นกและคน คนและนก

เริ่มโดย ด.ช.หาด, มีนาคม 20, 2009, 07:01:25 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 3 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ด.ช.หาด

ผมจะทำกระทู้ในตำนาน 5 5 5
ชี้แจงก่อนอ่าน กระทู้ผม
1. เป็นกระทู้ที่เปิดเสรีสำหรับผู้อ่านทุกท่าน (จะเขียนทำไมเนี่ย)
2. ทุกท่านสามารถ ร่วมแสดงความคิดเห็น ได้ในกระทู้นี้ แต่ถ้าจะมาชวนตีชวนต่อย ให้กระทู้ เสื่อม ไปไกล ๆ เลยนะผมไม่ต้องการ
3. อาจมีคำพูดไม่เหมาะสมในบางครั้ง โปรดให้อภัยและทำเป็นลืม ๆ ไปนะครับ (เด็ก ๆ ไม่ควรเอาอย่าง สาว ๆ ควรเอาเป็นแฟน)
4. เนื้อหาในกระทู้ ผมไม่อาจอิง หนังสือหรือตำราเล่มใด เป็นประสบการณ์จริงที่ผมจะเจอล้วน ๆ ถ้าผู้ประสาทวิชาท่านใดต้องการชี้แนะ ขออันเชิญเลยจ้า
5. คอมเม้นหน่อยนะจ๊ะ
หนึ่งในสมาชิก แก๊งค์ "จู้ฮุกกรู"

ด.ช.หาด

นก และ คน คน และ นก
ในที่แห่งนี้ คงไม่มีใครไม่ชอบนก และไม่มีใครที่ไม่ใช่คน (เอะ ยังไง) หลายท่าน ยังไม่มีนกเลี้ยง บางคน กำลังจะมี หรือบางคนมีเป็นฝูง เหตุผลที่เลี้ยงก็แตกต่างกันไป ทั้งเพื่อคลายเหงา เพื่อการค้า หรือไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร ก็แล้วแต่
กระทู้นี้ของผมจะขอเป็นส่วนหนึ่ง ในการที่จะเริ่มต้นจากศูนย์ ไปจนถึงสิ่งที่ทุก ท่านมุ่งหมายในการเลี้ยงนก ...
ตัวผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบน้องนกแม่ตั้งแต่แรกเห็นในสมัยเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วที่ตาม บิดา มารดา ไป อตก. และต้องขับรถผ่านบริเวณด้านหลัง ตลาด จะมีร้านขายนก เยอะ มาก ๆ (ในสมัยนั้นผมยังไม่เคยไปสวนฯ) เมื่อเกิดความชอบ เหมือนหลาย ๆ คนที่กำลงอ่านกระทู้นี้และมีความชอบแหละหลงไหล ในสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่า "นก" จึงทำให้คิดว่า สักวัน จะต้องมีมาเป็นของตัวเองได้

แต่ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ก่อนที่จะคิดเช่นนั้น กลับมามองรอบ ๆ ตัวที่หลาย ๆ คนกำลังนั่งอ่านกระทู้นี้หน้าคอม ฯ แล้วเห็นอะไรบ้างครับ บางคน อยู่ในหอ ในอพาร์ทเม้น ในคอนโด บางคน อยู่ในบ้านจัดสรร บ้านเดี่ยว และ ทาว์เฮ้าส์ บางคน อยู่ ในบ้านกลางทุ่ง ที่กว้างไกล สุดลูกหูลูกตา
เมื่อมองแล้ว ก็กลับมานึกนะครับ นกอะไรที่เหมาะกับเรามากที่สุด และเป็นสิ่งที่เราชอบมากที่สุด ดังที่กล่าวมานี้ ขอสรุปได้เป็น 3 กลุ่ม ใหญ่ ๆ ครับ
1. ผู้เลี้ยงในที่แคบ และ ไม่ต้องการเสียงดัง
2. ผู้เลี้ยงในที่กว้าง และ ไม่ต้องการเสียงดัง
3. ผู้เลี้ยงในที่โคตรกว้าง และ ต้องการเสียงโคตรดัง ( พวกคนรวย 555)
เมื่อรู้แล้วว่าตัวเราอยู่ในกลุ่มไหน ก็ยังไม่หมดเวรหมดกรรมนะครับ ยัง ครับยังเลี้ยงไม่ได้ ปัญหาต่อมาก็คือ เรามีเวลาให้ น้องนก มากแค่ไหนในแต่ละวัน ก็อย่างที่ทุก ๆ ท่านรู้กันแหละครับนกบางประเภท ถ้าไม่มีเวลาให้ ก็กลายเป็นนก ฮิปโป ได้เหมือนกันเราจึงต้องมาจัดกลุ่ม คนเลี้ยงนกอีกครั้งคือ
1. ผู้อยู่กับนกตลอดเวลา
2. ผู้อยู่กับนกแค่เช้า (ก่อนทำงาน) และเย็น หลังเลิกงาน (17.00 เป็นต้นไป)
3. ผู้อยู่แค่เช้า ก่อนทำงาน กลับบ้านดึก นกหลับแล้วววววว
4. พวกที่มีคนเลี้ยงให้ ก็ถือเป็นบุญแก่ท่านแล้วล่ะครับ ผ่านเลยข้อนี้
และเมื่อรู้แล้วว่า..... ตู๊ต ๆ ตู๊ดๆ โอ๊ะ ภรรยา โทรมาให้ไปรับ ขอตัวก่อนนะครับ
หนึ่งในสมาชิก แก๊งค์ "จู้ฮุกกรู"

