เรื่องสำคัญสำหรับผู้ที่นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยง (โดยเฉพาะนกสวยงาม)

เริ่มโดย Pon, พฤษภาคม 31, 2008, 02:41:07 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

C_tan



สัตว์อื่นๆ( เช่น แมวใหญ่(เสือ) จระเข้  และ ปลา เต่า ฯลฯ ) ต่างออกลูกง่ายเมื่อเทียบกับนก แถมในปริมาณที่มากกว่าด้วย  ดังนั้น ตัวเลข 50,000 จึงอาจดูไม่มาก  และแถมยังไม่มีข้อจำกัดเรื่องการส่งออก ( เช่น โรคไข้หวัดไก่  )  ดังนั้น จึงไม่น่าจะมีใครเดือดร้อนมากนัก

แต่สำหรับนก  หลายชนิดไข่แค่ปีละครั้ง
ครั้งละ 1- 2 ฟอง
บ่อยครั้งที่ไม่มีเชื้อ
หรือมีเชื้อ แต่โดนเหยียบแตก
หรือออกมาเป็นตัว  แต่สำลักอาหารตายซะอีก


ลำบากยากเข็ญแทบเป็นแทบตาย กว่าจะเพาะออกมาได้ (ไม่เชื่อ ลองถามประธานชมรมคนไม่เคยได้ลูกดูนะครับ )  เพาะออกมาแล้ว จะทำไงละนี่


จะส่งออก เชื้อไข้หวัดไก่ ก็ยังไม่รู้จักหมดจักสิ้นซะที
จะขายในประเทศ  ใครจะซื้อกันละครับ ในเมื่อกฎหมายเขียนไว้ซะน่ากลัวอย่างนั้น

ถ้าทุกคนในวงการ ยังจะใช้นโยบาย เวท แอนด์ ซี  
พอถึงตอนนั้น มันจะ ซี้ กันไปทั้งหมดนะครับ พี่น้อง

ผลประโยชน์ที่ขัดแย้ง  ความบาดหมางที่เคยมี  วางไว้ก่อนเถิดนะขอรับ
ร่วมด้วยช่วยกัน  ออกความคิดเห็น ส่งเสียง ผลักดัน ให้มีการแก้ไข  เพื่อว่า สิ่งที่พวกเรารัก สิ่งที่เป็นอาชีพ  จะได้เดินหน้าต่อไปได้


C_tan

อ้างถึงnat เป็นผู้เขียน:
ม็อบราชดำเนินก็มีแล้ว  ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ไปมีม็อบที่พหลโยธินอีกที่ไม่น่าจะเสียหายน่ะครับ...  8-)  8-)  8-)

ช่วงนี้ home alone ครับ     ถ้าเลยเดือนหน้าไปแล้ว  จะเอากันวันไหน บอกล่วงหน้าสัก 24 ช.ม.ครับ


tabtim

สรุปเป็นไงมั่งคะ ...เขาน่าจะเข้ามสัมผัสชีวิตแบบเราๆบ้างนะ คนที่ออกกฏหมายมาหนะ...จะได้รุ้ว่ามันเป็นการทุบหม้อข้าวประเทศไทยแค่ไหน..แทนที่จะสนับสนุนให้พวกเราส่งออกได้แต่กลับมาทำลายกันเอง..การที่เราพัฒนาสายพันธ์ได้เขาเรียกว่า ทรัพย์สินทางปัญญาไม่ใช่หรือ ....มองเพียงว่านกชนิดนี้ไม่ได้มีอยู่ในน่านฟ้าเมืองไทยเท่านั้นหรือ หากว่าเขาทำอย่างนั้นจริงๆ ไม่นานค่ะ เขาจะได้เห็น เลิฟเบริด์ หรือนกต่างๆอีกเยอะแยะแทนที่นกกระจอก..หรือไม่เราก็ต้องนกกระจอกมาพัฒนาสายพันธ์ เอาเป็นแบบ กระจอกด่าง กระจอกหัวครอบ กระจอกพายด์ ดีมั๊ยคะ :lol:

C_tan


 ผลสรุป คงต้องให้คุณพล จขกท. มาเล่าเองนะครับ


ผมคิดว่า เมื่อเขามาถึงตอนนี้  เรื่องที่จะตีให้ตกไปเลยนั้นคงยากแล้ว
แต่ที่น่าจะทำได้ โดยที่ไม่มีใครต้องเสียหน้ามากนัก คือ

1.การเสนอให้แยกเรื่องนกออกมาอยู่อีกหมวดหนึ่งต่างหาก  ส่วนรายละเอียดจะเอาอย่างไรก็ปรึกษากัน

