เล่าประสบการณ์ ที่ใคร ๆ มักไม่เล่ากัน จะเป็นเพราะความซวย หรือเพราะไม่ดีเอง

เริ่มโดย ..., กุมภาพันธ์ 18, 2008, 06:10:33 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 3 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้


...

อ้างถึงpanpan เป็นผู้เขียน:
จริง ๆ แล้วคุณโด้ มีประสบการณ์ที่ผ่านมาในการเลี้ยงนก น่าจะเปิดอบรมสำหรับมือใหม่ที่คิดอยากจะเลี้ยงนกนะคะ  ใครอยากเข้าฟังและเห็นวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้องก็สมัครเข้ามา แล้วคุณโด้ก็เป็นวิทยากรบรรยายให้ฟังแล้วก็สาธิตให้ดูด้วยก็น่าจะดีนะคะ  พวกมือใหม่จะได้ไม่ทำลูกนกตายอีก บาปกรรม

อะเจ๊ยยยยย  ......      :-o  :-D

ประสบการณ์ ผมเป็นดังการสะท้อนออกจากผู้เลี้ยงจริงคนนึงครับ  เพราะผมเอง อย่างที่กล่าวไปแล้ว  ออกตัวไว้สม่ำเสมอ  ว่า  เป็นเพียงผู้เลี้ยงและปฏิบัติจริงครับ  

1.  ผมไม่ใช่มือปืน  ที่รับเลี้ยงแล้วส่งขาย
2.  ผมเป็นมือปืน  ยามเมื่อผมต้องเลี้ยงลูกนกอยู่แล้ว ( ก็รับของพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ) มาช่วยดูแลยามพี่ ๆ น้อง ๆ ไม่ว่าง
3.  และอื่น ๆ

ประสบการณ์ของผม  ดังจะกล่าวไปเรื่อย ๆ นั้น  อย่างที่บอกสม่ำเสมอ  และก็ไม่อยากให้เกิดกับผู้อื่น  ผมถึงกล่าวว่า  เพราะว่าฟ้ากลั่นแกล้ง  หรือเพราะความซวย  หรือเพราะเหตุอันใด  ทำไม  ไม่ไปเกิดที่ใคร  ๆๆๆ  แต่ดันมาเกิดที่ฉัน ..........  หุ หุ   :-o  :-D

หลาย ๆ ครั้งที่ผมแนะนำหรือเสริมเติมแต่ง  ก็เป็นเรื่องที่ผมโดนมากับตัวเองครับ  ใคร ๆ เขาไม่โดน  แต่ ตู ดันโดน  555++++  

แชร์ประสบการณ์กันดีครับ  แต่ผมก็เชิงเล่านิทาน  อาจจะดูเหมือนคนแก่ ....  หรือวาเราแก่แล้วหว่า  ไปเดินจตุจักร  / Sunday  ได้ แค่ 20 - 30 นาที  พกยาดม 3 หลอด   หุ หุ มือไม้สั่น  หน้ามืดเวียนหัว .....


สุดท้ายไม่สบาย  เป็นลำไส้อักเสบซะ 2 สัปดาห์  หุ หุ

...

อ้างถึงartz เป็นผู้เขียน:
พลีชีพ อีก มั๊ยเนี่ย  :-D  :-D

อาจจะมีเสียดแทง  สอดแทรก  เสียบแบบทู่ ๆๆๆ  ตามภาษาคำแก่อย่างผม  .....  อย่าคิดว่าบ่นเลยน๊ะขอรับกระผม  หุ หุ  อาจจะมีโดน ... ( พลีชีพ  อะปล่าหว่า )  :lol:

sira

การป้อนนกนี่แหละครับ
ที่ทำให้ครอบครัวผมมีความรัก ดูแล เอาใจใส่กันมากขึ้น
มีเวลาให้กัน รู้จักแบ่งปัน เอื้ออาทรกัน มากขึ้น
ยังนึกขอบใจฟาร์มนกแห่งหนึ่ง ที่ได้ให้ลูกนก น่ารัก
มาเป็นผู้ช่วยสร้างความรักในครอบครัว
ส่วนเรื่องการป้อนอาหารนั้น
ลองมาหมดครับ อ่านอะไรมาก็เชื่อเค้าหมด
เข้าท่าบ้าง ไม่เข้าท่า บ้าง
อยากบอกว่ากับนก กลาง ถึงใหญ่
การป้อนจากช้อนไม่เข้าท่า และไม่เหมาะสม เลยครับ