"จิ" พัทยา









มาให้กำลังใจ น้องชาย  เขียนให้จบนะ อย่าค้างๆคาๆ เจ๊ไม่ชอบ (ไม่ได้ชวนตีเน้อ) อิอิ

ด.ช.หาด

555 รู้กันหมดแล้วผมมี ภรรยา แล้วขอให้ลืม ๆ ไปนะครับ สาว ๆ
ต่อ ๆ ไม่อยากนอกเรื่องมาก เมื่อรู้แล้วว่าเราอยู่ใน คนกลุ่มไหน และ สภาพแวดล้อมเราเป็นแบบไหน อย่างผม  ผมอยู่ในคนกลุ่ม 2 คือบ้านผมเป็นบ้านเดี่ยวเนื้อที่ ประมาณ 1 ไร่ ในซอยตันที่มี คนอยู่ ปานกลาง และ เป็นผู้มีเวลาให้นกตามข้อ 2 คือช่วงเช้าและ กลับจากทำงาน
ต่อไปก็มาเข้าสู่ในหัวข้อของนกบ้าง ผมเห็นหลาย ๆ ท่าน ตั้งกระทู้ถามว่า นกอย่างนี้นิสัยเป็นอย่างไร เลี้ยงอย่างไร แล้วคุณเคยถามนกมั้ยครับว่า เค้าชอบอะไร ต้องการที่อยู่อาศัยแบบไหนถ้านกตอบได้ ก็คงแปลก แต่นกพูดไม่ได้ จึงเป็นเวรเป็นกรรมให้คนเลี้ยงได้พินิจพิเคราะห์ว่า สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเค้าควรเป็นแบบไหนเอง นะครับ เพราะการเลี้ยงนก ไม่หยุดอยู่ที่ว่า เอาเค้ามาขังกรง เช้าให้อาหาร เย็นนั่งดู นะครับ เพราะนก เท่าที่ผมเห็นตอนนี้ เค้าสามารถอยู่กับเรา นาน ถึงนานโคตร ๆ เลยนะครับเป็นรองแค่เต่า อย่างเดียว คือบางพันธุ์ เบา ๆ ก็ 20 -30 ปีขึ้น ทั้ง ๆ ที่แค่สุนัขที่ หลายคนเลี้ยงกันอยู่กับเราแค่ 10 กว่าปี ก็แทบจะเป็นเทพแล้ว
ในวันนี้ ผมจะไม่ขอพูดเรื่อง นกร้องเสียงเบาเสียงค่อยนะครับ เพราะหลาย ๆ คนก็เจอนกต่างพันธุ์ ต่างเสียงกันไป พูดไปเดี๋ยวจะงง ต้องให้เจอกับตัวเองถึงจะรู้ดีกว่าครับ
แต่ส่วนตัวสำหรับผมนกเสียงดัง ๆ แถวนี้อาจรับได้ในช่วงแรก แต่ในระยะยาว คงไม่ค่อยดี อาจกลายเป็นปัญหาได้
การเลี้ยงนก หลายท่านก็ชอบต่างกันไป บางคนชอบเอามาเลี้ยงตั้งแต่ลูกป้อน บางคนชอบแต่นกโต ก็แล้วแต่โอกาสในการพบเจอนะครับ แต่การเลี้ยงนกนั้น มันไม่ได้จบแค่ คุณซื้อนกมา แล้วจะหยุดอยู่แค่นั้นนะครับ ยังมีค่า อาหาร อุปกรณ์ option ต่าง ๆ มากมาย ผมจะขออธิบายในโอกาสต่อ ๆ ไปนะครับ
แต่ในวันนี้ผมตัดสินใจแล้วว่า จะหาลูกป้อนมาเลี้ยงซักตัว ..... นกอะไรนั้น แล้วแต่ดวง และ บุญกรรมที่ทำมาแล้วกันครับ ในการเลี้ยงลูกป้อน ก็มี option ให้ได้เสียเงินกัน เยอะเหมือนกันครับ ค่าอาหาร อุปกรณ์ป้อน วิตามิน ตะกร้า วัสดุรองรัง แล้วยังไงในวันพรุ่งนี้ ผมจะไปสวน ไปหาซื้ออุปกรณ์ และเป็นการ สำรวจ ร้านขายนก ว่ามีนกลูกป้อนอะไร โดน ๆ มั่งนะครับ ถ้าเค้าให้ถ่ายรูปได้ ก็ดี ถ้าไม่ได้ก็ซวยไป สำหรับวันนี้ขอบคุณที่เหนื่อยอ่านกันมาครับ ขอให้ผู้เลี้ยงนกจำไว้นะครับเลี้ยงนกต้องใจเย็น ๆ สวัสดีครับ
หนึ่งในสมาชิก แก๊งค์ "จู้ฮุกกรู"