หรือ

2.ยึดถือตามร่างนั้น แต่ ค่าธรรมเนียมสำหรับนก ให้คิดแค่ 10 % จากที่กำหนดไว้

ไม่ทราบว่าไหวไหม  ใครมีความคิดเห็นอย่างไร ช่วยๆกันหน่อยนะครับ





aeeprs

ผมติดว่า เราต้องใช้การดำเนินการร่วมกันกับสัตว์เลี้ยงหลายๆชนิดที่เป็น exotic ไม่ใช่เฉพาะคนเลี้ยงนก
ในกลุ่มเลี้ยงนก ต้องประชาสัมพันธ์ให้คนส่วนใหญ่ทราบ เช่นให้ชาวใต้ทุกท่านทราบว่าท่านเลี้ยงนกหัวจุก ก็ผิดแล้วและต้องโดนปรับแน่ ในการแข่งขันนกหัวจุกที่ไหน ต้องเอาข่าวนี้ไปกระจายให้ทราบ รวมถึงเวปนกหัวจุกต่างๆ
   พวกเลี้ยงปลา   ต้องทราบด้วยว่าผิดเหมือนกัน นักเลี้ยงปลาต้องเข้าร่วมมือด้วย
      สัตว์เลื้อยคลาน siam reptile น่าจะช่วยประชาสัมพันธ์
      สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมต่างๆ ก็ผิด ไม่ว่าพวกหนูเจอบิว เฟอเร็ท ไม่ทราบพวก แกสบี้ด้วยหรือเปล่า
      พ่อค้าสัตว์ในจตุจักร รวมทั้งที่อื่นๆ ต้องรวมตัวกันค้าน
    สรุป ต้องหาแนวร่วมครับ ให้เป็นพลังก้อนใหญ่เพื่อการต่อรองครับ

yusa

คนเลี้ยงนกไว้เป็นเพื่อนธรรมดาๆอย่างเราไม่แย่เรอะนั่น
ออกกฎหมายติงต๊องจริงๆ ถ้าจะมาพรากลูกรักไป สงสัยร้องไห้ขี้มูกโป่ง
เลี้ยงมาตั้งนาน มาจ่ายค่าพวกนี้อีก ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี
ดันมาติดเรื่องให้ประชาชนเดือดร้อน
แทนที่จะทำให้ละเอียดกว่านี้ สัตว์เลี้ยงไม่ใช่สัตว์ป่า

kitty75

ว่าไงว่าตามกันครับ วันไหนรวมตัวแจ้งให้ทราบด้วยนะครับ พร้อมเป็นแนวร่วมครับ

kitty75

ว่าไงว่าตามกันครับ วันไหนรวมตัวแจ้งให้ทราบด้วยนะครับ พร้อมเป็นแนวร่วมครับ

batman

เรื่องนี้ ไปไหนไปด้วยครับ แจ้งล่วงหน้าด้วยนะครับ จะได้หาทางโดดงานครับ
รักเธอเสมอ

Pon

ก่อนอื่นขอตอบคุณชายตันก่อน เนื่องจากเมื่อวานคุณชายตันโทรมาคุยกับผม และแนะนำให้เล่าที่มาที่ไปให้ทุกท่านทราบ ก็ต้องขอขอบคุณที่แนะนำ

ก่อนหน้านี้มีหลายท่านที่ทราบเรื่องนี้จากกระทู้ โทรมาสอบถามและพูดคุยกัน ผมก็เล่าสถานการณ์และข้อมูลที่ทราบให้ฟัง ก็หลายต่อหลายท่านครับ

เรื่องราวทั้งหมดผมก็เพิ่งทราบเมื่อวันพุธที่ 28 จากการโทรมาของกลุ่มชมรม ผู้เพราะเลี้ยงนกฯ ว่าจะมีการเสนอร่างพรบ. นี้ที่กรมป่าไม้ฯ แต่เนื่องจากวันนั้นผมติดงานที่ต่างจังหวัดไม่สามารถเข้าร่วมได้ แต่ก็มีตัวแทนของชมรมฯ ไปเข้าร่วม 4 ท่าน และหลังจากนั้นผมก็ทราบเรื่องจากการเล่าของตัวแทนทั้ง 4 ท่าน และได้คุยกันว่าน่าจะรีบดำเนินการนัดประชุมโดยก็รีบติดต่อและนัดกันได้ในวันศุกร์ที่ 30 และหลังจากพูดคุยสรุปเรื่องราวทั้งหมด ทางชมรมฯ ก็มีมติให้รีบกระจายข้อมูลเหล่านี้ให้กับกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้อง และนัดกันอีกครั้งวันพุธที่ 4 เพื่อสรุปแนวทาง หลังจากนั้นผมก็รีบสืบค้นข้อมูลต่าง ๆ ด้วยความไม่รอช้า เพื่อตรวจสอบว่าความเป็นมาต่าง ๆ ของเรื่องนี้เป็นมาอย่างที่เราเข้าใจหรือไม่ ? อย่างไร ?