ผมไม่ทราบว่าบางเวปที่ว่านั้นป้อนนกเป็นหรือเปล่า
นกเล็กหรือใหญ่กี่ตัวบ้าง

ผมมั่นใจวิธีที่ทางฟาร์มสอนมา และไม่เคยพลาด
โดยเฉพาะ ไซริง เราสามารถคำนวนอาหารได้ถูกต้อง
อุณหภูมิของอาหารก็พอเหมาะ
ที่สำคัญไม่เปรอะเปื้อน ทำให้เราต้องไปทำความสะอาด
ลูกนกภายหลัง ลองนึกดูครับ ป้อนนกใหญ่มันเลอะเทอะขนาดไหน

นั้นเป็นเพราะประสบการณ์ ที่ฟาร์มเค้ามีมาเยอะกว่าพวกเราครับ
 :-D


ส่วนเรื่องเดินสวน ผมไม่ค่อยจะชอบไปเลยครบ
เดินแล้วเวียนหัว
แถมเชื้อโรคกลับบ้านอีกไม่รู้เท่าไหร่
จะเลี่ยงเสมอตรงสัตว์เลี้ยง
... ใครมาถึงเรือนชาน ต้องต้อนรับ ...

...

กลับมาถึงบ้านในวันนึง ......  จากนกที่เวลาเกาะคอนจะยื่นเฉย เดินไปเดินมา บ้างเป็นบางครั้ง   จะแทบไม่กระพือปีกบินเลย  เพราะมีประสบการณ์   :-D

จากผู้เพาะพันธุ์  จากคนขาย  และจากคนอื่น ๆ  บอกมา  และนำมาปฏิบัติ

ถ้าไม่อยากให้นกบินหนี  หลุดไป  ให้ขลิบปีก  ( ขลิบขนปีก ขนบินกับนก )

1. ขลิบขนบิน จากปลายสุดเข้ามา  5 - 7 เส้น  ( 1 ข้าง )

เพื่อให้นกบินไม่สะดวก  คือไม่บาล้านกัน ทั้ง 2 ข้าง  ( คือบินเอียง ๆ ว่างงั้น )

2. ขลิบขนปีก จากปลายสุดเข้ามา  5 - 7 เส้น  ( 2 ข้าง )

เพื่อให้นกบินไม่สะดวก  คือบินไม่ได้เลย  เพราะขนปีก 2 ข้างไม่มี  ( แต่เมื่อนกปรับสภาพ ความสมดุลได้แล้ว  ก็สามารถถลาไปได้ เตี้ย ๆ )  และไปได้ในระยะยังไกลอยู่  

3. ขลิบขนปีก  เผื่อสวยบ้าง  คือ ขลิบสลับ เส้นที่ 1  เว้น เส้นที่ 2  ขลิบเส้นที่ 3  เว้นเส้นที่ 4 ไปจนครบ  เพื่อความสวยงาม  เวลาปีกแนบลำตัว

สุดท้ายแล้ว  ผมก็เห็นว่า  การขลิบขนปีก  ไม่ได้เป็นการป้องกัน ให้นกไม่หลุดไปไหน

1. เมื่อนกปรับสภาพได้แล้ว  ( บาล้าน )  ก็สามารถบินร่อนถลาได้  
2. ต้องระวังวัตถุอันตรายจำพวกสัตว์สี่ขา   แมว  สุนัข  เพราะนกไม่สามารถบินหนีได้
3. นกบินต่ำ  ก็ต้องระวังเรื่องรถ จักรยานยนต์  จักรยาน และอื่น ๆ
4. อื่น ๆๆๆ  อีกเยอะครับ

ด.ช.หาด

หนึ่งในสมาชิก แก๊งค์ "จู้ฮุกกรู"


artz

CERBERUS ARE HERE
Electric Sound Product

...