นั่งปูเสื่อรอ ชม อย่างสนอกสนใจ :-P

ด.ช.หาด

เมื่อวาน ตกลงใจว่าจะหาลูกป้อนมาเลี้ยงซัก 1 ตัว
วันนี้เลยไปเดินสวนตั้งแต่เที่ยง เพราะกะไว้ว่า ช่วงบ่าย ๆ เย็น ๆ จะไปดูที่อื่น ๆ บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นดังหวังเพราะฝนฟ้าไม่ค่อยเป็นใจ ก็เลยทำให้ต้อง เดินสวนยันเย็นไปเลย ทำให้ต้อง ซื้ออุปกรณ์ทั้งหมดที่สวนด้วย สำหรับสิ่งที่ทำให้เงินในกระเป๋าผมหายไปนั้น มีดังนี้ครับผม
1. กรงใส่ลูกป้อน สำหรับในตอนแรก ผมกะใส่ลูกป้อนไว้ในกล่อง หรือในตะกร้า แต่วันนี้ไปเดินเจอมา กำลัง Sale เลย ทนไม่ได้เลยเข้าไปดู เสียตังค์เลย 5555  450 บาทครับผม ตามรูปเลย มีตะแกรงรอง ให้นกอยู่ห่างจากขี้เลื่อยได้ และป้องกันไม่ให้นก ขาถ่าง ถือว่าคุ้มค่าในระดับหนึ่งครับ และก็มี ซังข้างโพดแห้ง กับขี้เลื่อยอัดแท่งครับ มีหลาย ๆ ท่านเคยบอกไว้ว่า ขี้เลื่อยอัดแท่ง มันละเอียดไป อาจเข้า ใปในตัวลูกนกได้ ซึ่งผมก็เห็นด้วยในข้อนี้แต่กรงผม มันมีตะแกรงรองไว้อีกชั้นหนึ่งบวกับ ผมใช้แบบผสมกับ ซังข้าวโพดครับ แต่ผมคิดว่าตะแกรงรองใต้กรงจะสามารถกันไว้ไม่ให้นก และ ขี้เลื่อยมาเจอกันได้ครับ
หนึ่งในสมาชิก แก๊งค์ "จู้ฮุกกรู"

