนเย้อะ ...อีกแล้ว  ทำไมมันแออัดกันอย่างนี้เนี้ย...ที่จอดรถไม่มีเลย  ห้วยน้ำดังขนาดนี้ บนปายจะขนาดใหนเนี้ย... !!  

ช่างมัน  เอาเรื่องของนกต่อดีก่า  จัดการ ขนของลงมายังลานกางเต้นท์ สุดแสนที่จะเหนื่อยมากๆ  เลยเพราะว่า ที่จอดรถใกล้ ๆ ได้เต็มหมดแล้ว ก็ต้องซวย ยกสมบัติ กันเดินทางไกล ชันก็ชัน ใหนจะเตาแก้ส เสื้อผ้า ผ้าห่มหมอน โอยย.....   ไม่สนุกเอาตอนนี้แหละ  ดูรูปเอานะ ตรงที่ยืนถ่ายนี่คือที่จอดรถ .... แต่ต้องเดินไปกางตรงโน๊นนนนน... (จากภาพเป็นเวลาที่ทุกคนเค้าไปหมดแล้ว ที่นั่นยังเหลือที่ให้กางอีก ไม่เย้อะ  ...ส่วนที่อื่น.... กลายเป็นชุมชนแออัดไปแล้ว


เมื่อกางเต้นเสร็จแล้วก็ เอานกออกมา มันคงอยากออกจะแย่แล้วหละ ผ่านโค้งมาเป็นร้อย ๆ คงเวียนหัวเป็นเหมือนกันเน้อะ


ออกมาแล้วไม่รอรี รีบกระโจนออกไปวอมอัพร่างกายกันแทบจะทันที “เมื้อยแล้วโว้ยย” หะ ๆ


เวลานี้เป็นประมาณ ห้าโมงกว่า ๆ แล้วพระอาทิตย์ จะตกแหล่ไม่ตกแหล่ ครับ บรรยากาศดี ส่วนความเย็นไม่ต้องห่วง....  เย็นมาตั้งกะบ่ายสามแล้ว......  ลูกสาวก็...  สราฮิโย...อิ ๆ  หน้าออกจะอีกสานนะลูกก อย่าไปเกาหลีเลย


ไปกันแร๊วว เด๋วแสงจะหมด ออกไปร่อนโชวตัวกันทันทีที่ป้อนข้าวเสร็จเลยหละครับ


วนกันหลายรอบ


มุมมองนี้ จะเห็น หมอกลงในภูมิประเทศที่ต่ำกว่า สมกับคำที่ลำลือว่า “เมืองสามหมอก”


พระอาทิตย์ตกแล้วจ้า.... สวยจังเลย  ดวงไฟเลือนลงไปเร็วมาก


พระอาทิตย์ตกไปแล้ว เพิ่งจะกางเต้นท์ เสร็จ แม่ครัวก็วุ่นกับการทำอาหารแล้วทีนี้....  วันนี้ มีปลาเค็ม ผัดพล๊อกโคลี่ใส่เห็ดหอมสด หมูยอหนังหมู สูตร เชียงราย และ ใส้อั่ว   ข้าวต้ม หม้อใหญ่ หมด......พริบตา เพราะปลาเค็ม อิ ๆ ชอบจริง ๆ ซื้อจากตลาดมหาชัย


พร้อมจะกินแล้วจ้า....


หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้วก็ ต่างคนแยกย้ายไปนอนหลบหนาวกันแล้ว อากาศที่นี่ เข้าขั้น หฤโหดเพราะลำพังก็เย็นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว....แต่ ตรงจุดกางเต้นที่นี่ ทางการตั้งชื่อให้ว่า (กิ่วลม)  โอวววว สมชื่อ  เพราะลม กระโชกแรงตลอดครับ

แต่..เราคนหนุ่ม มาเที่ยวประความหนาว... ก็เลยออกมานั่งกินขนมเค้กที่ไม่มีใครกล้ากินก่อนขึ้นเขาเพราะกลัวว่า จะเอาออกมาหมดระหว่างทาง ...ฮา เสร็จโจร