ต่อครับ ......  หลังจากมีการเสนอขายเสื้อเกราะ  อุปกรณ์การช๊อตไฟฟ้า  เมื่อคราวโดนอุ้ม ....  ยาแก้พิษ  เมื่อโดนวางยา ( เย้ย ...  ดูหนังจีนมากไป  :-D  :lol: )  และเป็น บอดี้การ์ด  เวลาออกไปไหน ( เอากับเขาสิเรา  หุ หุ  จะมีปัญญาจ้างไหมเนี่ย )  :lol:  :-o

ผมก็ขลิบขนปีก  เหมือนกับที่พ่อค้า แม่ขายแนะนำมาน๊ะครับ  คือขลิบขนบิน  ตั้งแต่เส้นแรกเข้ามาด้านใน  5 - 6 เส้น  ทั้งสองข้าง  ทำให้นกตัวนี้  ไม่สามารถบินได้  แต่ถลาได้ครับ  คือถลาลงจากคอนสูงประมาณ 1.2 เมตร  หัวทิ่ม หัวตำ .... ไปกับพื้น ครับกระผม ....   :-o  :-D  ( นี่คือในห้องนอนน๊ะเนี่ย )  

พอเอาออกไปเดินเล่นข้างนอก  ให้เกาะบ่า  เกาะแขน  เผลอ ไม่สนใจ  เขาคงอยากบินดู  หรือเพราะมองว่าในห้อง แคบไป  ในสนามละกัน คงกระพือบินไปได้ไกล .....  ตั้งท่า อยู่นานสองนาน  แล้ว ก็กระพือ ... พับ 1 / พับ 2 / พับ 3  ดิ่งหัวลงกับพื้นสนาม ซะงั้น  ......  

จากวันนั้น  เขาก็ไม่เคยคิดจะกระพือปีกอีกเลยครับ  เพราะเกรงว่า  คราวนี้ ไม่ใช่พื้นสนามแล้ว  แต่เป็นพื้นปูน  คงมีเจ็บ  ไม่มากก็น้อย  ถ้าหนัก ๆ ก็มีหัก ไม่ว่าจะเป็น  ปีก / ขา / คอ  .....  ถ้าร่วงในสนามก็อาจจะเดี๋ยง เพราะสุนัข  และแมว เฮออ...........  ( อันนี้ คนเลี้ยงต้องระวัง )


 :-D

แต่เวลาผมไม่อยู่บ้าน  ออกไปข้างนอก  ก็มักจะเอาเขาใส่ห่วงขา ( โซ่ )  ให้เกาะอยู่บนคอน  ในห้องครับ  เขาก็จะเดินไป เดินมา อยู่แบบนั้น .....  มีบางครั้ง  เหมือนเขามองคอน + โซ่  เป็นอุปกรณ์ระทึกใจ  

" บันจี้จ้ำ "  กระโดด พุ่งหลาวลงจากคอน ....  แต่พอดีเส้นโซ่ ไม่ใช่เส้นยางยืด  มันไม่กระเด้ง ยืด แล้วดึง  แต่มันดัง กุบ ......  แล้วปีกก็กาง กระพือ ...... ห้อยหัวซะงั้น .......  
 :-o

หมดปัญญาที่จะกลับมาไต่ขึ้นไปบนคอน  ห้อยหัวโตงเตง แกว่งไป แก่วงมา  

พอจับขึ้นคอน ....  ดูเหมือนขาเจ็บ ....  เกาะคอนไม่สะดวก  ก็ต้องถอดโซ่ ออก แล้วก็ย้ายไปให้อยู่ในกรง  จนกว่าจะอาการดีขึ้น  ( ดีน๊ะ ที่ขาไม่หัก  ข้อไม่หลุด ) ไม่งั้นต้องส่งโรงพยาบาล ไป ต่อ แน่ ๆ เลย  หุ หุ  

 :cry:

แค่เหตุการณ์ อย่างนี้  เกิดขึ้นกับนกตัวเล็ก ๆ สำหรับมือใหม่  คงไม่ใช่เพียงเหตุการณ์เดียวที่เกิดกับผมหรอกครับ  แต่มักเกิดกับมือสมัครเล่น  มือใหม่ เกือบทุกคนละครับ  พ่อค้าแม่ขาย  ฟาร์มต่าง ๆ  ก็ไม่ได้บอกหมดหรอกครับ  ว่าควรเลี้ยงแบบใด  คงไม่ได้ถึงขั้นให้คำปรึกษาว่า  จะทำอย่างไรต่อไป  ยามเจ็บไข้ได้ป่วย  และอื่น ๆๆๆ ครับ  ( ต้องลองผิดลองถูกกันเอาเอง )  



ปล. นี่คือนกชุดที่ 2 ที่ผมเลี้ยง  ยังไม่ได้ไปถึงไหนเลยครับ  หุ หุ  ( ตามต่อ ยาวครับ )

...