ก็ได้ความว่าร่างพรบ. นี้เริ่มเมื่อปี 2546 โดยรัฐบาลของทักษิณ ซึ่งหวังดีหวังร้ายไม่ทราบ แต่ต้องการให้มีการแก้ไขพรบ. ปี 2535 (ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน) เพราะจะมีการประชุม CITES กันเมื่อสมัยโน้น และทาง CITES ก็โจมตีพรบ. ป่าไม้ของไทยว่าไม่ครอบคลุมการครอบครองและการค้าสัตว์ต่างประเทศ ก็เลยได้ให้อาจารย์ท่านหนึ่งที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชได้ร่างพรบ. นี้ ซึ่งหลังจากได้ร่างก็มีการทำประชาพิจารณ์หลายต่อหลายครั้งก็ไม่ผ่าน เพราะมีการออกมาค้านของกลุ่มอนุรักษ์ต่าง ๆ มากมายถึงข้อบกพร่อง และความไม่ชอบของร่างพรบ. ใหม่นี้ และได้มีการเสนอข้อแก้ไขมาก็หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งมาถึงปัจจุบันนี้ก็นำขึ้นมาเพื่อเสนออีกครั้ง ทางเราถึงได้มาทราบว่ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจไม่ว่าใครจะเลี้ยงนกกี่ตัวก็ไม่สำคัญแต่นี่หมายความถึงความเดือดร้อนของคนที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ถูกต้อง แต่จะกลับกลายเป็นการเลี้ยงสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายไป

ขณะนี้ทางชมรมฯ มีมิติจะทำหนังสือ และประสานงานกับชมรมฯ สมาคมฯ อื่น ๆ รวมถึงประชาชนคนเลี้ยงสัตว์ที่จะได้รับผลกระทบ (โดยเฉพาะนก) เพื่อรวบรวมรายชื่อ และผลกระทบ รวมถึงแนวทางที่จะเสนอแก้ไข เพื่อให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

ผมได้รับมอบหมายให้ร่างหนังสือฉบับดังกล่าว ก็ได้พยายามหาข้อมูล และประสานงานผู้รู้หลาย ๆ ท่าน และดำเนินการหลาย ๆ อย่างอยู่ เพราะรู้ดีว่าขนาดกลุ่มอนุรักษ์ต่าง ๆ ซึ่งมีศักดิ์ศรีเหนือกว่า และมีนักกฎหมายที่เก่ง ๆ มากมายได้เสนอแนวทางแก้ไข ก็ยังไม่สำเร็จ ฉะนั้นเราจะต้องตีโจทย์นี้ให้ถ่องแท้จริง ๆ ว่าจะเสนอแนวทางอย่างไรให้ภาครัฐเข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริงของภาคประชาชนตาดำ ๆ อย่างเราที่จะได้รับความเดือดร้อนหากร่างพรบ. เป็นเช่นนี้ (งานใหญ่จริง ๆ)

ก็หวังว่าทุก ๆ ท่านจะให้ความเข้าใจ และให้ความร่วมมือให้มากที่สุด เพื่อส่วนรวมครับ

ด.ช.หาด

ประธานชมรมคนไม่เคยได้ใข่ กลัวซะที่ไหน เดนตายทั้งนั้น ฮึ่ม  8-)
หนึ่งในสมาชิก แก๊งค์ "จู้ฮุกกรู"



...

อย่างที่พี่หมออี้ท่านกล่าวไว้น๊ะครับ  คงไม่ใช่เป็นเพียงเฉพาะนกปากขอ  เท่านั้นน๊ะครับ  

ถ้าออกกฎออกมา  กลุ่มผู้เลี้ยงทุกชนิดพันธุ์ที่ต้องเกี่ยวข้องและมีผลกระทบด้วยทั้งหมด  เช่น

1. ผู้เลี้ยงสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์บก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ  
2. ผู้เลี้ยงนกปรอทหัวจุก  และกลุ่มอื่น ๆ
3. ผู้เลี้ยงและเพาะพันธุ์ปลา
4. อื่น ๆ ที่น่าจะเกี่ยวข้องครับ  

น่าจะต้องรู้และรับทราบ เมื่อรวมตัวกันได้เป็นปึกแผ่น ก็นับได้ว่า จะเป็นกลุ่มพลังที่ใหญ่พอสมควรขอรับกระผม

แล้วจะอย่างไร ก็แจ้งด้วยขอรับกระผม  

kitty75