ลานกางเต้นอีกด้าน เป็นมุมที่สวยที่สุด ไม่มีลมกรรโชคแรง ๆ  ก็ กลายเป็นชุมชนแออัดอย่างที่เห็น


ดึกแล้ว..... อากาศเย็นมาก ๆ เป็นห่วงนก ก็ เลยต้มน้ำใส่ขวดแล้วพันผ้าใส่ลงไปในกล่องไม้  ที่นอนของเจ้าสามแสบที่กำลังนอนเบียดกันอย่างน่าสงสาร ช่วย บรรเทาความหนาวเย็นได้ อย่างดี  หลังจากนั้นก่อนเข้านอน เอามือล้วงลงในในกล่อง ก็ พบว่า ..โอวว ได้ผล  ในกล่องไม้นั้น ...  อุ่น.... !!  จนอยากหดตัวเข้าไปนอนกับพวกมันเลยเชียว


   เช้าวันใหม่ เริ่มแล้ว...วันนี้ไม่มีนกมาปลุกเหมือนทุกวัน เพราะว่าอากาศในกล่องไม้นั้น ยังคงอุ่นอยู่มาก ในขณะที่อากาศ ในเต็น เย็นจัด และนอกเต็นนั้น.... เข้าขั้น ยะเยือก !

แต่ ไม่นานหรอก พอพวกนี้เห็นว่า ฟ้าสว่างแล้วก็ ออกมารอรับแดดเช่นเคย


อากาศดีครับ ตรงอื่น ส่ว่างแล้ว... พอดีตรงจุดนี้อยู่หลังสันเขา กว่าพระอาทิตย์จะส่องต้องรอสาย ๆ กว่านี้สักหน่อย


แดดมาแร๊ววว  ตุนพลังกันก่อนดีก่วา   ส่วนผมก็ ไปเตรียมชงนม....เอ้ย ชงข้าว เคที่ให้ลูก ๆ กิน โดยคงส่วนผสมหลัก ๆ เอาไว้ก็คือ เคที่ สองช้อน กระดองปลาหมึก ขูดออกมาสามที และ เกสรผึ้ง อีกหยิบมือเล็ก ๆ ผสมน้ำร้อน....  แล้วคน ๆ ๆ ๆ    แป๊บเดียว เย็นสนิท...อิ ๆ  อากาศเย็นจัด ของร้อน รอแค่ 5 นาที เย็นอย่างกะน้ำในตู้ทีเดียว ...


เอ๊า ๆ ก็กินมันทั้งร้อน ๆ อย่างนี้แหละ ให้ลวกปากกันไปเลย ....  แต่คงเพราะ อากาศเย็นมาก  ๆ เอามือไปลนไฟยังไม่ค่อยจะร้อนเลยหะ ๆ  ก็กระเดือก อึก ๆ ๆ ๆ  แป๊บเดียวหมดหลอด


ร่างกายพ้รอม ขนพร้อม แดด พร้อม......!! เตียมตัวน้า


ไปแว๊ววว แต่....  โยโย่ เปรี้ยว....  ออกร่อนมาตัวเดียวเรย ปรกติ บูบู้จะเป็นคนส่งสัญญาณ ออกตัวพร้อม ๆ กัน


ไปทักทายเต้นท์ที่อยู่ไกลออกไปก่อน กระชับมิตร.....    “เฮ้ย นกมา นกมา  กล้อง  ๆ ๆ อยู๋ใหน เร็ว !! “ คริ ๆ


ไปซุ่มกันแล้ว มองเห็นนกมั้ยเอ่ย...อิ ๆ กลัวไม่เห็น ก็เลยขยายให้ดู


เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ร่างกายอุ่นเต็มที่ ก็........ go go go