มาว่ากันถึงอาหาร ....  คนขายบอกว่า  เมื่อนกโตแล้ว  ให้กินกล้วยเป็นหลัก ( ให้บิเป็นชิ้นเล็ก ๆ ยัด )  ผมบอกว่า ยัดเลยหรือครับ .... เขาบอกครับ   เหมือนให้เด็กกินกล้วยแหละ  มีคุณค่าดีมาก สำหรับลูกนกกำลังโต ...  

เราก็คนรักสัตว์ หรือใจง่ายหว่า .... รวมถึงไม่รู้จะไปศึกษา จากใคร  หนังสือ หนังหา  ก็ไม่มีประกอบ  ก็เชื่อ อะครับ  ยัดด้วยกล้วยครับ  นกงี้  ตาเหลือกเลยครับ  ....  จะเพราะมันเหนียว เป็นก้อน หรือไง  ทำให้ตอนยัดเข้าไป  ทำให้เหมือนเขาหายใจไม่ออก .....  ต้องรีบ  เอาไม้เขี่ยออกมา  หุ หุ  ( วันนั้น รอดตายไป )  ไม่ให้กล้วยแบบนี้อีกแล้ว  เฮออ .....

เลี้ยงได้  8 เดือนครับ  คงเป็นเพราะเราเลี้ยงเขาไว้ในห้องนอน  ที่บางครั้ง  กลางวัน อากาศ จะอบอ้าว  แต่กลางคืน เราเปิดแอร์ตามใจ  คนอยู่เลยครับ  ล่อซะ 23 - 24 องศา เลยครับ  กลางวัน  ร้อนซะ 36 - 38  องศา เลยครับ  

เขาคงปรับตัวไม่ทัน  แล้วก็ค่อย ๆ ทรุด  ไม่กินอาหาร  ป่วยเป่าน้ำมูก ....  แล้วก็จากไปในเวลาอันรวดเร็ว  (รวมถึงเวลาในขณะนั้น ค่อนข้างมีน้อย เฮอออ  ......  )  :cry:  :evil:



และแล้ว  ก็เว้นช่วงไปสักระยะ ..... เกือบครึ่งปีได้ครับ ...   :lol:  :-D   จะเพราะช่วงนั้นทำงานเยอะหรือไม่ก็ไม่รู้  

พอมีเวลาได้เดินเล่นที่ อ.ต.ก.  ก็ได้แว๊บสายตาไปเจอลูกนก  ตัวนึง ....  เรียกว่าเป็นนกต่างประเทศที่น่าเลี้ยง ในราคาที่พอจะจับต้องได้  สำหรับมือใหม่  ที่เริ่มขับมาบ้างแต่ไม่ดี อิ อิ  

ก็คือ ....................................


อิเล็คตัส



...

ช่วงนั้น  .....  นกที่พอจะซื้อหาเข้ามาเลี้ยงได้สำหรับมือสมัครเล่น    คงหนีไม่พ้น  อิเล็คตัส


เนื่องจาก ณ เวลานั้น  นกที่ขายกันอยู่  ก็จะมีเพียงในตลาด Sunday ( ลานปลา )  แล้วก็ที่ จตุจักร  ( ในวันเสาร์ และอาทิตย์ )  แล้วก็  ตลาด อ.ต.ก. ( ย้อนหลังไปเมื่อสัก 10 กว่าปี ที่ผ่านมา )

ซึ่งถ้าพูดถึงตลาดนัด  Sunday  ( ลานปลา )  ณ เวลานั้น  ก็คงเป็นแหล่งที่ขายนกและสัตว์ป่า  ในบ้านเราเสียเป็นส่วนใหญ่  รวมถึงมีนกแก้วปากขอ พันธุ์ต่างประเทศ ( ในแถบเอเชีย )  ให้เห็นอยู่ปะปลาย

โดยส่วนใหญ่แหล่งตลาดนัด  Sunday  ในเวลานั้น  น่าจะมีเป็นลูกกระตั้ว มีเดียม  และ  ไตรตัน  ( เกรเตอร์ อินโด ) เสียเป็นส่วนใหญ่   รวมถึงมีนกโต และนกพร้อมเพาะพันธุ์ขาย    แต่ด้วยสภาพนกที่เห็น  ล้วนแล้วเรารับกับสภาพไม่ได้  ตัวเลอะเทอะ มอมแมม  หน้าตาดูไม่น่าเลี้ยงสักเท่าไหร่    มีตั้งแต่เป็นลูกป้อน  จนถึงนกโต .....  ( ซึ่งถ้าย้อนมาถึงวันนี้  นกในกลุ่มนั้น ล้วนแล้วเป็นนกเรือ  ที่ขนผ่านมาทางเรือประมงเสียเป็นส่วนใหญ่ )  