ด.ช.หาด

2. อุปกรณ์ในการป้อน ครับ
สิ่งที่ผมต้องเสียเงินอันดันสอง คือ ไซริงค์ และสายป้อนครับ
ไซริงค์ที่ผมเลือกใช้ เป็นแบบ ข้อยางแคบ ราคาอันละ 380 บาทครับ แพงมาก ๆ ธรรมดาข้อยางใหญ่ 50 ซี ๆ อันละ 50 บาทเอง แต่คุ้มค่ามาก ๆครับ คุ้มยังไง ผมจะอธิบายให้ฟังครับ
ไซริงค์อันละ 50 บาท ถูกออกแบบมาใช้ทางการแพทย์ ที่ใช้แบบครั้งเดียวทิ้ง พอเราเอามาใช้หลาย ๆ ครั้ง ข้อยางจะบวม เวลาบวมแล้วตอนป้อนนกก็ลุ้นกันล่ะครับงานนี้ ว่ามันจะพรวด อย่างแรงเข้าปากนกเมื่อไร (ผมว่าอันนี้หลาย ๆ คนเคยเจอ)  และตัวเลขลบเลื่อนได้ง่าย
ไซริงค์ อันละ 380 ข้อยางอาจจะบวมเหมือนกัน แต่เวลาบีบ เราสามารถควบคุมความเร็วในการกดได้ง่ายกว่าแบบข้อยางใหญ่ครับ อันนี้ผมลองมาแล้ว ตัวเลขก็ลบเลื่อนช้ากว่าครับ
และที่สำคัญอันนี้ควรจดไว้เลยก็ได้ครับ ไซริงค์ 380 สามารถใช้แบบรีฟิวได้ครับ อย่างเพิ่งงง ครับ รีฟิวได้จริง ๆ คือเวลาตัวเลขมันเริ่มจะหายไป เราก็เก็บตัวลูกสูบมันไว้ แล้วก็ไปซื้อไซริงค์อันละ 50 บาท เอาตัวลูกสูบออก เอาตัวลูกสูบของไซริงค์ 380 บาท ใส่ไปแทน แค่นี้ก็ เหมือนเกิดใหม่แล้วครับ ไม่ต้องไปเสียเงิน 380 อีกรอบ (เคล็ดลับ จริง ๆ แล้วนั้น ถ้าลองเอาลูกสูบของไซริงค์ 380 บาท ตอนซื้อมาใหม่ ๆ จะใส่เข้าไปในอันละ 50 บาทแล้วใช้ไม่ได้เพราะมันหลวม เราต้องใช้ไซริงค์อันละ 380 บาทไปซักพักให้ยางมันบวม แล้วจะใช้กับไซริงค์อันละ 50 บาทได้ครับ)
สายป้อนลูกนก มีเยอะแยะมากมาย ครับแต่ผมเลือกอันนี้เพราะใช้แล้วรู้สึกว่ามันปลอดภัยดี เป็นสายฟีด อาหาร ซึ่งก็มีหลายสี หลายขนาดของนกแต่ละสายพันธุ์ ราคาอันละ 80 บาท ดีกว่าใช้ใส้ไก่ เป็นไหน ๆ ครับ
ทำไม ไม่ใช่ช้อน หลาย ๆ คนอาจนึกในใจแบบนี้ จากที่ผมลองมา ผมคิดว่า การใช้ช้อนอาจไม่เหมาะกับผม ถ้าผมจะใช้ช้อน หรือไม่ต้องการสอดสาย อะไรลงไปในนก ให้บางท่านหาว่า ผมเป็นคน "ป่าเถื่อน" ผมก็จะแค่แหย่ ไซริงค์เข้าไปตรง ปากล่างของนก แล้วค่อย ๆ บีบลงไป ให้นกกลืนเอง แค่นี้ก็เหมือนกับการใช้ช้อนไปในตัวแล้วครับ
หนึ่งในสมาชิก แก๊งค์ "จู้ฮุกกรู"

ด.ช.หาด

3. อาหารเลี้ยงลูก ๆ นะครับผม
ข้อนี้สำคัญเลย และควรให้ความสำคัญกับข้อนี้มาก ๆ ด้วยนะครับเพราะมันเป็นตัวชี้เป็นชี้ตาย ชี้ถึงความสมบูรณ์พร้อมของนกเราในภายภาคหน้าได้ครับ ในบ้านเรา ที่เห็นหลัก ๆ มาอันดับหนึ่งก็ต้องนี้เลยครับ KAYTEE ที่สอง ก็ ZUPREEM (ไม่รู้เขียนถูกป่าวเพราะไม่เคยใช้ของพี่เค้า 55)
ในนี้ขอพูดถึงของที่ คนใช้กันมากที่สุดแล้วกันนะครับ ที่เรารู้ ๆ กันว่า พี่เค เค้ามี 2 สูตร ๆ มาคอว์กับ สูตร กระตั๊ว ตามรูปเลยจ้า เป็นแพ๊คเกจใหม่ ออกปีนี้ แต่บ้านเรายังบินมาไม่ถึง

