ตามมา ตามมา เร็ว ๆ



ทอ้งฟ้าสวย แดดกำลังดี ภาพสวย เพอร์เฟ็กชะมัดครับ ฟลุกจริง ๆ



บินไปไกลจนถึงฝั่งกางเต้นทางโน้น แน่ะ


สงสัยคนฝั่งโน้นจังว่าจะรู้มั้ยนะว่า...  ไม่ใช่นกธรรมชาติ อิๆ


นอกจากชอบดูนกขณะบินแล้ว เบียร์ยังชอบ ที่จะชม คนดูนกเราอีกด้วย เพราะเค้ามักจะทำหน้าแปลกใจเสมอเวลาเจอเจ้าแสบสามตัวร่อนบนท้องฟ้า “อุ้ย มาคอร์ มีที่นี่ด้วยหรอเนี้ย , อุ๊ย..นกป่า , อุ๊ย... นั่น ๆ ๆ   สวย ๆ ๆ”


บินลงเหวมั่ง ร่อนท้าลมมั่ง  สนุกจริง ๆ


พอเค้าบินเลยลานกางเต้นไปตรงที่เป็นเหว มันก็จะมีลมพัดจากข้างล่างขึ้นมาดันตัวพวกเค้าลอยละลิ่ววว แล้วเค้าก็ร่อนต่ำลง ต่ำลงไปแถว ๆ ลานกางเต้น แล้วพอรู้สึกว่ามันเริ่มต่ำลงเค้าก็จะไปผ่านตรงเหวนั่นอีก ก็จะได้ลมดันตัวเค้าลอยสูงงอีกครั้ง   ไม่ต้องกระพืปีกให้เหนือย เลย


สนุกหอมปากหอมคอแล้วก็ มาจอดพักบ้าง นอกจากเจ้าแสบสามตัวแล้วยังมี แสบอีกหนึ่ง ใส่กางเกงชมพู อู๊วว ลาวชะมัด คริๆ


จากนั้นก็เริ่มหาอะไรแทะ ไปตามประสานก ส่วนคนก็ได้ฤกษ์ รับประทานอาหารกันพอดี


นี่คือวิวฝั่งกิ่วลม มีหมอกหนาไล้ไปตามทิวเขาดูสวยงาม  แต่ขณะที่อีกฝั่งมี ทะเลหมอกของแท้ ๆ อยู่ แต่ เห็นได้แว๊บเดียวตอนไปเข้าห้องน้ำ จะเดินถือกล้องขึ้นไปถ่ายก็.....ไม่ใหวแล้ว อากาศมันน้อย ขยับอะไรหน่อย เป็นเหนื่อยครับ ขนาดหนุ่ม ๆ อย่างนี้ยังจะแย่เอา


ดูท่าจะเป็นนกปรอด สีสันแปลก ๆ อีกแล้ว ว๊าวว ตืนตาตื่นใจจริง ๆ


จัดเรียงขนปีกกันใหม่ก่อน เด๋วจะออกไปร่อนอีกรอบ ไม่งั้นจะทำความเร็วไม่ได้ ถ้าขนหลุดลุ่ยน้า มา ๆ ช่วยกัน


แป๊บบ เดียว ขึ้นไปกันแว๊ววว


มองจากมุมสูง กว่าจะเดินมาถึง ลมจับ เวียนหัว คลื่นใส้ทีเดียวครับ ไม่ใหวแล้ว จะอาเจียน เจ้าแสบก็เลยได้โอกาศออกมาข้างนอกอีกครั้ง



ใครได้พบเจอ...เป็นอัน................


ชมวิวสวยอีกทีนึงอันนี้ก็งามไม่แพ้กันเลย ทะเลหมอกตรงกลางนั่นหายไปแล้วเหลือเพียงจาง ๆ เพราะ มัน จะสิบโมงแล้ว


ตรงลานจอดรถนี้ลมแรงดี เพราะมันเป็นสันเขา ลมที่พัดมาก็จะพานกเราลอยสูงงงง จนแทบจะหาที่ลงไม่ได้เชียว