ซึ่งนกในกลุ่มนี้  ก็คงได้โตขึ้นมาเป็นพ่อแม่พันธุ์ ตามบ้าน  ตามฟาร์มต่าง ๆ อยู่ ณ ปัจจุบันนี้ ละครับ  

ณ. วันนั้น  เรียกได้ว่า  การศึกษาถึงการเลี้ยงนก  การหาข้อมูลเชิงลึกในการเลือกซื้อนก  รวมถึงโรคภัยไข้เจ็บ  อันเกิดกับนกปากขอ   ที่เราจะซื้อหานำมาเลี้ยง   มีเพียงน้อยนิด    แหล่งศึกษาข้อมูลแทบจะหาอ่าน   ที่ไหนไม่ได้เลยแม้จากห้องสมุด  มีเพียงหนังสือต่างประเทศ ( แต่ภาษาเรา   ก็แข็งแรง  หุ หุ )  

ถือเป็นการเลี้ยงโดยพึงทราบข้อมูลต่าง ๆ ผ่านพ่อค้าแม่ขาย  ......  ไม่ใช่ผู้เพาะพันธุ์  เนื่องด้วยราคาที่ขายนั้นถ้ามาเปรียบเทียบกับนกที่เพาะพันธุ์จากฟาร์ม  ราคาต่างกันกว่าครึ่ง  คือ  ลูกนกกระตั้วมีเดียม  เริ่มกันที่ตัวละ 4000 – 6000 บาท  / กระตั้วไตรตัน  หรือ (  เกรเตอร์ อินโด )  เริ่มที่ 6000 – 8000 บาท  รวมถึงนกโต ที่ราคาขยับขึ้นอีกนิดหน่อย  

ส่วนกรณีกระตั้วมีเดียม  ที่เพาะพันธุ์ออกมาจากฟาร์ม  ราคาจะเริ่มที่ 7000 – 9000 บาท  ส่วนไตรตัน  ก็เริ่มที่ 9000 – 10000 บาท  ( ราคาขึ้นอยู่กับสภาพนก  ไซด์ อายุ  และช่วยเวลา  ณ เวลานั้น ๆ )

ราคาที่แตกต่างกันนั้น  เป็นตัวชี้ว่า  ผู้เพาะพันธุ์  จะไม่สามารถเปรียบเทียบราคากับนกเรือที่เข้ามาได้เลย  แต่ผู้ซื้อ  ก็หารู้ไม่ว่า  ลูกนก  ที่นำเข้ามาโดยทางเรือ  ซึ่งสภาพการเลี้ยง  การจับมา  การนำมา  ก่อนส่งถึงมือผู้ขายในบ้านเรานั้น  ได้ผ่านการเลี้ยงดู  การดูแล  การให้อาหาร  อย่างดีหรือไม่  และยิ่งการเคลื่อนย้าย  มาเป็นจำนวนค่อนข้างมาก  อาจจะทำให้ลูกนกมีการติดโรค  ต่อ ๆ กันมา  รวมถึง  โรคขน  ( PBFD )  ที่แฝงมา  ในลูกกระตั้ว  

จากที่เคยรู้จากน้อง ๆ หลาย ๆ คนที่ซื้อลูกนกเรือมาเลี้ยง  มักมีปัญหาเกี่ยวกับการติดเชื้อทางเดินอาหาร  ทางเดินหายใจ  ถ่ายเหลว  รวมถึงเป็นโรคขน ( PBFD )  กันทั้งนั้น .......  แล้วก็ตายในที่สุด  หรือป่านี้ก็ขนร่วงหมดแล้ว  


การเลือกสรร นกที่ดีมีคุณภาพ  ก็พึงคิดเสียว่า  นกจะต้องอยู่กับเราตราบนานเท่านาน  ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ นั้นก็ต้องศึกษาหาเอาเอง  จะด้วยการพูดคุย  จากผู้เคยเลี้ยง  แล้วค่อย ๆ เก็บสะสมประสบการณ์  

DNA


GoGuy

[img align=left]http://mobile-sg.com/images/chicken-little.gif[/img]






ยิ้มกว้างๆหน่อยสิ....