แล้วก็อย่างที่รู้ ๆ กันแหละครับว่า พวกมาคอว์ จะต้องการ ไขมันมากกว่าพวกกระตั๊ว อันนี้ถ้าอยากรู้อย่างละเอียด ก็ขอเชิญที่นี้เลยครับ www.kaytee.com มีหมดครับของเล่นเค้าเยอะ มาก ๆ
แต่ในวันนี้ เจ้านี้ยังไม่สามารถ หลอกเอาเงิน 750 (ถุง 2.27 กิโลกรัม) จากผมไปได้เพราะผมยังไม่รู้ว่า นกที่จะมาอยู่กับผม เป็นมาคอว์ หรือ กระตั๊ว หรืออย่างอื่นดี
สำหรับในการเลือกซื้ออาหารลูกป้อนนั้นนอกจากควรเลือกให้ตรงกับนกที่เรากำลังจะเลี้ยงแล้ว สิ่งที่ต้องดูต่อไปก็คือ วันหมดอายุครับ วันหมดอายุนั้น ถ้าซื้อเป็นถุง ก็จะอยู่ด้านใต้ถุง อย่างช่วงนี้ที่มีขายกัน กว่าจะหมดอายุ ก็ปี 2010 โน้นแหละครับ แต่ไม่ใช่แล้วซื้อมาแล้วเปิดใช้ ไป เดือนนึงยังไม่หมด ตั้งถุงทิ้งไว้ ไม่เก็บให้ดี ก็หมดอายุได้เหมือนกันเพราะความชื่นนะครับเพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เรา ใช้อาหารแล้วควรปิดภาชนะให้มิดชิด หรือเป็นไปได้ ก็ ปิดให้แน่น แล้วเข้าตู้เย็นไว้เลยครับ
เนื่องจากวันนี้อาหารถุงเก่าเหลืออยู่ ผมเลยไปถ่ายรูปด้านหลังถุง ซึ่งมีการบอกอัตราส่วนในการผสม และ อุณหภูมิของน้ำที่ใช้ ผสม ที่หลาย ๆ คนถามกันว่า ทำไม มันไม่ละลายยยยย วันนี้มีทางออกแล้วครับ น้ำทีใช้ผสมนั้นตามที่ พี่เคได้บอก ควรใช้น้ำที่อุณหภูมิ 120 องศา ฟาเรนไฮต์ หรือ 50 องศาเซลเซียส ครับ ก็อย่างที่ผมเคยบอกล่ะครับเอาน้ำที่เพิ่งต้มใหม่ ๆ มาผสม ยังไงมันก็เป็นก้อนครับ เพราะมันร้อนเกินไป ต้องรอให้น้ำอุ่น อีกนิดนึง อาหารผงจึงจะละลายตัวได้ดีครับ และอุณหภูมิในการป้อน ก็ควรอยู่ที่ 102-110 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 39-43 องศาเซลเซียส แต่จะให้มั่วมานั้งเอา ปรอทจิ้มกัน คงไม่ทันใจวันรุ่น เอาเป็นว่า แค่อาหารอุ่น ประมาณ เอานิ้วลงไปจุ่มแล้วรู้สึกอุ่นไม่ร้อน ก็ถือว่าใช้ได้แล้วครับ แต่ถ้าอยากรู้จริง ๆ ก็เอานิ้ว ยัดเข้าไปในปากแล้วอมไว้ นั่นแหละครับร้อนประมาณนั้นแหละ + เข้าไปอีก 2 องศา
รูปครับผม
หนึ่งในสมาชิก แก๊งค์ "จู้ฮุกกรู"