เห็นใต้ท้องนั้นหมายความว่ามันอยู่บนหัวเราแว๊วว ซูม สุด ๆ



แล้วพวกเค้าก็ได้สนุกกันอีกหลาย ๆ รอบ จน เบียร์เริ่มดีขึ้น ก็ขับรถต่ออีก 30 กิโล ไปยังอำเภอปาย ใช้เวลาราว ๆ  1 ชั่วโมง



ถึงปายแล้ว...... แต่ค่อนข้างผิดหวัง หาอะไร สวย ๆ แทบไม่ได้ ที่จะมี คงจะเป็นพวกงานศิลป ที่บางที ก็ ไม่รู้จะซื้อไปทำอะไรเหมือนกัน (อีกทั้งที่พูดได้เช่นนี้เพราะยังไม่ได้เห็นปายเวลาเย็น ถึงกลางคืนต่างหากพอดี คุณแม่ เริ่ม เบือแล้ว) เมืองปาย กลางวันร้อนตับแตกไม่ต่างจากกรุงเทพเลย ไม่เหมือนบนเขาสักนิ๊ด คุณแม่เลย ....   ออกอาการ หะ ๆ


จากภาพด้านบนนี้คือ หมู่บ้านจีนยูนาน ก็ สวยดี ครับ มีศิลปะการสร้างบ้านด้วยดิน ผสมหญ้าแฝก เอามาปะ ๆ กัน ดูท่าจะเย็นสบายดี


เก๋าลัดจีน ... 150 บาท โลนึง ถูกกว่า เยาวราช ครึ่ง ๆ ได้เม็ดแบบ ใหญ่ มาก


ร้อนอะ....  อันนี้ร้อนจริง สงสารม้าที่เค้าให้นักท่องเที่ยวขี่ รอบละ 50 บาท

ก็ขอจบด้วยภาพนี้เลยนะค๊าบบ ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านตามดูจนจบน้า....ปีใหม่แล้วขอให้หน้าที่การงานของท่าน สุขภาพของท่าน และเด็ก ๆ ของท่าน จงดีขึ้น ดีขึ้น ค๊าบบบ     สวัสดีปีใหม่จ้า  ร่ำรวย ร่ำรวย

goodpie

ดูแล้ว..มีความสุขไปกับ 3 แสบด้วยค่ะ

ดีใจที่นกได้บิน...ดูแล้วมีความสุขจัง...

Tortea'shm

MSN & E-mail: tea_za13@hotmail.com

มั น ก็อย่า ง นี้ แห ล ะ  " สั ต  ว์โ ลก    ย่อ ม เป็น ไ ปตา ม กรร ม "

เ ฮ้อ อ อ อ. .... .  ป วด ตั บ

Gemz

ดูทีไรแอบยิ้มหน้าบานทุกที แล้วหันไปทีไรก็มีคนแอบดูรูปแล้วยิ้มอยู่ด้วยทุกทีเหมือนกัน

อารมณเหมือนได้ไปบินด้วย 555+

พี่เบียร์ถ่ายรูปสวยมากมายอ่ะ...ปลื้มมมม ^_________^

ปล.1 คิดถึงพี่ติ๊ก (หายไปไหนอ่ะ?)
ปล.2 ซันกินสตอเบอรี่ได้ด้วยเหรอพี่?
ปล.3 ถาดรองกรงแบบนั้นถ้ามันพังแล้วสั่งซื้อเฉพาะถาดอย่างเดียวได้รึป่าวคะ?
คิดถึงกล้วยหอม...กระซิกๆๆๆ T_T

ด.ช.หาด

หนึ่งในสมาชิก แก๊งค์ "จู้ฮุกกรู"

naþat³

3 แสบ โชคดี มีคุณ bier พาเที่ยว พาบิน เยี่ยมครับเยี่ยมๆๆๆๆ :-D  :-D  :-D


พูดคุย เรื่องนก บรรยากาศเป็น กันเอง สบายๆ

mika


Guest

อ้างถึงสุดยอดค่ะ ช่างเป็นครอบครัวที่อบอุ่นดีจัง

ขอบคุณค๊าบบ  .....  :-)

อ้างถึง3 แสบ โชคดี มีคุณ bier พาเที่ยว พาบิน

ก็เลย อยากรับเลี้ยง บลูโกล สักสองตัวมาลองหัดบินมั่ง  ขอยืมก็ได้ หกเดือนเอาไปคืน คิ ๆ

อ้างถึงสุดยอดอีกแล้วบอกได้แค่นี้ อิอิ

ง่าา สุดยอดยังไงหย๋อ    คริ ๆ

อ้างถึงพี่เบียร์ถ่ายรูปสวยมากมายอ่ะ...ปลื้มมมม ^_________^
น้องเจมก็ เอานกมาเป็นแบบให้พี่ถ่ายรูปมั่งจิ คริๆ เอานกมา แต่ถ่ายเจ้าของได้เป่า

อ้างถึงปล.1 คิดถึงพี่ติ๊ก (หายไปไหนอ่ะ?) ปล.2 ซันกินสตอเบอรี่ได้ด้วยเหรอพี่? ปล.3 ถาดรองกรงแบบนั้นถ้ามันพังแล้วสั่งซื้อเฉพาะถาดอย่างเดียวได้รึป่าวคะ?
พี่ติ๊ก ไปทำงานต่างจังหวัดยาววว ครับ บอกลาได้เลย ไม่ได้เลี้ยงนกอีกแร๊วว  ดูท่างานจะหนัก  เบียร์ก็เลยได้เหมานกคุณติ๊กมาเลี้ยงต่อฟรี ๆ งาา  ดูแล้วน่ารักกว่านกเอี้ยง ตั้งเย้อะแน่ะ หะๆ

กินสตรอเบอร์รี่หรอ  ....  ได้จิ กลับมาถึงกรุงเทพ ได้สองสามวันแร๊วว ไม่เห็นมันเป็นอะไรเยย  ปรกติ เจ้าบูบู้ กินได้ แทบจะทุกอย่าง แนวว่ามาขอกินเรื่อย  ข้าวเกรียบ หมูทอด น้ำอัดลม โอยย แต่..... ก็ให้กินแต่น้อยจ้ะ ให้พอหายอยาก

ถาดรองกรง .... หูยย มันเป็นพลาสติกอย่างดี ทนมาก ๆ เลยจ้ะ ไม่กรอบไม่แตก โดยเฉพาะ หูยึดกรงกะถาดสีแดงนั่น ทีแรกนึกว่าจะกรอบแตกไปนานแล้ว ปรากฏว่า ยืดหยุนดีมาก ๆ  ถอดเข้าถอดออกหลายรอบแล้วไม่มีทีท่าจะเสียเลย คุ้มมาก ๆ ฟันธงได้ว่า ตัวกรงสนิมกินก่อนถาดพังแน่ ๆ หะ ๆ  ตอนนี้ จุดที่โดนน้ำบ่อย ๆ เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว  (ก็ปีกว่าแล้วนี่นา 900 คุ้มน่าดู)

อ้างถึงภาพสวยมากเลยครับ เห็นแล้วมีความสุขมากเลยครับ ^^

ขอบคุณค๊าบบ ขอบคุณทุกคำตอบเลย กลับมาอ่านทุกทีที่มีคนมาตอบ เหมือนจะนั่งเ้ฝ้่ากระทู้ยังไงไม่รู้จิ  อ่านแล้วก็นั่งยิ้มม ทุกที

P L A thong

ชอบมากค่ะ  เจ้าตัวเสบ 3 ตัวนี้น่ารักจังร้ยนะค่ะ


เห้อ อยากให้นกเราบินได้แระกลับมาหาบ้างจังมีเคล็ดลับมะค่ะ

ปลาทอง พวกพี่จัยกล้าดีนะค่ะที่ปล่อยออกไปบิน
จงกล้า เพื่ออิสระของชีวิต ทุกสรรพสิ่งเกิดมาเพื่อการอิสระ มนุษย์ยังต้องการ แล้วนกละ คุณเค