pjm

ไปซื้อมาสดๆๆร้อนๆๆเลยนะ

แคที  แพคเก็ตใหม่

ด.ช.หาด

เห็นมั้ยครับ ก่อนจะหานกมาเลี้ยงซักตัวผมต้องเสียงเงินไปถึง กรง450+ไซริงค์380+สายป้อน80+อาหาร750 + ขี้เลื่อยประมาณ 100-200 จนนกโต = เป็นเงิน 1860 บาทครับ ( โห่....แพงกว่า ซันคอนัวอีกอ่ะ ) ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้นกยังอยู่ไหนไม่รู้เลย
 สำหรับวันนี้ ไปตลุย สวนมาครึ่งวัน สิ่งที่ได้เห็นละพบ ก็คือ ข่าวดีของหลายท่าน นกเรือล๊อตใหม่ มาแล้วจ้า ส่วนลูกป้อน หายากเหมือนเดิมจ้า.....T-T มีแต่ ของที่ผมไม่ชอบและไม่เหมาะกับผมทั้งนั้นเลย ไม่เป็นไร พยายามใหม่ ผมยังมีพรุ่งนี้อีกตั้ง 1 วันในการหา ลูกป้อน โดนใจมาเลี้ยงซัก 1 ตัว
สำหรับวันนี้ขอบคุณทุกท่านที่เหนื่อยอ่านกันมานะครับ ก่อนจาก เนื่องจากพรุ่งนี้เช้าผมต้องไปสอบเลื่อนระดับภาษา ญี่ปุ่น   วันนี้ ผมเลยเอาคำศัพท์เกี่ยวกับนก แต่เป็น เวอร์ชั่นภาษา ญี่ปุ่นมาให้กันครับ
เริ่มจาก นกกระจอก (sparrow)  ภาษาญี่ปุ่นคือ  suzume (ซูสุเมะ)
อีกา crow = karasu (คาราสุ)
หงส์ swan = hakusho (ฮาคุโช)
นกแก้ว parrot = omu (โอมุ)
lovebird = jushimatsu (จูชิมาซึท) เรียกยากมากกกกก
macaw = inko (อินโคะ)
นกขุนแผนม่วง (บ้านเค้าก็มีด้วยแฮะ) = onagadori (โอนากะโดริ)

เอาแค่พอหอมปากหอมคอพอนะครับ สำหรับวันนี้ หลับฝันดี ราตรีสวัสดิครับผม
พรุ่งนี้หานกต่อ ย้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก


อ้างถึงpjm1 เป็นผู้เขียน:
ไปซื้อมาสดๆๆร้อนๆๆเลยนะ

แคที  แพคเก็ตใหม่
มี DHA และ โอเมก้า 3 ด้วยนะครับ อย่างกะนมผงเด็กเลย นะป๋า ผมว่าอีกหน่อยก็กินของคนได้น่ะเชื่อดิ

อ้างถึงTomiE เป็นผู้เขียน:
นั่งปูเสื่อรอ ชม อย่างสนอกสนใจ :-P
ได้กำลังใจจากสาว ๆ แค่นี้ก็ชื่นใจ แล้วครับผม ( เฮียเล็กไม่อยู่ สบายผมล่ะ 5555)
หนึ่งในสมาชิก แก๊งค์ "จู้ฮุกกรู"

...

ดีครับน้อง  เล่าแชร์ประสบการ์กันครับ  อย่าคิดว่าบางอย่างมันง่ายดายเสียทุกอย่างครับ  

ด.ช.หาด

อ้างถึงNoru เป็นผู้เขียน:
:-)
        นกกระเรียน ภาษาญี่ปุ่นเรียกอะไร คะ
ถ้าไม่เจาะจงสายพันธุ์ย่อย ก็เรียกว่า Zuru ครับถ้าเจาะสายพันธุ์ มงกุฏแดง ของญี่ปุ่นก็ Tancho เชื่อกันว่ามีอายุขัยยาวนานถึง 1,000 ปี หายากอันดับ 2 ของโลกครับ
หนึ่งในสมาชิก แก๊งค์ "จู้ฮุกกรู"

ZengroY

แอบแซว


ทีนี้ก็รู้ที่มาของ ล๊อกอิน  Noru   แล้ว
[color=0066FF]คนเก่ง     ชอบเรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเอง
คนฉลาด  ชอบเรียนรู้จากประสบการณ์ของผ

prickpon

ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ คนกำลังจะเลี้ยงจะได้ศึกษาก่อนที่จะเลี้ยง รักและต้องดูแลเอาใจใส่ เป็นปัจจัยการเลี้ยงสัตว์ทุกชนิด

tee_arts

อ้างถึงimigran เป็นผู้เขียน:








มาให้กำลังใจ น้องชาย  เขียนให้จบนะ อย่าค้างๆคาๆ เจ๊ไม่ชอบ (ไม่ได้ชวนตีเน้อ) อิอิ
เห็นภาพของพี่จิ แล้วรู้สึกหลอนๆจัง(พี่ชอบโจ๊กเกอร์เหรอครับ)